สวัสดีขาวพันทิปอีกครั้ง ทีแรกผมคิดว่าตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายแต่ผมลืมไปว่าการเลิกกระท่อมของผมมี2ครั้งคือ ครั้งที1คือหักดิบ ครั้งที่2คือลดปริมาณลง ตอนนี้จึงไม่ใช่ตอนสุดท้ายครับ เพื่อจะให้ทุกได้สัมผัสการเลิกทั้งแบบตอนที่3นี้จึงเป็นตอนเลิกกระท่อมแบบหักดิบ แล้วตอนที่4ถึงเป็นเลิกกระท่อมแบบลดปริมาณลง งั้นเราไปต่อกันเลยครับ
กับตอนที่3.(การเลิกกระท่อมแบบหักดิบ )
กระท่อมพอติดจนเข้าเส้นแล้วบอกเลยตอนจะเลิกไม่ง่ายแน่นอนไม่ว่าจะกินใบ กินน้ำดิบ หรือน้ำผสม ปลายทางที่รอคือนรกครับ 20ปีที่แล้วผมเคยติดเข็มแต่เลิกมาได้ แล้วไม่เคยติดมันอีกเลย ในตอนนั้น กัญชา ยาบ้า กาว เข็ม ยาอี หรืออะไรก็ตาม เมื่อจะเลิกมัน ทั้งหมดที่กล่าวมาเข็มคือนรกสุดๆแล้วยังจำไม่เคยลืมไม่ชักตายก็บุญแล้ว ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักกระท่อมเลยจนกระทั่งเลิกยาพวกนั้นมาก็16-17ปีถึงมารู้จักกระท่อมก็เมื่อ3-4ปีที่ผ่านมา ตามจริงรู้จักกระท่อมมานานละครับตั้งแต่อายุ25-26แต่ไม่เคยได้ใช้จริงๆจังๆ จนกระทั่งผมเริ่มใช้มันก็เมื่อ2-3ปีที่ผ่านมาคร่าวๆนะครับ ตอนมันถูกกฏหมายก็เริ่มกินมาตลอดจากวันละขวดน้ำ500ซีๆจนมาถึงวันละ2ลิตรระหว่างทาง2-3ปีที่กินมาเหมือนได้โลกใบใหม่ท้องฟ้าไม่เคยหม่นหมองแม้ยามฟ้าครึ้มก็ตาม ทุกอย่างสดใสไปหมดมันคือโลกที่หน้าอยู่..เอ๊ะ!!อารมณ์คล้ายเข็มเลยวะผมนึกในใจอยู่ครั้งนึงแต่ก็คิดว่าเข็มมันฟินกว่านี้ไม่เป็นไรหรอกมันคนละอันกัน ก็กินมาเรื่อยๆจนวันนึงเริ่มรู้ตัวว่าติด เพราะปีใหม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วเอาน้ำไปแค่2ขวดซึ่งไม่พอ และหาซื้อยากมากเพราะอยู่บนเขาพอน้ำหมดแล้ว ถึงเวลาไม่ได้กินตามเวลาอาการมันก็ออกแต่ไม่มาก มันแค่คั่นเนื้อคั่นตัวแต่ไม่ได้แย่อะไรมากมาย ไปเที่ยวทั้งวันก็ยังอยู่ได้โดยไม่กินกระท่อมแค่รู้สึกปวดนิดๆก็คิดแค่ว่าเราอาจเพลียจากการไปเที่ยว พอตกเย็นอาการที่เป็นก็ยังไม่หาย แต่ด้วยที่เราอยู่ในที่ท่องเที่ยวยังคงตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเลยไม่เป็นอะไรมาก ตอนจะกลับที่พักก็แวะตลาดนัดในพื้นที่ และแหมเรดาร์ผมดีจัดดันไปเห็นมีคนเอาน้ำกระท่อมมาขาย ไม่รอช้าครับ ผมจอดรถได้ก็ดิ่งเข้าหาเลยในขณะที่เดินไปร้านขายน้ำกระท่อมความรู้สึกผมตอนนั้นกระหายมากครับเร่งเดินเพื่อไปให้ถึงมันเร็วๆ พอถึงร้านก็ถามราคา เขาขายขวด600มิลลิลิตรราคา60บาทพระเจ้าแพงแต่ซื้อ😁มันโหยแล้วอะเท่าไหร่ก็ซื้อ ผมจัดมา10ขวดเลยเผื่อวันกลับด้วยกลัวว่าจะหาซื้อไม่ได้ พอซื้อมาได้ก็เปิดขวดกินมันตรงนั้นเลยทีเดียวหมด ไม่เกิน5นาทีครับทุกอย่างกลับกลายหายไปเลยอาการต่างๆที่เป็นมาทั้งวันหายทันที โลกที่มัวๆมาทั้งวันมองเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยชัดทุกอย่างสดใสชัดแจ่มแจ้งในทันทีอาการซึมๆหายไปเลย ผมเดินมาขึ้นรถระหว่างรอครอบครัวไปเดินตลาด สิ่งที่ฉุกคิดขึ้นมาตอนนั้นคือนี้กุติดแล้วสินะแต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไรครับ เพราะอาการที่เจอแค่นั้นมันชิวๆสบายๆถึงเวลาจะเลิกก็ทำได้แน่ดีกว่าเลิกเข็มเยอะ ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าการฉุกคิดครั้งนั้นคือสัญญาณเตือนจากตัวผมเองว่ากำลังจะเจอกับอะไรหากผมยังกินต่อไป หลังจากปีใหม่ผมก็ยังคงคะนองกินมาเรื่อยๆแถมเพิ่มใบเวลาต้มเข้าไปอีกแต่น้ำใส่เท่าเดิม จนกระทั่งอยู่ดีๆผมคิดจะเลิกเพราะคิดว่าพอละอิ่มตัวกินได้ก็เลิกได้เปลืองตังค์ก็เลยจะเลิก ผมจำได้ว่าวันนั้นคือวันที่20มีนาคม2566นั้นคือการเลิกครั้งแรก
20 มีนาคม 2566 เลิกกระท่อมครั้งแรกแบบหักดิบ วันที่19มีนาคมก่อนจะหยุดกินกระท่อมผมไม่มีความกลัวใดๆเลยไม่เคยศึกษาที่ใดเลยว่าต้องทำไงเพราะคิดว่าอาการอาจจะเหมือนตอนปีใหม่ แล้วเดี๋ยวเราก็ผ่านไป ผมกินกระท่อมทั้งหมดที่มีในวันที่19กินตลอดทั้งวันจนหมดน่าจะ3ลิตรได้ ไม่เหลือน้ำกระท่อมเลยแม้แต่ขวดเดียว หยดเดียวก็ไม่เหลือ เอาละครับต่อจากนี้ไปคือสิ่งที่ผมเผชิญมาในการเลิกกระท่อมครั้งนี้ ไม่มีเติมแต่งใดๆทั้งสิ้น วันที่20มีนาคม ตื่นมาตอน6โมงครึ่งตามเวลาปกติ มีอาการมึนๆอย่างที่เคยเป็นตอนปีใหม่แต่ยังไม่หนักมาก อาบน้ำเสร็จก็มานั่งหน้าบ้านเตรียมไปทำงาน กินน้ำเปล่าไปหนึ่งขวดหลังจากกินน้ำเปล่าได้5นาทีสิ่งที่ตามมาทันทีคือ เริ่มมีอาการเพลีย ตัวเริ่มชา อากาศท้องฟ้าขุ่นมัวไปหมด แรงไม่มี สภาวะอากาศของเดือนมีนาคมที่ร้อน ทำให้เหงือออกมาก รู้สึกไม่อยากทำอะไรนอกจากนอน ถึงเวลาผมก็พาตัวเองไปทำงานด้วยสภาพนั้น อาการเริ่มหนักขึ้นหลังจากกินกาแฟเริ่มปวดตามแขนขา กินข้าวได้แต่ไม่เยอะเท่าที่เคย หลังจากกินข้าวก็มีอาการร้อนมากๆมาก่อน บวกกับปวดแขนขาเริ่มรุนแรงขึ้นแต่ยังทนไหว ผมทนอยู่แบบนั้นทั้งวันจนถึงตอนเย็น ความปวดเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีกเท่าตัว เริ่มลามไปทุกส่วนของร่างกาย และแขนขาที่เคยใช้งานปวดหนักที่สุด แต่ก็ยังทนไหวแต่หนักมากครับมันคือความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ถูกแต่ปวด กินข้าวไม่ลงเลย ถึงเวลาอาบน้ำเข้านอนนั้นแหละช่วงเวลานรกกำลังมา อาการแรกหลังอาบน้ำเลยคือหนาว แสงไฟในห้องมัวมากเพลียมากปิดไฟนอนก่อนใครเลยเพราะอยากนอนจริงๆ ร่างกายสมองมันสั่งเราให้นอน แต่ความเจ็บปวดมันปลุกเราให้ตื่น หนาว พอห่มผ้าร้อน เปิดผ้าหนาว อาการปวดเหมือนมีเข็มราวๆร้อยเล่มวิ่งชอนร่างกายไปทั่ว แทงยิบๆตามกล้ามเนื้อปวดแบบให้เพลียแค่ไหนก็หลับไม่ลง นอนดิ้นไปดิ้นมาทรมานสุดๆสรุปทั้งคืนได้นอนตอนตี5แค่ครึ่งชั่วโมง สะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บปวดอีกตอนตี5ครึ่งแล้วก็ไม่ได้นอนอีกเลย ลุกมาอาบน้ำโดนน้ำก็ขนลุกเหมือนจะไข้แต่ไม่ใช่พออาบน้ำเสร็จร้อนอีกเพราะมันหน้าร้อนด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากที่ผมเลิกกระท่อมฤดูกาลนี้ ทีนี้หนักกว่าวันแรกมากครับ
วันที่21มีนาคม2566 วันที่2ของการเลิกกระท่อมแบบหักดิบ โลกทั้งใบที่เคยสดใจเบิกบานกลายเป็นนรกอยู่ตรงหน้า มันเจ็บปวดมากกว่าวันแรกหลาย10เท่ารวมถึงอาการร้อนๆหนาวๆเหมือนจะไข้ มัดรวมกันปะทุเป็นนรกอยู่บนตัวผม แต่ผมก็ทนมันแบบนั้น มันยังคงเป็นผลกระทบต่อร่างกายที่เราจะทนมันให้ไหว ที่มันหนักเกิดจากที่เราไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไอ้ครึ่งชั่วโมงของคืนที่ผ่านมาเรียกว่านอนยังไม่ได้เลย มันจึงทำให้ร่างกายอ่อนเพลียจากการไม่ได้นอนในคืนที่ผ่านมา ผมพยามจะกินข้าวให้ได้แต่ก็กินได้ไม่กี่คำ ในขณะที่ทนอยู่แบบนั้นผมก็สรรหาวิธีต่างจากคนที่เคยหักดิบว่าต้องทำไงก็มีหลายวิธีเช่น ออกกำลังกายตอนเย็นให้หนักๆ กินเบียร์ให้เมาหลับไปเอง กินเหล้าบ้าง น้ำหวานบ้าง ตกเย็นผมก็เลือกวิธีกินเหล้ากินๆๆแต่กินเท่าไหร่ก็ไม่เมา ซ้ำร้ายไปอีกตกกลางคืนร้อนเหมือนตัวจะระบิด กินยาคลายกล้ามเนื้อเข้าไปหนักกว่าเดิมทรมารกว่าเก่า ผมนอนทรมานแบบนั้นจนถึงตี1กว่าๆ ทนไม่ไหวลุกขึ้นมาเดินอยู่ในบ้านเดินวนไปวนมาอยู่แบบนั้นเพราะนอนไม่ได้เลยปวดกว่าวันแรกมากไหนจะร้อนเพราะยาเพราะเหล้าอีกเดินไปก็จิบเหล้าไปเดินจนเช้าสว่างคาตา ลงนรกมา2วันละ
วันที่22มีนาคม2566 ยังคงปวดไม่ต่างจากวันที่2ไม่มีทีท่าจะลดลง กินอะไรไม่ได้ละเพราะระบบมันพังไปหมดต้องกินแค่โจ๊กร้อนๆอย่างเดียว กินได้ก็ไม่กี่คำ เข้าวันที่3เริ่มไม่ใช่ผลกระทบต่อร่างกายละ มันกำลังลามไปถึงสภาวะจิตใจ เริ่มมองโลกในแง่ลบ บ้านที่เคยอยู่จากที่มีความสุขมากๆกลายเป็นนรก จิตใจเริ่มคิดฟุ้งซ่าน แต่ยังคงมีสติอยู่ตลอด ยังไม่ถึงขั้นหนักมาก แต่ที่ตรงนั้นหรือตรงไหนที่เราเคยมีความสุขเริ่มไม่ใช่อีกต่อไป โลกเริ่มมืดลงไปเรื่อยๆบวกกับความทรมานที่ยังคงมีแบบไม่ให้พัก อยากให้มันผ่านวันนี้ไปเร็วๆ เริ่มคิดย้อนไปถึงตอนที่เรากินกระท่อมว่ามีความสุขแค่ไหน แค่ได้กินสักแก้วนรกเหล่านี้ก็จะหายไป นั้นแหละครับวันที่3นี้ผมกำลังอยู่ในสภาวะสู้กับปีศาจในใจ กระท่อมมันกำลังจะควบคุมจิตใจผมได้ โดยยัดใส่ความทรมานให้ผมจนทนแทบไม่ไหว แต่ผมจะทนมันให้ได้ทรมานกันต่อไป ตกกลางคืนเหมือนเดิมนอนไม่หลับ ความทรมานยังคงไม่ลดละลง หลายคนคงบอกนอนไม่หลับก็หาดูอะไรในโทรศัพท์ไปซิหนังเพลงหรืออะไรก็ได้เดี๋ยวก็หลับไปเอง คืองี้มันไม่ใช่แค่ปวดแขนขาหรือแผลธรรมดาครับ เออ🤔🤔เปรียบเทียบกับอะไรดีละ…อ้อ?ปวดฟัน ไอ้แบบปวดฟันกามที่เวลาปวดหัวคุณจะพังไปซิกนึงอะ ปวดมากก็จะนอนไม่หลับดูโทรศัพท์แทบไม่รู้เรื่องเลย จะนอนก็ไม่หลับดูโทรศัพท์ก็ไม่ได้ แค่ลองเพิ่มว่ามีเข็มแทงอยู่ที่เบ้าฟันที่คุณปวดอยู่แค่นั้นเข้าไป มันก็ปวดแบบจะเป็นจะตาย แต่ปวดฟันมันยังพอมียาแก้ได้บรรเทาได้ แต่ไอ้ปวดที่ผมเป็นไม่มีอะไรบรรเทาได้ ตกเย็นวิ่งครับเขาให้วิ่งหรือออกกำลังกายให้หนักๆไปเลยแล้วกลางคืนจะนอนหลับ วิ่งๆไปจนวิ่งไม่ไหว เสร็จอาบน้ำนอนเลย สรุปไม่ได้ช่วยอะไรทุกอย่างหนักกว่าเดิม ก็เหมือนเดิมนอนไม่หลับก็ออกมาเดินในบ้านเดินไปจิบเหล้าไป ถามว่าออกมาเดินทำไม ตอบเลยว่าดีกว่านอนทรมานแบบนั้น เดินเพื่อผ่อนคลายความคิดและความปวดครับถึงช่วยได้ไม่มากก็ดีกว่านอนดิ้นไปดิ้นมาให้แฟนผมนอนไม่หลับไปด้วย ผมจึงต้องออกมาเดิน เหล้า1กลมเดินไปจิบไปจนเช้า 3วัน ลงนรก3วัน สภาพเหมือนคนใกล้ตาย ดูในเน็ตที่เขาหักดิบบางคนบอกทนให้ได้1อาทิตย์ บางคน4วันจะค่อยๆดีขึ้น บางคน10วัน ไม่รู้จะเชื่อใคร ภาพตัดไปวันที่ผมเลิกเข็ม…..อ้อมันอาการเดียวกันถ้าความเจ็บปวดเข็ม100%กระท่อมก็ประมาน80%-90%เมื่อเทียบกับเข็ม เข็มเรายังรอดมาได้ใช้เวลานานกว่าด้วย ทำไมกะอีแค่นี้ถึงจะ ทำ ไม่ ได้
วันที่23มีนาคม2566ไม่มีอะไรเปลี่ยนเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ปวดเพิ่มแต่ปวดเหมือนเดิมทรมานเหมือนเดิม วันนี้ผมขอหยุดงาน เพราะไม่ได้นอนมา4คืน ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว แต่ในวันที่4นี้สภาพจิตใจดิ่งลงเหวทันที ทุกอย่างในหัวตีกันมั่วไม่หมด เกิดจากร่างกายไม่ได้พักผ่อนมา4วัน4คืน นอนรวมๆกันไม่ถึง2ชั่วโมงเลยใน4วันที่ผ่านมา เริ่มล่องลอยเริ่มมีความคิดหลายอย่างเข้ามาในหัว เหมือนจิตวิญญาณกำลังออกจากเราไป มันจะไหนก็ไม่รู้ ไม่อยากอยู่ที่นี้อีกต่อไปอยากไปเที่ยวไปที่เราอยากไป อยู่ตรงนั้นสักพักพอเราหายถึงกลับมาแต่คิดไปก็ทำไม่ได้มีภาระที่ต้องทำ งานที่ต้องทำ โลกทำไมไม่เหมือนเดิม ทำไมเหมือนเราอยู่ตัวคนเดียว มาถึงจุดนี้เริ่มเข้าใกล้โรคซึมเศร้าแล้วครับ มีคนคอยกำลังใจก็แม่ผมแต่แม่อยู่ไกลจึงได้แค่โทรมา ส่วนแฟนก็คอยแต่ซ้ำเติม ถึงนางจะให้กำลังใจแต่นางทำไม่เป็น มันจึงส่งไม่ถึงเรา ในวันนั้นผมเดินไปเดินมาทั้งน้ำตา พูดกับตัวเองว่านี้กุทำอะไรอยู่ ทรมานไปทำไม ตายไปก็จบแล้ว ถ้ามันจะทรมานขนาดนี้…ทั้งที่ผมเคยผ่านการเลิกเข็มมาได้ แต่ถึงตอนนี้การเลิกกระท่อมจะเบากว่าเข็ม แต่สภาพจิตใจมันต่างกันตามจริงมันเบากว่าเข็มนิดเดียวเอง แต่จากตอนเลิกเข็มมันคนละเรื่องเลย ตอนนั้นผมไม่ได้เลิกเข็มคนเดียวยังมีเพื่อนอีกคนที่เลิกไปพร้อมกันมันคงเหมือนกับว่าเรามีคนที่คอยดูแลกันและกันจนผ่านมันไป รวมถึงเพื่อนๆอีกหลายคนที่คอยมาช่วยดูแลเรา(ตอนนั้นครอบครัวผมไม่มีใครรู้) ที่ผมรอดมาได้เพราะเพื่อนคนนั้นจิตใจเข้มแข็งกว่าคอยดึงให้ผมไม่ต้องฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้งในขณะเลิกยา แต่เลิกกระท่อมครั่งนี้กลับต่างกันออกไป ถึงผมจะรับแรงกดดันแรงกระแทกได้มากเท่าไร แต่ผมเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนไหวง่าย เผชิญได้ทุกอย่าง แต่จิตใจเปราะบางมาก เอาง่ายๆดูการ์ตูนก็น้ำตาแตกได้กับบทที่สะเทือนใจนิดเดียวไม่กี่วิ เมื่อเข้าสู่วันที่4ของการเลิกกระท่อม การถูกทำลายด้านสภาพจิตใจซึ่งคือปราการด่านสุดท้ายที่จะนำพาเราไปถึงจุดหมายในการเลิกกระท่อมให้ได้กำลังจะพังลง ผมทนได้หมดครับไอ้ความเจ็บปวดที่ผ่านมา4วัน4คืน แต่ที่ไม่ไหวจริงๆคือไม่ได้นอนเลย4คืนทั้งที่มันอยากจะนอนใจจะขาด นั้นคือสิ่งที่ทำลายสภาพจิตใจลง แต่ผมไม่ให้มันจบง่ายๆสู้จนวินาทีสุดท้าย 4วัน 4คืน ทุกอย่างในตัวถูกทำลาย เหลือแค่เศษของจิตใจที่ยังสู้ต่อได้
(อ่านต่อกระทู้ต่อไป)
ข้อดีข้อเสียและการเลิกกระท่อม ตอนที่3 เลิกแบบหักดิบ
กับตอนที่3.(การเลิกกระท่อมแบบหักดิบ )
กระท่อมพอติดจนเข้าเส้นแล้วบอกเลยตอนจะเลิกไม่ง่ายแน่นอนไม่ว่าจะกินใบ กินน้ำดิบ หรือน้ำผสม ปลายทางที่รอคือนรกครับ 20ปีที่แล้วผมเคยติดเข็มแต่เลิกมาได้ แล้วไม่เคยติดมันอีกเลย ในตอนนั้น กัญชา ยาบ้า กาว เข็ม ยาอี หรืออะไรก็ตาม เมื่อจะเลิกมัน ทั้งหมดที่กล่าวมาเข็มคือนรกสุดๆแล้วยังจำไม่เคยลืมไม่ชักตายก็บุญแล้ว ตอนนั้นผมยังไม่รู้จักกระท่อมเลยจนกระทั่งเลิกยาพวกนั้นมาก็16-17ปีถึงมารู้จักกระท่อมก็เมื่อ3-4ปีที่ผ่านมา ตามจริงรู้จักกระท่อมมานานละครับตั้งแต่อายุ25-26แต่ไม่เคยได้ใช้จริงๆจังๆ จนกระทั่งผมเริ่มใช้มันก็เมื่อ2-3ปีที่ผ่านมาคร่าวๆนะครับ ตอนมันถูกกฏหมายก็เริ่มกินมาตลอดจากวันละขวดน้ำ500ซีๆจนมาถึงวันละ2ลิตรระหว่างทาง2-3ปีที่กินมาเหมือนได้โลกใบใหม่ท้องฟ้าไม่เคยหม่นหมองแม้ยามฟ้าครึ้มก็ตาม ทุกอย่างสดใสไปหมดมันคือโลกที่หน้าอยู่..เอ๊ะ!!อารมณ์คล้ายเข็มเลยวะผมนึกในใจอยู่ครั้งนึงแต่ก็คิดว่าเข็มมันฟินกว่านี้ไม่เป็นไรหรอกมันคนละอันกัน ก็กินมาเรื่อยๆจนวันนึงเริ่มรู้ตัวว่าติด เพราะปีใหม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดแล้วเอาน้ำไปแค่2ขวดซึ่งไม่พอ และหาซื้อยากมากเพราะอยู่บนเขาพอน้ำหมดแล้ว ถึงเวลาไม่ได้กินตามเวลาอาการมันก็ออกแต่ไม่มาก มันแค่คั่นเนื้อคั่นตัวแต่ไม่ได้แย่อะไรมากมาย ไปเที่ยวทั้งวันก็ยังอยู่ได้โดยไม่กินกระท่อมแค่รู้สึกปวดนิดๆก็คิดแค่ว่าเราอาจเพลียจากการไปเที่ยว พอตกเย็นอาการที่เป็นก็ยังไม่หาย แต่ด้วยที่เราอยู่ในที่ท่องเที่ยวยังคงตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเลยไม่เป็นอะไรมาก ตอนจะกลับที่พักก็แวะตลาดนัดในพื้นที่ และแหมเรดาร์ผมดีจัดดันไปเห็นมีคนเอาน้ำกระท่อมมาขาย ไม่รอช้าครับ ผมจอดรถได้ก็ดิ่งเข้าหาเลยในขณะที่เดินไปร้านขายน้ำกระท่อมความรู้สึกผมตอนนั้นกระหายมากครับเร่งเดินเพื่อไปให้ถึงมันเร็วๆ พอถึงร้านก็ถามราคา เขาขายขวด600มิลลิลิตรราคา60บาทพระเจ้าแพงแต่ซื้อ😁มันโหยแล้วอะเท่าไหร่ก็ซื้อ ผมจัดมา10ขวดเลยเผื่อวันกลับด้วยกลัวว่าจะหาซื้อไม่ได้ พอซื้อมาได้ก็เปิดขวดกินมันตรงนั้นเลยทีเดียวหมด ไม่เกิน5นาทีครับทุกอย่างกลับกลายหายไปเลยอาการต่างๆที่เป็นมาทั้งวันหายทันที โลกที่มัวๆมาทั้งวันมองเท่าไหร่ก็ไม่ค่อยชัดทุกอย่างสดใสชัดแจ่มแจ้งในทันทีอาการซึมๆหายไปเลย ผมเดินมาขึ้นรถระหว่างรอครอบครัวไปเดินตลาด สิ่งที่ฉุกคิดขึ้นมาตอนนั้นคือนี้กุติดแล้วสินะแต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไรครับ เพราะอาการที่เจอแค่นั้นมันชิวๆสบายๆถึงเวลาจะเลิกก็ทำได้แน่ดีกว่าเลิกเข็มเยอะ ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าการฉุกคิดครั้งนั้นคือสัญญาณเตือนจากตัวผมเองว่ากำลังจะเจอกับอะไรหากผมยังกินต่อไป หลังจากปีใหม่ผมก็ยังคงคะนองกินมาเรื่อยๆแถมเพิ่มใบเวลาต้มเข้าไปอีกแต่น้ำใส่เท่าเดิม จนกระทั่งอยู่ดีๆผมคิดจะเลิกเพราะคิดว่าพอละอิ่มตัวกินได้ก็เลิกได้เปลืองตังค์ก็เลยจะเลิก ผมจำได้ว่าวันนั้นคือวันที่20มีนาคม2566นั้นคือการเลิกครั้งแรก
20 มีนาคม 2566 เลิกกระท่อมครั้งแรกแบบหักดิบ วันที่19มีนาคมก่อนจะหยุดกินกระท่อมผมไม่มีความกลัวใดๆเลยไม่เคยศึกษาที่ใดเลยว่าต้องทำไงเพราะคิดว่าอาการอาจจะเหมือนตอนปีใหม่ แล้วเดี๋ยวเราก็ผ่านไป ผมกินกระท่อมทั้งหมดที่มีในวันที่19กินตลอดทั้งวันจนหมดน่าจะ3ลิตรได้ ไม่เหลือน้ำกระท่อมเลยแม้แต่ขวดเดียว หยดเดียวก็ไม่เหลือ เอาละครับต่อจากนี้ไปคือสิ่งที่ผมเผชิญมาในการเลิกกระท่อมครั้งนี้ ไม่มีเติมแต่งใดๆทั้งสิ้น วันที่20มีนาคม ตื่นมาตอน6โมงครึ่งตามเวลาปกติ มีอาการมึนๆอย่างที่เคยเป็นตอนปีใหม่แต่ยังไม่หนักมาก อาบน้ำเสร็จก็มานั่งหน้าบ้านเตรียมไปทำงาน กินน้ำเปล่าไปหนึ่งขวดหลังจากกินน้ำเปล่าได้5นาทีสิ่งที่ตามมาทันทีคือ เริ่มมีอาการเพลีย ตัวเริ่มชา อากาศท้องฟ้าขุ่นมัวไปหมด แรงไม่มี สภาวะอากาศของเดือนมีนาคมที่ร้อน ทำให้เหงือออกมาก รู้สึกไม่อยากทำอะไรนอกจากนอน ถึงเวลาผมก็พาตัวเองไปทำงานด้วยสภาพนั้น อาการเริ่มหนักขึ้นหลังจากกินกาแฟเริ่มปวดตามแขนขา กินข้าวได้แต่ไม่เยอะเท่าที่เคย หลังจากกินข้าวก็มีอาการร้อนมากๆมาก่อน บวกกับปวดแขนขาเริ่มรุนแรงขึ้นแต่ยังทนไหว ผมทนอยู่แบบนั้นทั้งวันจนถึงตอนเย็น ความปวดเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีกเท่าตัว เริ่มลามไปทุกส่วนของร่างกาย และแขนขาที่เคยใช้งานปวดหนักที่สุด แต่ก็ยังทนไหวแต่หนักมากครับมันคือความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ถูกแต่ปวด กินข้าวไม่ลงเลย ถึงเวลาอาบน้ำเข้านอนนั้นแหละช่วงเวลานรกกำลังมา อาการแรกหลังอาบน้ำเลยคือหนาว แสงไฟในห้องมัวมากเพลียมากปิดไฟนอนก่อนใครเลยเพราะอยากนอนจริงๆ ร่างกายสมองมันสั่งเราให้นอน แต่ความเจ็บปวดมันปลุกเราให้ตื่น หนาว พอห่มผ้าร้อน เปิดผ้าหนาว อาการปวดเหมือนมีเข็มราวๆร้อยเล่มวิ่งชอนร่างกายไปทั่ว แทงยิบๆตามกล้ามเนื้อปวดแบบให้เพลียแค่ไหนก็หลับไม่ลง นอนดิ้นไปดิ้นมาทรมานสุดๆสรุปทั้งคืนได้นอนตอนตี5แค่ครึ่งชั่วโมง สะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บปวดอีกตอนตี5ครึ่งแล้วก็ไม่ได้นอนอีกเลย ลุกมาอาบน้ำโดนน้ำก็ขนลุกเหมือนจะไข้แต่ไม่ใช่พออาบน้ำเสร็จร้อนอีกเพราะมันหน้าร้อนด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากที่ผมเลิกกระท่อมฤดูกาลนี้ ทีนี้หนักกว่าวันแรกมากครับ
วันที่21มีนาคม2566 วันที่2ของการเลิกกระท่อมแบบหักดิบ โลกทั้งใบที่เคยสดใจเบิกบานกลายเป็นนรกอยู่ตรงหน้า มันเจ็บปวดมากกว่าวันแรกหลาย10เท่ารวมถึงอาการร้อนๆหนาวๆเหมือนจะไข้ มัดรวมกันปะทุเป็นนรกอยู่บนตัวผม แต่ผมก็ทนมันแบบนั้น มันยังคงเป็นผลกระทบต่อร่างกายที่เราจะทนมันให้ไหว ที่มันหนักเกิดจากที่เราไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไอ้ครึ่งชั่วโมงของคืนที่ผ่านมาเรียกว่านอนยังไม่ได้เลย มันจึงทำให้ร่างกายอ่อนเพลียจากการไม่ได้นอนในคืนที่ผ่านมา ผมพยามจะกินข้าวให้ได้แต่ก็กินได้ไม่กี่คำ ในขณะที่ทนอยู่แบบนั้นผมก็สรรหาวิธีต่างจากคนที่เคยหักดิบว่าต้องทำไงก็มีหลายวิธีเช่น ออกกำลังกายตอนเย็นให้หนักๆ กินเบียร์ให้เมาหลับไปเอง กินเหล้าบ้าง น้ำหวานบ้าง ตกเย็นผมก็เลือกวิธีกินเหล้ากินๆๆแต่กินเท่าไหร่ก็ไม่เมา ซ้ำร้ายไปอีกตกกลางคืนร้อนเหมือนตัวจะระบิด กินยาคลายกล้ามเนื้อเข้าไปหนักกว่าเดิมทรมารกว่าเก่า ผมนอนทรมานแบบนั้นจนถึงตี1กว่าๆ ทนไม่ไหวลุกขึ้นมาเดินอยู่ในบ้านเดินวนไปวนมาอยู่แบบนั้นเพราะนอนไม่ได้เลยปวดกว่าวันแรกมากไหนจะร้อนเพราะยาเพราะเหล้าอีกเดินไปก็จิบเหล้าไปเดินจนเช้าสว่างคาตา ลงนรกมา2วันละ
วันที่22มีนาคม2566 ยังคงปวดไม่ต่างจากวันที่2ไม่มีทีท่าจะลดลง กินอะไรไม่ได้ละเพราะระบบมันพังไปหมดต้องกินแค่โจ๊กร้อนๆอย่างเดียว กินได้ก็ไม่กี่คำ เข้าวันที่3เริ่มไม่ใช่ผลกระทบต่อร่างกายละ มันกำลังลามไปถึงสภาวะจิตใจ เริ่มมองโลกในแง่ลบ บ้านที่เคยอยู่จากที่มีความสุขมากๆกลายเป็นนรก จิตใจเริ่มคิดฟุ้งซ่าน แต่ยังคงมีสติอยู่ตลอด ยังไม่ถึงขั้นหนักมาก แต่ที่ตรงนั้นหรือตรงไหนที่เราเคยมีความสุขเริ่มไม่ใช่อีกต่อไป โลกเริ่มมืดลงไปเรื่อยๆบวกกับความทรมานที่ยังคงมีแบบไม่ให้พัก อยากให้มันผ่านวันนี้ไปเร็วๆ เริ่มคิดย้อนไปถึงตอนที่เรากินกระท่อมว่ามีความสุขแค่ไหน แค่ได้กินสักแก้วนรกเหล่านี้ก็จะหายไป นั้นแหละครับวันที่3นี้ผมกำลังอยู่ในสภาวะสู้กับปีศาจในใจ กระท่อมมันกำลังจะควบคุมจิตใจผมได้ โดยยัดใส่ความทรมานให้ผมจนทนแทบไม่ไหว แต่ผมจะทนมันให้ได้ทรมานกันต่อไป ตกกลางคืนเหมือนเดิมนอนไม่หลับ ความทรมานยังคงไม่ลดละลง หลายคนคงบอกนอนไม่หลับก็หาดูอะไรในโทรศัพท์ไปซิหนังเพลงหรืออะไรก็ได้เดี๋ยวก็หลับไปเอง คืองี้มันไม่ใช่แค่ปวดแขนขาหรือแผลธรรมดาครับ เออ🤔🤔เปรียบเทียบกับอะไรดีละ…อ้อ?ปวดฟัน ไอ้แบบปวดฟันกามที่เวลาปวดหัวคุณจะพังไปซิกนึงอะ ปวดมากก็จะนอนไม่หลับดูโทรศัพท์แทบไม่รู้เรื่องเลย จะนอนก็ไม่หลับดูโทรศัพท์ก็ไม่ได้ แค่ลองเพิ่มว่ามีเข็มแทงอยู่ที่เบ้าฟันที่คุณปวดอยู่แค่นั้นเข้าไป มันก็ปวดแบบจะเป็นจะตาย แต่ปวดฟันมันยังพอมียาแก้ได้บรรเทาได้ แต่ไอ้ปวดที่ผมเป็นไม่มีอะไรบรรเทาได้ ตกเย็นวิ่งครับเขาให้วิ่งหรือออกกำลังกายให้หนักๆไปเลยแล้วกลางคืนจะนอนหลับ วิ่งๆไปจนวิ่งไม่ไหว เสร็จอาบน้ำนอนเลย สรุปไม่ได้ช่วยอะไรทุกอย่างหนักกว่าเดิม ก็เหมือนเดิมนอนไม่หลับก็ออกมาเดินในบ้านเดินไปจิบเหล้าไป ถามว่าออกมาเดินทำไม ตอบเลยว่าดีกว่านอนทรมานแบบนั้น เดินเพื่อผ่อนคลายความคิดและความปวดครับถึงช่วยได้ไม่มากก็ดีกว่านอนดิ้นไปดิ้นมาให้แฟนผมนอนไม่หลับไปด้วย ผมจึงต้องออกมาเดิน เหล้า1กลมเดินไปจิบไปจนเช้า 3วัน ลงนรก3วัน สภาพเหมือนคนใกล้ตาย ดูในเน็ตที่เขาหักดิบบางคนบอกทนให้ได้1อาทิตย์ บางคน4วันจะค่อยๆดีขึ้น บางคน10วัน ไม่รู้จะเชื่อใคร ภาพตัดไปวันที่ผมเลิกเข็ม…..อ้อมันอาการเดียวกันถ้าความเจ็บปวดเข็ม100%กระท่อมก็ประมาน80%-90%เมื่อเทียบกับเข็ม เข็มเรายังรอดมาได้ใช้เวลานานกว่าด้วย ทำไมกะอีแค่นี้ถึงจะ ทำ ไม่ ได้
วันที่23มีนาคม2566ไม่มีอะไรเปลี่ยนเหมือนเดิมทุกอย่าง ไม่ปวดเพิ่มแต่ปวดเหมือนเดิมทรมานเหมือนเดิม วันนี้ผมขอหยุดงาน เพราะไม่ได้นอนมา4คืน ร่างกายมันไม่ไหวแล้ว แต่ในวันที่4นี้สภาพจิตใจดิ่งลงเหวทันที ทุกอย่างในหัวตีกันมั่วไม่หมด เกิดจากร่างกายไม่ได้พักผ่อนมา4วัน4คืน นอนรวมๆกันไม่ถึง2ชั่วโมงเลยใน4วันที่ผ่านมา เริ่มล่องลอยเริ่มมีความคิดหลายอย่างเข้ามาในหัว เหมือนจิตวิญญาณกำลังออกจากเราไป มันจะไหนก็ไม่รู้ ไม่อยากอยู่ที่นี้อีกต่อไปอยากไปเที่ยวไปที่เราอยากไป อยู่ตรงนั้นสักพักพอเราหายถึงกลับมาแต่คิดไปก็ทำไม่ได้มีภาระที่ต้องทำ งานที่ต้องทำ โลกทำไมไม่เหมือนเดิม ทำไมเหมือนเราอยู่ตัวคนเดียว มาถึงจุดนี้เริ่มเข้าใกล้โรคซึมเศร้าแล้วครับ มีคนคอยกำลังใจก็แม่ผมแต่แม่อยู่ไกลจึงได้แค่โทรมา ส่วนแฟนก็คอยแต่ซ้ำเติม ถึงนางจะให้กำลังใจแต่นางทำไม่เป็น มันจึงส่งไม่ถึงเรา ในวันนั้นผมเดินไปเดินมาทั้งน้ำตา พูดกับตัวเองว่านี้กุทำอะไรอยู่ ทรมานไปทำไม ตายไปก็จบแล้ว ถ้ามันจะทรมานขนาดนี้…ทั้งที่ผมเคยผ่านการเลิกเข็มมาได้ แต่ถึงตอนนี้การเลิกกระท่อมจะเบากว่าเข็ม แต่สภาพจิตใจมันต่างกันตามจริงมันเบากว่าเข็มนิดเดียวเอง แต่จากตอนเลิกเข็มมันคนละเรื่องเลย ตอนนั้นผมไม่ได้เลิกเข็มคนเดียวยังมีเพื่อนอีกคนที่เลิกไปพร้อมกันมันคงเหมือนกับว่าเรามีคนที่คอยดูแลกันและกันจนผ่านมันไป รวมถึงเพื่อนๆอีกหลายคนที่คอยมาช่วยดูแลเรา(ตอนนั้นครอบครัวผมไม่มีใครรู้) ที่ผมรอดมาได้เพราะเพื่อนคนนั้นจิตใจเข้มแข็งกว่าคอยดึงให้ผมไม่ต้องฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้งในขณะเลิกยา แต่เลิกกระท่อมครั่งนี้กลับต่างกันออกไป ถึงผมจะรับแรงกดดันแรงกระแทกได้มากเท่าไร แต่ผมเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนไหวง่าย เผชิญได้ทุกอย่าง แต่จิตใจเปราะบางมาก เอาง่ายๆดูการ์ตูนก็น้ำตาแตกได้กับบทที่สะเทือนใจนิดเดียวไม่กี่วิ เมื่อเข้าสู่วันที่4ของการเลิกกระท่อม การถูกทำลายด้านสภาพจิตใจซึ่งคือปราการด่านสุดท้ายที่จะนำพาเราไปถึงจุดหมายในการเลิกกระท่อมให้ได้กำลังจะพังลง ผมทนได้หมดครับไอ้ความเจ็บปวดที่ผ่านมา4วัน4คืน แต่ที่ไม่ไหวจริงๆคือไม่ได้นอนเลย4คืนทั้งที่มันอยากจะนอนใจจะขาด นั้นคือสิ่งที่ทำลายสภาพจิตใจลง แต่ผมไม่ให้มันจบง่ายๆสู้จนวินาทีสุดท้าย 4วัน 4คืน ทุกอย่างในตัวถูกทำลาย เหลือแค่เศษของจิตใจที่ยังสู้ต่อได้
(อ่านต่อกระทู้ต่อไป)