
.
“เพชร กรุณพล” รองโฆษกพรรคประชาชน โต้ “ไผ่ ลิกค์” ปมปูด สส.ปชน. ใช้งานเด็กมัธยมเป็นผู้ช่วย สส. บอก ถ้าคุณสมบัติไม่ครบ สภาก็ตีตก แจงจบ ม.ปลาย แล้วสนใจการเมืองแต่เด็ก เลยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เย้ย หวังว่าจะมีข้อมูลเด็ดมาหักล้าง ไม่ใช่ปั้นข่าวขึ้นมา เพราะแค้น “ไอซ์” ที่ปั่นจนหัวหมุน
.
7 พ.ย. 2568 นาย
กรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กกรณีที่นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรคกล้าธรรม ออกมาแฉเรื่องผู้ช่วย สส.พรรคประชาชน เป็นเด็กมัธยม ว่า ฃ
.
การตั้งผู้ช่วย สส.มีระเบียบกำหนดชัดเจน แม้ตัว สส.จะเซนต์รับรอง แต่หากคุณสมบัติไม่ครบ สภาก็จะตีตก ให้ สส.หาคนใหม่มาแทน
.
สำหรับผู้ช่วยคนนี้จบมัธยมปลายมาแล้วและเป็นคนที่สนใจการเมืองโดยทำกิจกรรมต่างๆมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่คนในวัยเดียวกันยังเที่ยวเล่นแต่น้องกลับเลือกช่วยงานเล็กๆน้อยๆ ที่สามารถได้เรียนรู้จากผู้ใหญ่ที่ทำงานการเมือง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เมื่อถึงวันที่พร้อม จะได้เป็นอีกหนึ่งแรง ที่จะเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นนักการเมืองคุณภาพของประเทศนี้
.
ก็หวังว่านักการเมืองอาชีพที่อยู่มานานบบคุณไผ่ จะมีข้อมูลเด็ด มาหักล้างกับเอกสารและหลักฐานที่น้องใช้ยื่นกับสภา ไม่ใช่ปั้นข่าวขึ้นมา เพราะแค้นที่ถูกคุณไอซ์ ปั่นจนหัวหมุนมาหลายครั้งในช่วงสัปดาห์นี้ #พรรคประชาชน
.
https://www.facebook.com/karoonpon.tieansuwan/posts/pfbid035ovhZ8dbVTreGvWB3XNzjtxgZUaMcfdqPBydZwyEH74ogPTNaRQRCLneaz5e64nWl
.
.
กสม.ชี้ผลสอบชัด รบ.-สมช.-สตม.ขัดหลักสากล ส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน ทบทวนส่งกลับ 5 คนที่เหลือ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5446202
.
เปิดผลสอบ กสม.ชี้ รบ.-สมช.-สตม. ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ละเมิดสิทธิมนุษยชน ขัดหลักสากลห้ามผลักดันกลับสู่อันตราย แนะรัฐติดตามตรวจเยี่ยม ป้องกันปัญหา
.
เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ร้อง 4 ราย ซึ่งมีทั้งบุคคลและองค์กรเอกชนจากกรณีที่รัฐบาลไทย (ผู้ถูกร้องที่ 1) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (ผู้ถูกร้องที่ 2) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) (ผู้ถูกร้องที่ 3) ได้ส่งชาวอุยกูร์ 40 คน ที่ถูกกักอยู่ในสถานกักตัวคนต่างด้าวของ สตม. กลับจีนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ทั้งที่ปรากฏหลักฐานอันเชื่อได้ว่าชาวอุยกูร์มีความเสี่ยงสูงที่จะต้องเผชิญกับการทรมาน การบังคับให้สูญหาย และการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรม ดังที่ปรากฏในรายงานการประเมินข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ จัดทำโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) รวมทั้งข้อมูลจากหลายแหล่งยืนยันว่า การปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
.
นอกจากนี้ ผู้ถูกร้องทั้งสามมีพฤติการณ์ปกปิด ซ่อนเร้น และบังคับส่งกลับโดยชาวอุยกูร์ไม่สมัครใจ อันเป็นการฝ่าฝืนหลักการห้ามผลักดันกลับ (non-refoulement) และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ 2565 มาตรา 13 รวมทั้งพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ จึงขอให้ตรวจสอบ
.
นายวสันต์กล่าวต่อว่า กสม.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายทั้งจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน ความเห็นของนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ การลงพื้นที่แสวงหาข้อเท็จจริงของพนักงานเจ้าหน้าที่ ประกอบหลักกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) มีหลักการสำคัญกำหนดว่า บุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพและความปลอดภัยของร่างกาย จะถูกทรมานหรือได้รับการปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมมิได้ และรัฐภาคีต้องไม่ขับไล่ ส่งกลับ (ผลักดันกลับออกไป) หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่งเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า บุคคลนั้นจะตกอยู่ภายใต้อันตรายที่จะถูกทรมาน หลักการห้ามผลักดันกลับ (non-refoulement) ดังกล่าวมีสถานะเป็นกฎหมายประเพณีระหว่างประเทศอันเป็นสาระสำคัญของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565
.
นายวสันต์กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อปี 2557 ชาวอุยกูร์ได้หลบหนีจากจีนเข้าประเทศไทย โดยมีประเทศตุรกีเป็นประเทศปลายทาง ต่อมาในปี 2558 ชาวอุยกูร์ 173 คนถูกส่งไปยังประเทศตุรกี 109 คน ถูกส่งกลับจีน เหลือชาวอุยกร์อีก 40 คน ถูกกักในสถานกักตัวคนต่างด้าว สตม. (สวนพลู) และอีก 5 คน ถูกขังอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากหลบหนีออกจากห้องกัก และจะครบกำหนดรับโทษในปี 2572
.
โดยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เวลาประมาณ 02.00 น. มีขบวนรถบรรทุกติดฟิล์มดำหลายคันพร้อมรถนำขบวนเคลื่อนออกจากสถานกักตัว (สวนพลู) ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยว่าจะเป็นรถบรรทุกชาวอุยกูร์ ต่อมาในช่วงค่ำของวันเดียวกัน รัฐบาลไทยแถลงข่าวว่าได้ส่งชาวอุยกูร์กลับจีนตามหนังสือทางการทูตอย่างเป็นทางการของจีน และให้คำมั่นรับรองว่าจีนจะไม่ดำเนินคดีชาวอุยกูร์ รวมทั้งจะดูแลและจัดหาอาชีพให้ อีกทั้งการส่งกลับเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายภายในประเทศไทย คือพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ และยืนยันว่า ชาวอุยกูร์ทั้ง 40 คน กลับด้วยความสมัครใจ
.
นายวสันต์กล่าวต่อว่า กสม.พิจารณาแล้วเห็นว่า ชาวอุยกูร์เป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายและถูกดำเนินคดีรับโทษจำคุกในความผิดฐานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว จึงมีฐานะเป็นเพียงผู้ต้องกัก มิใช่ผู้ต้องหา นักโทษ หรือผู้กระทำผิดต่อกฎหมายไทยแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อมีข้อเท็จจริงปรากฏว่าชาวอุยกูร์ยืนยันไม่ประสงค์กลับจีน แต่ต้องการเดินทางไปประเทศที่สามเนื่องจากเกรงว่าจะได้รับภยันตรายภายหลังจากการส่งกลับ จึงถือว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นผู้แสวงหาที่ลี้ภัยที่ต้องได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชน
.
ดังนั้น การจะส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง ผู้ถูกร้องทั้งสามจึงต้องพิจารณาข้อเท็จจริงและประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะความน่าเชื่อถือของการรับรองจากประเทศต้นทางและความสมัครใจกลับ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นจากประชาคมระหว่างประเทศว่าชาวอุยกูร์จะไม่ถูกกระทำทรมาน
.
“จากการตรวจสอบไม่ปรากฏว่าผู้ถูกร้องทั้งสามได้ให้ความเชื่อมั่นว่าการส่งชาวอุยกูร์กลับจะมีความปลอดภัยและไม่ถูกทรมาน แต่ยังคงส่งชาวอุยกูร์กลับจีน โดยพิจารณาเพียงคำรับรองและคำมั่นจากรัฐบาลจีนว่าชาวอุยกูร์จะปลอดภัย ไม่ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย และไม่เคยแสดงหลักฐานเชิงประจักษ์เกี่ยวกับกระบวนการส่งตัวและการให้ความยินยอมกลับจีนโดยสมัครใจของชาวอุยกูร์ โดยชี้แจงเพียงหลักการที่ใช้ในการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับเท่านั้น
.
การยืนยันว่าชาวอุยกูร์สมัครใจกลับจึงเป็นเพียงการกล่าวอ้างของผู้ถูกร้องทั้งสามฝ่ายเดียว ทั้งที่มีข้อมูลจากรายงานการประเมินข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ระบุว่าเคยมีการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายต่อชาวอุยกูร์ นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ประเมินสถานการณ์ก่อนการส่งตัวกลับและผลกระทบภายหลังว่าสุ่มเสี่ยงที่จะขัดต่อมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และกระทบต่อภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของไทยในสายตาประชาคมโลก” นายวสันต์กล่าว
.
นายวสันต์กล่าวอีกว่า แม้ภายหลังการส่งกลับ ผู้ถูกร้องทั้งสามได้ไปตรวจสอบความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ แต่ก็เป็นเพียงช่วงระยะเวลาที่สั้นและชั่วคราว ทั้งยังมีข้อจำกัดด้านการสื่อสาร และการเดินทาง โดยได้พบชาวอุยกูร์บางส่วนเท่านั้น ด้วยวิธีการประชุมผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Meeting) อีกทั้งยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีน ทำให้ไม่สามารถเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมบริบทในพื้นที่ได้ทั้งหมดและเพียงพอที่จะรับรองได้ว่าชาวอุยกูร์มีความปลอดภัยและไม่ถูกกระทำทรมานหรือถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
.
“ชั้นนี้จึงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องทั้งสามกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน จากกรณีการส่งชาวอุยกูร์กลับจีนละเมิดต่อหลักการห้ามผลักดันกลับ (non-refoulement) อนุสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ทั้งยังขัดต่อความเชื่อมั่นที่ประชาคมระหว่างประเทศมีต่อประเทศไทยกรณีที่ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำปี 2568-2570 นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับต่างประเทศ ตลอดจนความสำคัญกับกลุ่มประเทศมุสลิม” นายวสันต์ระบุ
.
นายวสันต์กล่าวว่า เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้แสวงหาที่ลี้ภัยไม่ให้ถูกส่งกลับไปยังดินแดนที่มีภยันตราย และคำนึงถึงความปลอดภัย ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กสม.เห็นควรมีข้อเสนอแนะไปยังผู้ถูกร้องทั้งสามและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสรุปได้ดังนี้ (1) มาตรการในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันติดตามตรวจเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งรายงานผลการติดตามต่อสาธารณะ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นที่แน่ชัดว่าชาวอุยกูร์มีความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดี รวมทั้งให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) คณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR) ภาคประชาสังคมและสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เข้าร่วมติดตามทำข่าว เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่โปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ
.
ให้รัฐบาลไทย และสภาความมั่นคงแห่งชาติ พิจารณาทบทวนการส่งกลับผู้ต้องขังชาวอุยกูร์ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ 5 คน โดยต้องคำนึงถึงหลักการห้ามผลักดันกลับ (non-refoulement) กฎหมายภายในประเทศและอนุสัญญาที่เกี่ยวข้อง การประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบและรอบด้าน ซึ่งรวมถึงการประเมินสถานการณ์ของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งกลับต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ รวมทั้งมีหนังสือรับรองจากรัฐบาลจีนอย่างเป็นทางการที่สามารถตรวจสอบและเปิดเผยได้ต่อสาธารณชน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวอุยกูร์ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง
JJNY : 5in1 “เพชร”โต้“ไผ่”│ชี้ชัดขัดหลักสากลส่งอุยกูร์│อ่างทองอ่วม!พนังแตก│ปภ.ติดตามคัลแมกี│ยูเครนตัดสินจำคุกทหารรัสเซีย
https://ch3plus.com/news/political/morning/451147
.
“เพชร กรุณพล” รองโฆษกพรรคประชาชน โต้ “ไผ่ ลิกค์” ปมปูด สส.ปชน. ใช้งานเด็กมัธยมเป็นผู้ช่วย สส. บอก ถ้าคุณสมบัติไม่ครบ สภาก็ตีตก แจงจบ ม.ปลาย แล้วสนใจการเมืองแต่เด็ก เลยเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เย้ย หวังว่าจะมีข้อมูลเด็ดมาหักล้าง ไม่ใช่ปั้นข่าวขึ้นมา เพราะแค้น “ไอซ์” ที่ปั่นจนหัวหมุน
.
7 พ.ย. 2568 นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กกรณีที่นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรคกล้าธรรม ออกมาแฉเรื่องผู้ช่วย สส.พรรคประชาชน เป็นเด็กมัธยม ว่า ฃ
.
การตั้งผู้ช่วย สส.มีระเบียบกำหนดชัดเจน แม้ตัว สส.จะเซนต์รับรอง แต่หากคุณสมบัติไม่ครบ สภาก็จะตีตก ให้ สส.หาคนใหม่มาแทน
.
สำหรับผู้ช่วยคนนี้จบมัธยมปลายมาแล้วและเป็นคนที่สนใจการเมืองโดยทำกิจกรรมต่างๆมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่คนในวัยเดียวกันยังเที่ยวเล่นแต่น้องกลับเลือกช่วยงานเล็กๆน้อยๆ ที่สามารถได้เรียนรู้จากผู้ใหญ่ที่ทำงานการเมือง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เมื่อถึงวันที่พร้อม จะได้เป็นอีกหนึ่งแรง ที่จะเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นนักการเมืองคุณภาพของประเทศนี้
.
ก็หวังว่านักการเมืองอาชีพที่อยู่มานานบบคุณไผ่ จะมีข้อมูลเด็ด มาหักล้างกับเอกสารและหลักฐานที่น้องใช้ยื่นกับสภา ไม่ใช่ปั้นข่าวขึ้นมา เพราะแค้นที่ถูกคุณไอซ์ ปั่นจนหัวหมุนมาหลายครั้งในช่วงสัปดาห์นี้ #พรรคประชาชน
.
https://www.facebook.com/karoonpon.tieansuwan/posts/pfbid035ovhZ8dbVTreGvWB3XNzjtxgZUaMcfdqPBydZwyEH74ogPTNaRQRCLneaz5e64nWl
.
.
กสม.ชี้ผลสอบชัด รบ.-สมช.-สตม.ขัดหลักสากล ส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน ทบทวนส่งกลับ 5 คนที่เหลือ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5446202
.