ถอดรหัส ‘แม่เหียะ โมเดล’: ต้นแบบ Smart City เน้นบริการประชาชน

เทศบาลเมืองแม่เหียะ พิสูจน์พื้นที่เล็กก็เป็นเมืองอัจฉริยะได้ นำร่อง Line แจ้งซ่อม/ร้องเรียน ตอบสนอง 100% ติดกล้อง CCTV ลดอาชญากรรม เพิ่มเก็บภาษีแม่นยำด้วยโดรน!

เทศบาลเมืองแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่ กำลังก้าวขึ้นเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจในการพัฒนาสู่ "เมืองอัจฉริยะ" (Smart City) โดยพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้เป็นเมืองขนาดเล็กที่มีพื้นที่เพียง 24 ตารางกิโลเมตร ก็สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง

นายกริณย์พล ไชยยาพิบูล นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะ เปิดเผยถึงแนวทางที่เน้นการบริการประชาชนเป็นหลักในการขับเคลื่อนเมืองเน้นการแก้ปัญหาจริง มุ่งสู่บริการที่สะดวกสบาย

แนวคิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีมาใช้เท่านั้น แต่เป็นการบูรณาการเทคโนโลยี การสื่อสาร อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมืองและสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ สำหรับแม่เหียะ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง เปรียบเสมือน "ไข่แดง" ของจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งอยู่ใกล้สนามบินเพียง 2 กิโลเมตร และมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากร ความรู้ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ

นายกริณย์พล ย้ำว่า การพัฒนา Smart City ของแม่เหียะมุ่งเน้นที่การบริการประชาชนเป็นหลัก เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้นในพื้นที่

ตัวอย่างความสำเร็จจากการใช้เทคโนโลยี:
เทศบาลเมืองแม่เหียะได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างเป็นรูปธรรมหลายด้าน
 
1. ระบบคำร้องออนไลน์ที่ตอบสนอง 100%: เทศบาลได้พัฒนาระบบคำร้องออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Line ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถแจ้งเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ หรือแจ้งซ่อมได้โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงาน 
ระบบนี้มีหมายเลขติดตามเรื่อง และเชื่อมต่อกับ One Stop Service เพื่อส่งต่อความรับผิดชอบ ขณะนี้ ระบบสามารถตอบสนองการทำงานได้เต็ม 100% โดยเจ้าหน้าที่จะไปดำเนินการทันทีเมื่อมีเรื่องร้องเรียนเข้ามา และกำลังมีการเพิ่ม AI เข้ามาช่วยคัดกรองและจัดลำดับความสำคัญของเรื่องด้วย

2. การลดอาชญากรรมด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV): เทศบาลติดตั้งกล้อง CCTV กว่า 300 จุดทั่วเมือง และมีการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามเหตุการณ์ ผลจากการใช้ระบบนี้คือ ปัญหาการลักขโมยในพื้นที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เหลือเพียง 0.5% จากเดิมที่เคยมีปัญหาค่อนข้างมาก

3. การจัดเก็บภาษีและข้อมูลพื้นที่แม่นยำ: มีการใช้โดรนเพื่อสำรวจข้อมูลพื้นที่ทุก 3 เดือน เพื่อเก็บรายละเอียดครัวเรือน ผู้อยู่อาศัย และการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ ข้อมูลดังกล่าวจะถูกแสดงผลบนแผนที่อย่างละเอียดถึงระดับแต่ละบ้าน ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 30-40% เป็น 80-85% โดยจะมีการนำภาษีที่จัดเก็บได้นี้ไปพัฒนาท้องถิ่นต่อไป

4. ระบบเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลัน: โครงการล่าสุดที่แม่เหียะให้ความสำคัญคือระบบสัญญาณเตือนภัยน้ำท่วม เนื่องจากพื้นที่เคยประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลากสร้างความเสียหาย เทศบาลจึงนำระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีกล้องจับสัญญาณความลึกน้ำผ่านเลเซอร์มาใช้ เมื่อระดับน้ำสูงถึงขีดอันตราย ระบบจะส่งสัญญาณเตือนผ่านโทรศัพท์และไลน์ตรงถึงผู้บริหาร เพื่อประกาศเตือนประชาชนได้ทันท่วงที
การมุ่งหน้าสู่ Smart City ที่สมบูรณ์แบบ

นายกเทศมนตรีเมืองแม่เหียะ ยอมรับว่า การนำเทคโนโลยีมาพัฒนาพื้นที่ยังคงต้องพัฒนาต่อไปอีกมาก โดยเทศบาลมีความตั้งใจเข้าร่วมงาน Thailand Smart City Expo 2025 อย่างเต็มที่ เพื่อศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยมี 3 ด้านหลักที่เทศบาลสนใจเป็นพิเศษ คือ 
1) ระบบไอทีและการบริการประชาชน เพื่อต่อยอดและเพิ่มประสิทธิภาพ
2) ระบบการขนส่งและจราจร เนื่องจากเมืองเติบโตเร็วและอยู่ใกล้สนามบิน
3) การจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาคุณภาพอากาศที่ดีของเมือง

งานดังกล่าวถือเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดมุมมองความคิด การศึกษาหาความรู้ และการนำมาปรับใช้ในพื้นที่ได้จริง แม่เหียะเปิดรับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัย บริษัทเอกชน และองค์กรที่มีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม เพื่อช่วยพัฒนาและสร้างประโยชน์ให้กับชาวบ้าน

นายกริณย์พล กล่าวทิ้งท้ายว่า เทศบาลจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อการใช้ แต่ต้องสร้างคุณค่าและประโยชน์ที่จับต้องได้ โมเดลแม่เหียะจึงเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจสำหรับเมืองขนาดกลางและเมืองเล็กอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาเมืองอัจฉริยะสามารถเริ่มต้นได้จากการแก้ปัญหาในพื้นที่อย่างจริงจังก่อนที่จะขยายผลไปสู่ระบบที่ครบวงจร



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่