ตั้งแต่แต่งงานจนก่อนมีลูกเราตกลงกันว่าเอาเงินที่หาได้มารวมกัน
แล้วจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วที่เหลือเก็บโดยเราต้องทำบัญชีให้เค้าดูทุกเดือน
ซึ่งทำแบบนี้ได้ไม่ถึงปีเค้าก็ออกจากงานประจำจากบริษัทเอกชน
แล้วมาลุงทุนเองซึ่งหลังจากเค้าออกจากงานเค้าก็ให้เงินเดือนของเค้า
ให้เราตามเรทที่เคยได้จากบริษัทเอกชนซึ่ง ณ ตอนนั้นเงินเดือนเค้าน้อยกว่าเรา
แต่ค่าใช้จ่ายเรามีมากกว่าเค้ามันก็จะถัวกันไป แต่พอมีลูก
เราตกลงกันว่าเค้าจะให้เราออกมาเลี้ยงลูกส่วนเงินเดือนเราจะได้จาก
การที่เราเอาเงินตัวเองมาลุงทุนกับธุรกิจที่เค้าทำอยู่แล้วจะได้กำไรมา
ซึ่งกำไรที่ได้นั้นน้อยกว่าเงินเดือนที่เคยได้ครึ่งหนึ่งซึ่งเงินตรงนี้เค้าให้เราเอาไว้
จ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราเช่นค่าผ่อนรถ ประกันรถ ประกันตัวเราเอง
ให้เงินพ่อแม่เราเอง ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนรวมเช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ
ค่าเรียนลูก ค่ากินในครอบครัวเค้าเป็นคนจ่ายเพราะรายได้เค้ามีมากกว่า
แต่ทุกอย่างที่กล่าวมาเราต้องสำรองจ่ายไปก่อนแล้วทำบัญชีไปเบิกกับเค้าทุกเดือน
ซึ่งบางอย่างก็จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เยอะพอสมควร เราก็จะออกไปให้เค้าก่อน
แล้วมาให้เค้าผ่อนจ่ายคืนเป็นรายเดือนเช่นค่าเรียนลูก ค่าประกันลูก ที่เก็บเป็นเทอม
เป็นปี เราก็จะจ่ายเงินก้อนไปแล้วมาให้เค้าผ่อนชำระคืนเป็นรายเดือน
ที่เราทำแบบนี้เพราะอยากแบ่งเบาเค้าให้เค้ามีเงินทุนไปหมุนลงทุน
เพื่อที่จะเอามาใช้จ่ายค่าใช้จ่ายในครอบครัว โดยเงินที่เราสำรองจ่ายไปก่อน
ก็อยู่จะอยู่ที่ประมาณแสนกว่าบาท ซึ่งเงินก้อนนี้เราจะเอาไปทำอะไรไม่ได้เลย
เพราะมันจะต้องใช้หมุน เพื่อมาสำรองจ่ายแบบนี้ไปเรื่อยๆ และเราก็จะเอาเงินที่เราได้กำไร
จากการที่ไปลงทุนกับเค้ามาช่วยเค้าออกค่านม ค่าแพมเพิส ค่าเสื้อผ้าลูก
ค่าขนมลูกเวลาลูกออกไปข้างน้องกับเรา ค่ากินตัวเองกับลูกเวลาไปข้างนอก
โดยที่เค้าไม่ไปด้วยเพราะเค้าจะออกค่ากินให้เฉพาะที่เรากับลูกอยู่บ้าน
หรือไปกับเค้าเท่านั้น เวลาจะพาลูกไปเที่ยวโดยมีครอบเราไปด้วย(พ่อแม่เรา)
เราจะช่วยเค้าออกคนละครึ่ง ค่ายา ค่าหมอลูกเราออกเองหมด
ค่าทิชชู่ ค่าครีมลูก หน้าที่เราคือแม่บ้านเลี้ยงลูก2คนและทำงานบ้าน
มีช่วงหลังเค้าป่วยทำงานไม่ได้เราก็จะออกไปทำแทนเค้าส่วนเงินเค้าเก็บเอง
ไม่ได้ให้เราเก็บเหมือนก่อนมีลูก ตั้งแต่ออกจากงานมาเราไม่เคยขอเงินเค้าเลย
ต่อให้รายรับจะน้อยกว่ารายจ่ายขนาดไหนเราจะดึงเงินเก็บตัวเองมาใช้
แล้วค่อยหารายได้จากตรงอื่นมาเสริมหรือบางทีก็จะลดรายจ่ายพวกของใช้ตัวเอง
ลงแทน แต่มีตอนหลังที่เรามาช่วยงานเค้าเราเลยขอเบิกค่าทิชชู่500฿เค้าก็จะถามเรา
ว่าอันนี้เค้าต้องออกหรอ ในมุมเราคิดว่าเราช่วยเค้าทำงานและรายรับเราน้อยลง
เราก็เลยเอาไปเบิกเพราะเห็นว่าใช้ด้วยกันแต่เรารู้สึกไม่โอเคเลยที่เค้าจะมาถามจุกจิก
กับแค่500฿ หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยเบิกกับเค้าอีกเลย เรายอมแบกของเราเอง
แต่เวลาทะเลาะกันเค้าจะทวงบ้าน ทวงรถ ซึ่งก่อนหน้ารถเป็นชื่อเรา
แต่พอมีลูกเลยอยากเปลี่ยนเป็นรถครอบครัวเลยขายคันเก่าเอาเงินไป
ดาวน์คันใหม่เป็นชื่อเค้าเพราะเราไม่มีหลักฐานรายได้หลังจากนั้นเค้าก็เป็นคนผ่อน
แล้วชอบไล่ให้เรากับลูกออกไปตัวเปล่าถ้าอยากเลิกกับเค้า
ซึ่งมันทำให้เราคิดว่าไม่โอเคเลยและเริ่มเกลียดเค้าเข้าไปทุกที
ตอนนี้เรามีลูกสาว2คน คนโต3ขวบ คนเล็ก1ขวบ มันทำให้เราทำได้แค่ทน
แล้วพยายามหารายได้เพิ่มเพื่อที่เราจะสามารถเลี้ยงลูกได้เอง
ตอนนี้เรารู้สึกเกลียดและไม่อยากมีsexกับเค้าแล้วเราควรทำยังไง
เคยขอคุยด้วยแต่เค้าไม่ยอมคุย พอจะคุยเค้าก็จะอารมณ์เสีย
และทุกครั้งพอเค้าใจเย็นลงเค้าจะอ้างว่าเค้าสุขภาพไม่ดีเลยหงุดหงิด
แต่เราเคยบอกเค้าแล้วว่าถึงจะแบบนั้นก็ไม่ควรมาทวงบุญคุณ
เพราะเราตกลงกันแล้วว่าใครต้องรับผิดชอบอะไร แต่เค้ามักมองว่าเรา
ไม่ช่วยอะไร เค้าออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดคนเดียว เราควรทำไงดี
เรารู้ตัวว่าเริ่มเกลียดเค้าแล้ว มีหลายอย่างที่เราเข้ากันไม่ได้ รวมถึงการเลี้ยงลูก
เค้าชอบให้ลูกดูโทรศัพท์ พอเราห้ามเค้าก็จะไม่ฟังทำมึน แต่พอลูกมีอารมณ์
เกรียวกราดเค้าก็จะตีลูกทั้งที่เค้าเป็นคนหยิบยื่นจอใลูกเองจนลูกติด
พอไม่ได้ดังใจจะโมโหร้ายเค้าเอาลูกไม่อยู่ก็จะโมโห พอเราพูดด้วยเหตุผล
เค้าก็จะหาว่าเราโทษเค้าแล้วให้เราหยุดพูด แล้วเค้าก็ทำแบบเดิมซ้ำๆ
พอจะคุยด้วยเหตุผลก็บอกว่ามันผ่านมาแล้วไม่ต้องพูดอีก แต่คือก็ไม่ปรับปรุง
เราไม่ไหวแล้วติดอย่างเดียวคือลูกยังเล็กและรายรับเรายังไม่ไหวที่จะเลี้ยงคนเดียว
เราอึดอัดมากๆเลย
เวลาทะเลาะกันสามีชอบทวงบุญคุณทั้งๆที่เราก็ช่วยค่าใช้จ่ายในครอบครัว อยากเลิกเพราะตอนนี้รู้สึกว่าจะเริ่มเกลียดสามี
แล้วจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วที่เหลือเก็บโดยเราต้องทำบัญชีให้เค้าดูทุกเดือน
ซึ่งทำแบบนี้ได้ไม่ถึงปีเค้าก็ออกจากงานประจำจากบริษัทเอกชน
แล้วมาลุงทุนเองซึ่งหลังจากเค้าออกจากงานเค้าก็ให้เงินเดือนของเค้า
ให้เราตามเรทที่เคยได้จากบริษัทเอกชนซึ่ง ณ ตอนนั้นเงินเดือนเค้าน้อยกว่าเรา
แต่ค่าใช้จ่ายเรามีมากกว่าเค้ามันก็จะถัวกันไป แต่พอมีลูก
เราตกลงกันว่าเค้าจะให้เราออกมาเลี้ยงลูกส่วนเงินเดือนเราจะได้จาก
การที่เราเอาเงินตัวเองมาลุงทุนกับธุรกิจที่เค้าทำอยู่แล้วจะได้กำไรมา
ซึ่งกำไรที่ได้นั้นน้อยกว่าเงินเดือนที่เคยได้ครึ่งหนึ่งซึ่งเงินตรงนี้เค้าให้เราเอาไว้
จ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราเช่นค่าผ่อนรถ ประกันรถ ประกันตัวเราเอง
ให้เงินพ่อแม่เราเอง ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนรวมเช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ
ค่าเรียนลูก ค่ากินในครอบครัวเค้าเป็นคนจ่ายเพราะรายได้เค้ามีมากกว่า
แต่ทุกอย่างที่กล่าวมาเราต้องสำรองจ่ายไปก่อนแล้วทำบัญชีไปเบิกกับเค้าทุกเดือน
ซึ่งบางอย่างก็จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เยอะพอสมควร เราก็จะออกไปให้เค้าก่อน
แล้วมาให้เค้าผ่อนจ่ายคืนเป็นรายเดือนเช่นค่าเรียนลูก ค่าประกันลูก ที่เก็บเป็นเทอม
เป็นปี เราก็จะจ่ายเงินก้อนไปแล้วมาให้เค้าผ่อนชำระคืนเป็นรายเดือน
ที่เราทำแบบนี้เพราะอยากแบ่งเบาเค้าให้เค้ามีเงินทุนไปหมุนลงทุน
เพื่อที่จะเอามาใช้จ่ายค่าใช้จ่ายในครอบครัว โดยเงินที่เราสำรองจ่ายไปก่อน
ก็อยู่จะอยู่ที่ประมาณแสนกว่าบาท ซึ่งเงินก้อนนี้เราจะเอาไปทำอะไรไม่ได้เลย
เพราะมันจะต้องใช้หมุน เพื่อมาสำรองจ่ายแบบนี้ไปเรื่อยๆ และเราก็จะเอาเงินที่เราได้กำไร
จากการที่ไปลงทุนกับเค้ามาช่วยเค้าออกค่านม ค่าแพมเพิส ค่าเสื้อผ้าลูก
ค่าขนมลูกเวลาลูกออกไปข้างน้องกับเรา ค่ากินตัวเองกับลูกเวลาไปข้างนอก
โดยที่เค้าไม่ไปด้วยเพราะเค้าจะออกค่ากินให้เฉพาะที่เรากับลูกอยู่บ้าน
หรือไปกับเค้าเท่านั้น เวลาจะพาลูกไปเที่ยวโดยมีครอบเราไปด้วย(พ่อแม่เรา)
เราจะช่วยเค้าออกคนละครึ่ง ค่ายา ค่าหมอลูกเราออกเองหมด
ค่าทิชชู่ ค่าครีมลูก หน้าที่เราคือแม่บ้านเลี้ยงลูก2คนและทำงานบ้าน
มีช่วงหลังเค้าป่วยทำงานไม่ได้เราก็จะออกไปทำแทนเค้าส่วนเงินเค้าเก็บเอง
ไม่ได้ให้เราเก็บเหมือนก่อนมีลูก ตั้งแต่ออกจากงานมาเราไม่เคยขอเงินเค้าเลย
ต่อให้รายรับจะน้อยกว่ารายจ่ายขนาดไหนเราจะดึงเงินเก็บตัวเองมาใช้
แล้วค่อยหารายได้จากตรงอื่นมาเสริมหรือบางทีก็จะลดรายจ่ายพวกของใช้ตัวเอง
ลงแทน แต่มีตอนหลังที่เรามาช่วยงานเค้าเราเลยขอเบิกค่าทิชชู่500฿เค้าก็จะถามเรา
ว่าอันนี้เค้าต้องออกหรอ ในมุมเราคิดว่าเราช่วยเค้าทำงานและรายรับเราน้อยลง
เราก็เลยเอาไปเบิกเพราะเห็นว่าใช้ด้วยกันแต่เรารู้สึกไม่โอเคเลยที่เค้าจะมาถามจุกจิก
กับแค่500฿ หลังจากนั้นเราก็ไม่เคยเบิกกับเค้าอีกเลย เรายอมแบกของเราเอง
แต่เวลาทะเลาะกันเค้าจะทวงบ้าน ทวงรถ ซึ่งก่อนหน้ารถเป็นชื่อเรา
แต่พอมีลูกเลยอยากเปลี่ยนเป็นรถครอบครัวเลยขายคันเก่าเอาเงินไป
ดาวน์คันใหม่เป็นชื่อเค้าเพราะเราไม่มีหลักฐานรายได้หลังจากนั้นเค้าก็เป็นคนผ่อน
แล้วชอบไล่ให้เรากับลูกออกไปตัวเปล่าถ้าอยากเลิกกับเค้า
ซึ่งมันทำให้เราคิดว่าไม่โอเคเลยและเริ่มเกลียดเค้าเข้าไปทุกที
ตอนนี้เรามีลูกสาว2คน คนโต3ขวบ คนเล็ก1ขวบ มันทำให้เราทำได้แค่ทน
แล้วพยายามหารายได้เพิ่มเพื่อที่เราจะสามารถเลี้ยงลูกได้เอง
ตอนนี้เรารู้สึกเกลียดและไม่อยากมีsexกับเค้าแล้วเราควรทำยังไง
เคยขอคุยด้วยแต่เค้าไม่ยอมคุย พอจะคุยเค้าก็จะอารมณ์เสีย
และทุกครั้งพอเค้าใจเย็นลงเค้าจะอ้างว่าเค้าสุขภาพไม่ดีเลยหงุดหงิด
แต่เราเคยบอกเค้าแล้วว่าถึงจะแบบนั้นก็ไม่ควรมาทวงบุญคุณ
เพราะเราตกลงกันแล้วว่าใครต้องรับผิดชอบอะไร แต่เค้ามักมองว่าเรา
ไม่ช่วยอะไร เค้าออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดคนเดียว เราควรทำไงดี
เรารู้ตัวว่าเริ่มเกลียดเค้าแล้ว มีหลายอย่างที่เราเข้ากันไม่ได้ รวมถึงการเลี้ยงลูก
เค้าชอบให้ลูกดูโทรศัพท์ พอเราห้ามเค้าก็จะไม่ฟังทำมึน แต่พอลูกมีอารมณ์
เกรียวกราดเค้าก็จะตีลูกทั้งที่เค้าเป็นคนหยิบยื่นจอใลูกเองจนลูกติด
พอไม่ได้ดังใจจะโมโหร้ายเค้าเอาลูกไม่อยู่ก็จะโมโห พอเราพูดด้วยเหตุผล
เค้าก็จะหาว่าเราโทษเค้าแล้วให้เราหยุดพูด แล้วเค้าก็ทำแบบเดิมซ้ำๆ
พอจะคุยด้วยเหตุผลก็บอกว่ามันผ่านมาแล้วไม่ต้องพูดอีก แต่คือก็ไม่ปรับปรุง
เราไม่ไหวแล้วติดอย่างเดียวคือลูกยังเล็กและรายรับเรายังไม่ไหวที่จะเลี้ยงคนเดียว
เราอึดอัดมากๆเลย