ไม่ทราบว่าใครเป็นคนแรกที่บอกว่า สีชมพูเป็นสีแห่งความรัก สีเขียวเป็นสีแห่งการบำบัดรักษา และเป็นคตินิยมที่เชื่อถือกันอย่างกว้างขวางมาช้านาน เขาไปเอามาจากไหน ?
ไม่ว่าจะมีต้นตอมาจากที่ใดแต่คตินิยมความเชื่อนี้ไปสอดคล้องกับความคิดความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งที่ประกาศว่า เขาสามารถมองเห็น Aura หรือ “ รัศมีทางจิตวิญญาณ ” เหล่านี้ได้(ปัจจุบันวิทยาศาสตร์สามารถเห็นแค่รังสี/รัศมีบางประเภทที่เปล่งออกมาจากร่างกายมนุษย์ เช่น รังสี/รัศมีเบต้า แกมม่า อินฟราเรด คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แต่รังสี/รัศมีประเภทที่เปล่งออกมาจากร่างนักบูญหรือผู้มีจิตวิญญานที่สูงส่งตามภาพวาดในโบสถ์ วิหาร สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆยังค้นไม่พบหรือไม่มีคำอธิบายใดๆ)
Dr.Frank Baronowski แห่งมหาวิทยาลัยอริโซน่า ประกาศว่า คนเราสามารถเห็นรังสี/รัศมีเหล่านี้ได้ด้วยตาเปล่าโดยการฝึกมอง ! ดร.แฟรงค์ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์และเชี่ยวชาญด้าน bio-magnetic radiation กล่าวว่า ปกติคนเราจะมีรัศมีทางจิตวิญญาณแผ่ออกมาจากตัวราว 3-5 ฟุต รัศมีเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอารมณ์ สภาพร่างกาย และสภาพจิตใจของบุคคลนั้นๆ ถ้ารัศมีแผ่ออกมาเป็นสีฟ้า( Blue) นั่นเป็นเครื่องหมายของการมีจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง( Deep spirituality ) สีเขียวคือพลังทางการบำบัดรักษา ( Healing color ) ถ้าแผ่ออกมาเป็นสีเหลือง หมายถึงมีพลังทางความฉลาดสูงยิ่ง ( High intelligence) ถ้าเป็นสีแดงหมายถึงความโกรธเคือง หรือความคับข้องใจ( Anger or frustration)
ดร.แฟรงค์ กล่าวต่อไปว่า ที่จะมีรัศมีสีชมพูเปล่งออกมานั้นหายาก แต่ถ้าเปล่งออกมาสีนี้จะหมายถึงเขาผู้นั้นมีความรักแบบไม่เห็นแก่ตัว ( a person capable of selfless love ).
เอาละ ไม่รู้ใครเป็นคนแรกที่บอกว่าสีชมพูเป็นสีแห่งความรัก สีเขียวเป็นสีแห่งการบำบัดรักษา แต่อย่างน้อยก็มีบุคคลที่มีดีกรีความรู้มาบอกใกล้กันแล้วว่าสีของรัศมีที่เปล่งออกมาจากกายมนุษย์ถ้าเป็นสีชมพูหมายถึงการมีความรักแบบไม่เห็นแก่ตัว (
https://sathyasaiwithstudents.blogspot.com/2016/07/when-frank-baronowski-saw-sri-sathya.html )
..................
รัศมี/สีแห่งความรัก
ไม่ว่าจะมีต้นตอมาจากที่ใดแต่คตินิยมความเชื่อนี้ไปสอดคล้องกับความคิดความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งที่ประกาศว่า เขาสามารถมองเห็น Aura หรือ “ รัศมีทางจิตวิญญาณ ” เหล่านี้ได้(ปัจจุบันวิทยาศาสตร์สามารถเห็นแค่รังสี/รัศมีบางประเภทที่เปล่งออกมาจากร่างกายมนุษย์ เช่น รังสี/รัศมีเบต้า แกมม่า อินฟราเรด คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แต่รังสี/รัศมีประเภทที่เปล่งออกมาจากร่างนักบูญหรือผู้มีจิตวิญญานที่สูงส่งตามภาพวาดในโบสถ์ วิหาร สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆยังค้นไม่พบหรือไม่มีคำอธิบายใดๆ)
Dr.Frank Baronowski แห่งมหาวิทยาลัยอริโซน่า ประกาศว่า คนเราสามารถเห็นรังสี/รัศมีเหล่านี้ได้ด้วยตาเปล่าโดยการฝึกมอง ! ดร.แฟรงค์ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์และเชี่ยวชาญด้าน bio-magnetic radiation กล่าวว่า ปกติคนเราจะมีรัศมีทางจิตวิญญาณแผ่ออกมาจากตัวราว 3-5 ฟุต รัศมีเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอารมณ์ สภาพร่างกาย และสภาพจิตใจของบุคคลนั้นๆ ถ้ารัศมีแผ่ออกมาเป็นสีฟ้า( Blue) นั่นเป็นเครื่องหมายของการมีจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง( Deep spirituality ) สีเขียวคือพลังทางการบำบัดรักษา ( Healing color ) ถ้าแผ่ออกมาเป็นสีเหลือง หมายถึงมีพลังทางความฉลาดสูงยิ่ง ( High intelligence) ถ้าเป็นสีแดงหมายถึงความโกรธเคือง หรือความคับข้องใจ( Anger or frustration)
ดร.แฟรงค์ กล่าวต่อไปว่า ที่จะมีรัศมีสีชมพูเปล่งออกมานั้นหายาก แต่ถ้าเปล่งออกมาสีนี้จะหมายถึงเขาผู้นั้นมีความรักแบบไม่เห็นแก่ตัว ( a person capable of selfless love ).
เอาละ ไม่รู้ใครเป็นคนแรกที่บอกว่าสีชมพูเป็นสีแห่งความรัก สีเขียวเป็นสีแห่งการบำบัดรักษา แต่อย่างน้อยก็มีบุคคลที่มีดีกรีความรู้มาบอกใกล้กันแล้วว่าสีของรัศมีที่เปล่งออกมาจากกายมนุษย์ถ้าเป็นสีชมพูหมายถึงการมีความรักแบบไม่เห็นแก่ตัว (https://sathyasaiwithstudents.blogspot.com/2016/07/when-frank-baronowski-saw-sri-sathya.html )