คนรุ่นใหม่’ ไม่อยากมีลูก เพราะไม่อยากให้เด็กเกิดมาเจอวิกฤติสภาพภูมิอากาศ




คนรุ่นใหม่’ ไม่อยากมีลูก เพราะไม่อยากให้เด็กเกิดมาเจอวิกฤติสภาพภูมิอากาศ

 
KEYPOINTS

คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจน Z กังวลเกี่ยวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ทำให้ลังเลที่จะมีลูกเพราะไม่อยากให้เด็กเกิดมาเผชิญกับโลกที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ผลสำรวจและงานวิจัยหลายชิ้นชี้ตรงกันว่า คนหนุ่มสาวจำนวนมากมองว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจชะลอหรือไม่มีลูก


ความกังวลมีสองมิติ คือ ความเป็นอยู่ที่ดีของลูกหลานในอนาคต และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการมีลูก ซึ่งเปรียบเสมือนการสร้าง "มรดกคาร์บอน" (carbon legacy) ให้กับโลก
 

ชาวเจน Z กำลังชะลอการสร้างครอบครัว โดยเฉพาะการมีลูก เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ การเงินส่วนบุคคล และการเมือง แต่ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”



ในโลกที่มีสภาพอากาศสุดขั้วที่รุนแรงและทวีความรุนแรงมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อถูกเผาไหม้ด้วยน้ำมันและก๊าซถ่านหิน ทำให้คนรุ่นใหม่เป็นกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ลูกหลานจะต้องเจอ



จากการศึกษาของ Lancet ในปี 2024 ในกลุ่มคนอายุ 16-25 ปี ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความกังวลมาก หรือมากที่สุด เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การศึกษายังพบว่า 52% กล่าวว่าพวกเขาลังเลที่จะมีลูกเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


ขณะที่ รายงานของศูนย์วิจัย Pew ที่เผยแพร่เมื่อปี 2024 ระบุว่า ผู้ใหญ่อายุต่ำกว่า 50 ปีที่ไม่มีลูก ให้เหตุผลว่าสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจไม่มีลูก มากกว่าคนที่มีอายุเยอะกว่า 50 ปีที่ไม่มีลูกถึงสี่เท่า


งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ในปี 2025 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่งตอบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้พวกเขาตั้งคำถามเกี่ยวกับการมีบุตร


ส่วนผลสำรวจใหม่โดย PVFARM แพลตฟอร์มโซลูชันพลังงานหมุนเวียน พบว่า 38% ของคนเจน Z กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะมีลูกน้อยลง


ไบรอัน ดริสคอลล์ ที่ปรึกษาฝ่ายทรัพยากรบุคคล ผู้เชี่ยวชาญด้านความแตกต่างระหว่างรุ่น กล่าวกับนิตยสาร Newsweek ว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ใช่ภัยคุกคามแบบนามธรรมสำหรับคนรุ่น Gen Z แต่มันเป็นคือสิ่งที่พวกเขาเจอทั้งชีวิต”


คนรุ่นใหม่เติบโตมากับไฟป่า น้ำท่วม และคลื่นความร้อน จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปรกติ แถมยังทวีความรุนแรงขึ้นกว่าเดิม จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะตั้งคำถามว่าควรจะให้กำเนิดเด็ก ๆ เข้ามาเพิ่มในโลกนี้หรือไม่
ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มมากขึ้น ชาวอเมริกัน 1 ใน 7 คนเคยประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติมาแล้ว และ 78% พยายามลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน


เจอรัลลีน ฟอร์ตนีย์ นักปรึกษามืออาชีพที่ได้รับใบอนุญาตและผู้อำนวยการคลินิกประจำภูมิภาคของ Thriveworks คลินิกให้คำปรึกษาด้านปัญหาการเจริญพันธุ์และการวางแผนครอบครัว กล่าวว่า คนเจน Z มีความวิตกกังวลโดยรวมสูงกว่าคนรุ่นก่อน ๆ โดยคนจำนวนมากเลือกจะไม่มีลูก ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากมี แต่เป็นเพราะความล้มเหลวของระบบในการแก้ไขวิกฤติสภาพภูมิอากาศ


การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่ได้สร้างความกังวลเฉพาะความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความกังวลต่อความเป็นอยู่ที่ดีของโลกด้วย นันทิตา บาจาจ ผู้อำนวยการบริหารของ Population Balance องค์กรด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการตัดสินใจอื่น ๆ ทั้งหมดแล้ว การมีลูกก็ยังเป็นเรื่องใหญ่กว่ามากในหลายระดับ


ขณะที่ ทราวิส รีเดอร์ ศาสตราจารย์ด้านชีวจริยธรรมจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ กล่าวว่า การมีลูกมาพร้อมกับที่เรียกว่า “มรดกคาร์บอน”


“คุณไม่ได้แค่ทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดคาร์บอนสูง เช่น การซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้น รถยนต์คันใหญ่ขึ้น ผ้าอ้อมสำเร็จรูป และอื่น ๆ แต่คนยังสร้างคนที่จะมีรอยเท้าคาร์บอนของตัวเองไปตลอดชีวิตอีกด้วย” รีเดอร์กล่าว


รีเดอร์กล่าวเสริมว่า ลูกของเราก็อาจมีหลาน และหลานหล่านั้นอาจมีเหลนต่อ ๆ ไปอีก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องอีกหลายชั่วอายุคน แน่นอนว่าการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีคือการไม่มีลูก แต่รีเดอร์ก็ไม่ได้สนับสนุนและไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง


การประเมินผลกระทบของเด็กเป็นเรื่องยาก เนื่องจากยังไม่มีหลักเกณฑ์ว่าที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า พ่อแม่ต้องรับผิดชอบผลกระทบที่เกิดขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ และส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลกระทบของเด็กขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของพ่อแม่ รีเดอร์กล่าวว่า “วิธีที่จะทำนายที่ดีที่สุดว่าพวกเขาจะมีค่าใช้คาร์บอนสูงแค่ไหน คือวัดจากความมั่งคั่งของแต่ละประเทศ”


ตัวอย่างเช่น สหรัฐปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่ากานาถึง 13 เท่า ตามข้อมูลของฐานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อการวิจัยบรรยากาศโลก เมื่อปรับตามขนาดประชากรแล้ว หมายความว่าชาวอเมริกันโดยเฉลี่ยปล่อยก๊าซมากกว่าชาวกานาโดยเฉลี่ยถึง 12 เท่า
 

ไม่มีลูกไม่ใช่ทางออก

การมีลูกอาจส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศมากที่สุด แต่ไม่เคยมีใครบอกให้ห้ามมีลูก โดยเทรเวอร์ เฮดเบิร์ต อาจารย์สอนปรัชญาจริยธรรมที่มหาวิทยาลัยแอริโซนา ให้เหตุผลว่าการมีลูกเป็นเรื่องที่น่ายินดี


“ถ้าใครบอกคุณว่ากำลังตั้งครรภ์ การตอบสนองทันทีคือการให้การสนับสนุน แสดงความยินดี หรืออะไรทำนองนั้น” เฮดเบิร์ตกล่าว


ขณะที่รีเดอร์ กล่าวว่า อีกปัจจัยหนึ่งคือ หลาย ๆ ครั้งมีการพูดว่าการมีลูกทำให้เกิดปัญหาภาวะประชากรล้นโลก ดังเช่นขบวนการสิ่งแวดล้อมในช่วงทศวรรษ 1970 แสดงความกังวลเกี่ยวกับจำนวนประชากรที่มากเกินไปสำหรับทรัพยากรของโลก ซึ่งภายหลังนำไปสู่ลัทธิเหยียดเชื้อชาติและการปรับปรุงพันธุกรรม ทำให้เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรง


อย่างไรก็ตาม แม้รีเดอร์จะใช้เวลาศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกับการมีลูกมานาน แต่เขาก็ยังคงต้องการเป็นพ่อคนอย่างมาก ดังนั้นการหาสมดุลในประเด็นนี้ คือ การมีลูกคนเดียว
“การมีลูกเป็นกิจกรรมที่มีความหมายและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้คน มันยังมีราคาแพงจากการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเราต้องชั่งน้ำหนักสิ่งเหล่านี้ให้ดี” รีเดอร์กล่าว


ที่มา: AP News, BBC, Newsweek


ข่าวจาก : กรุงเทพธุรกิจ

https://www.bangkokbiznews.com/environment/1205527 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่