สวัสดีดีครับ ผมปามนะครับ วันนี้ผมมีเรื่องหนึ่งมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับประสบการ์ณที่เเม่ผมไปโดนของคุณไสย์มาจนทำให้เเม่เจอวิญญาน เเละ เจอสิ่งเเปลกกับร่างกาย
เรื่องนี้นะครับเหตุเกิดที่จังหวัดนครนายก ผมพูดชื่อจังหวัดได้เพราะเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นในบ้านสวนของผมมันจึงไม่กระทบกับสถานที่นะครับ
ผมขอท้าวความไปจุดเริ่มต้นก่อนนะครับเเละที่มาที่ไปของเเม่ผมนะครับ เเม่ผมเกิดที่จังหวัดนครนายก
เมื่อปี2501นะครับในสมัยพวกโจรเสือ ยุคนั้นพวกเสือที่ออกปล้น ตอนเเม่ผมยังเด็กพอเวลากลางคืนเขาจะเเอบไปนอนตรงยุ้งข้าว จะไม่นอนบนบ้านเพราะกลัวว่าถ้าพวกเสือขึ้นไปจะฆ่าก็เลยต้องมานอนข้างล่างด้วยความที่มันมืดด้วยทำให้รอดสายตาไปได้ พอเเม่ผมเข้าสู่วัยรุ่นตายายผมก็ได้ทำวงดนตรีลูกทุ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นวงดนตรีที่ดังระดับจังหวัดได้ พวกพี่น้องเเม่เเต่ละคนต่างคนต่างเล่นเครื่องดนตรี ใครชอบอะไรก็เล่นอันนั้น ส่วนเเม่ผมเล่นอะไรไม่เป็นเลย ยายเคยให้จะไปเป็นหางเครื่องเเม่เเกก็จับท่าเต้นไม่ได้เลย เเต่ตอนนี้ตายายผมเสียไป ก็จะเป็นหลานเขาที่ทำวงดนตรีเเทนทุกวันนี้ยังมีอยู่ พอผ่านไปเข้าสู่วัยที่โตมาหน่อยพอจะดูเเลตัวเองได้เเม่ผมก็เลยเข้ามาทำงานที่กรุงเทพ
เป็นงานที่เกี่ยวกับร้านชุบทอง ทำทอง ซึ่งร้านชุบทองจะเป็นเหมือนตึกเเถว เป็นซอยเล็ก ตรงข้ามจะเป็นเหมือนคลินิกร้าง โครงสร้างในตึกจะเป็นเเบบนี้ครับ ชั้น1จะชั้นที่ทำงาน ชั้น2ชั้นทานข้าว ชั้น3จะเป็นชั้นที่พักไปจนถึงชั้นดาดฟ้าส่วนเเม่ผมจะนอนในช้น4 ลักษณะการนอนอยู่อาศัยจะไม่มีเตียงจะนอนโดยใช้ผ้าห่มปูนอนเรียงต่อกันไป จะมีเหตุการณ์อยู่ว่าเเม่ผมเขาได้นอนตรงกับประตูริมระเบียงติดกับประตูเลย พอนอนไปได้สักประมาณเที่ยงคืนตี1 นี่เเหละเวลาผมไม่เเน่นอนเเม่เล่าให้ฟังว่าเเม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเเละได้คนมานั่งตรงปลายเท้าตอนเเรกเเม่เข้าใจว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่ชื่อB พอเเม่มองดูสักพัก เเม่ผมดูไปดูมาไม่น่าจะใช่ก็เลยคลุมโปงนอนไปจนหลับตื่นเช้ามา เเม่ผมก็เลยไปเล่าให้ฟังว่าเจอเหตุการณ์นี้มาก็เล่าให้ฟังเหตุการณ์ที่เจอ เเม่เเกจะเจอบ่อยมากกับที่ทำงานนี้ เเต่ผมจะนำมาเเค่2เหตุการ์ณ เหตุการณ์ที่2 คร่าวนี้เเม่ผมนอนที่เดิมติดกับประตูระเบียงคร่าวนี้ห้อยหัวมาเลย ด้วยความที่มันมืดทำให้มองไม่เห็นว่าผู้หญิงหรือชายเเต่เเม่ก็ทำได้เเต่สวดมนต์ในลักษณะที่ห่มผ้าอยู่ พอผ่านไปผมจะตัดไปตอนเหตุการณ์ที่เเม่ออกจากที่ทำงาน
กลับมาอยู่ที่นครนายก ก่อนจะย้ายมาบ้านสวน บ้านเเม่ผมได้อยู่อีกที่ เหตุการณ์ที่ว่ามีคนมาขอซื้อที่บ้านตรงนั้น ก็เลยย้ายจากบ้านตรงนั้นไปอยู่บ้านอีกที่ ที่เป็นบ้านสวน ที่บ้านในสวนจะมีบ้าน2หลัง บ้านปูนชั้นเดียวกับบ้านไม้ชั้นเดียว บ้านไม้ภายในจะเป็นบ้านที่ห้องโถงโล่งๆ จะทำห้องไว้หลายห้อง ส่วนบ้านปูนจริงๆเเล้วจะเป็นบ้านที่สามีของน้าที่เป็นชาวต่างชาติ มาสร้างไว้ เเต่ทุกวันนี้น้าเเกก็ปล่อยล็อคไว้ไม่มีใครไปอยู่ จนมีเหตุการณ์54 นำ้ท่วมใหญ่ เเม่เเกก็หนีไปอยู่บนบ้านปูน เเม่เเกจะนอนตรงห้องโถง บ้านนี้จะมี2ห้องนอน 1ห้องนำ้ 2ห้องนอน นั้นเเม่เเกจะให้น้องนอนห้องนั้นคนละห้องผมลืมบอกไปว่าเเม่ผมมีพี่น้องอยู่หลายคนครับ 2ห้องนั้นก็ให้น้าชายไปนอนคนละห้องผมจะนับห้อง1จากใกล้ประตู ห้องถัดไปเป็นห้อง2
พอตกดึกมาคืนหนึ่งเเม่ได้ยินเสียงคนเดินลุยนำ้มา จ๋อมๆ เดินอยู่รอบบ้านเเม่เเกได้ยินพอเเม่เด็กลืมตามาอีกทีเเม่ผมเห็นมีผู้หญิงผมยาวเสื้อขาว อยู่หน้าห้องน้าห้องที่1 เขายืนอยู่อย่างนั้นเเบบนิ่งเลยเเม่ผมก็ได้เเต่มองดูด้วยความตกใจ เเม่เเกก็เลยหลับตานอนไปคิดสะว่าเขาเเต่ปรากฏอยู่อย่างนั้นจนหลับไป พอเช้ามาเเม่ผมได้ไปบอกน้า ว่าเมื่อคืนเเม่เห็นคนมามายืนที่หน้าห้องน้าผมก็ได้เเต่กลัวกับเหตุการ์ณที่เเม่เล่าให้ฟัง พอถัดมาเมื่อปี59หรือ60นี่เเหละ มีอยู่วันหนึ่งน้าชายอีกคนหนึ่งได้พบเจอผู้หญิงคนหนึ่งตอนที่เเกทำงานเป็นรปภ. ในโรงพยาบาลเเห่งหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเเกทำงานเป็นชาวสวน ก็สุดท้ายได้คุยได้คบกันจนน้าผมเอามาอยู่ด้วยที่ห้องของน้า จะอยู่ตรงบ้านไม้ชั้นเดียว ก็มาอยู่ได้สักพัก1 มาอยู่ก็เหมือนว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ เเม่ผมรับภาระอยู่คนเดียว ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าข้าวสาร ของใช้ต่างซึ่งมันเป็นของเเม่ผมที่เขาซื้อมาทั้งหมด คือเเม่ผมก็ไม่ได้รำ่รวยอะไรมากมาย เพราะเเก ก็มีหนี้สินต่างๆเดือนหนึ่ง
ที่นี่พอมาอยู่ด้วยกันไปสักพักเเม่เเกก็เริ่มมีปากเสียงกับเเฟนน้าชาย ด่ากันเเบบว่าหยาบคาย ผมลืมบอกไปว่าตอนนั้นเเม่ผมนอนห้องข้างๆน้ากับเเฟนน้าชาย ทุกๆวันจะทะเลาะด่ากันข้ามไปข้ามมา จนมีอยู่วันหนึ่งเเม่เเกก็ได้ไปคุยบ่นให้ป้าที่ทำงานเเม่บ้านด้วยกัน พอดีว่าป้าเเม่บ้านที่เป็นเพื่อนร่วมงานเเม่ รู้จักพอดีก็เลยเล่าให้เเม่ฟังว่าเเฟนน้าชายคนนี้มีครอบครัวมีลูกมีสามีเเล้ว สามีเขาตอนนี้ติดคุก พอเเม่ผมได้รู้งั้นก็ไปว่าน้า ไปว่าผู้หญิงคนนี้สามีเขาอยู่ในคุก ไม่กลัวเขาออกมามาเอาเรื่องหรอ ซึ่งน้าชายพูดไรไปก็ไม่ฟังเเล้วหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนี้ไปเเล้วหลังจากนั้นเมียน้าก็ได้พาครอบครัวมาด้วยเขามาด้วยซึ่งเขาจะมีลูกชายกับลูกสาว เเละไม่ต่างกันเลยคือทั้งลูกชายลูกสาวก็ชอบเเซะเเม่ผมหลอกด่าบ้าง บ้างทีผ้าที่เเม่เเกตากไว้ตอนเช้าพอเลิกงานตอนเย็นกลับบ้างทีผ้าจะเหมือนถูกโยนไปในป่าเเม่เเกก็รู้ว่าๆไม่น่าจะใช่ลมเเรง ถ้าลมเเรงผ้าจะไม่กระจัดกระจายในป่าเเบบนั้น พอทะเลาะกันมากเเม่ก็เลยย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งที่เป็นบ้านปูนชั้นเดียว พออยู่ไปอยู่มาวันหนึ่งตอนนั้นเเม่เเกได้อยู่บ้านนั้นคนเดียวเเล้ววันนั้นเเม่เเกได้ยินเสียง โครม บนหลังคา ด้วยความที่เเม่เเกเป็นคนที่ปากไว ได้ ทักไป เห้ย เสียงอะไรวะเเต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ณะ ตอนนั้น
เเละหลังจากนั้นถัดมาอีกวันหนึ่ง เเม่เเกนอนอยู่ในห้องที่1 ที่ติดกับประตู หลังจากนอนไปได้สักพักเเละเเม่เเกได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนขึ้นมากลางคืนเเม่เเกเหมือนเห็นเเสงสีเขียว เหมือน วนอยู่ รอบบ้านไปมา ลักษณะเขาไม่ได้เดินนะครับ เเต่ลอย ไป เเละจะเเถมมาด้วยมีเสียงหมาชาวบ้านเห่าหอน เเม่เเกก็ได้เเต่คิดในหัวว่าเสียงนี้ที่มันเกิดอยู่มันคืออะไร ปกติมันไม่เคยมีเหตุการณ์เเบบนี้มาก่อน เเม่เเกก็จะเจอเหตุการณ์เเบบนี้ทุกวัน เสียงหมา ทั้งวิญญาณที่มีเเสดงสีเขียวลอยไปลอยมาอยู่เเบบนี้ตลอด เรื่องมันน่าจะเกิดจากที่เเม่ไปทักวันนั้นจนมันมีเรื่องให้เล่าต่อๆมา ผมลองสันนิฐานว่าอาจจะเป็นการปล่อยของต่อจากนั้น จนเเม่เเกทนไม่ไหวเพราะว่าตอนเช้าเเม่เเกทำงานด้วยมันส่งผลกระทบต่องานด้วย เเกจะมีรู้สึกง่วงอ่อนเพลีย จนวันหนึ่งเเกได้ย้ายไปนอนห้องเดิมตรงบ้านไม้ที่เดิม พอตกดึกก็เหมือนเดิมครับ มีเเสงสีเขียวลอยไปลอยมา คร่าวนี้มาถึงหน้าห้องโถง เเม่ผมเล่าให้ฟังว่ามีเเสงสีเขียวเหมือนเดิม เเต่ต้องบอกว่าทำไมเเม่ผมถึงเห็นต้องบอกว่าห้องเเม่ผมตัวห้องกำเเพงมันจะกั้นปิดเเค่ครึ่งเดียวข้างบนจะเป็นคานโลงๆทำให้มองเห็นอย่างชัดเจน
คร่าวนี้เเม่ผมก็ได้เเต่สวดมนต์ก็เเล้วก็ยังมีเเสงสีเขียวลอยเหมือนเดิม จนเเม่เเกได้อธิฐานในใจ ขอพ่อเเก่ที่อยู่หน้าห้องโถง ที่หน้าห้องโถงจะมีเศียรพ่อเเก่ยังที่ผมเล่าให้ฟังตอนต้นว่าที่บ้านตายาย ทำวงดนตรีลูกทุ่งก่อนเเสดงจะต้องขอพรทุกครั้งก่อนเเสดงก่อนไปงาน เเละพ่อเเม่เด็กได้อธิษฐานถึงพ่อเเก อยู่ดีๆเเม่เเกได้ยินเสียงผู้ชายเเก่ ตะโกนไล่ ออกไป
เเต่ก็ทำไรดวงวิญญาณนั้นไม่ได้ จนเเม่เเกข่มหลับตานอนจนเช้า เเม่เเกก็ได้ไปเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟังเขาก็ได้เเต่คิดว่าเเม่อาจจะตาฟาดไปเอง
ก็ไม่มีใครเชื่อเรื่องที่เขาเล่าไปนะครับ พอตกเย็นมาเลิกงานกลับบ้านมาก็เหมือนเดิมนะครับ คือทะเลาะ
เหมือนเดิม ทุกวัน พอตกกลางคืน เเม่เเกหลับไปจนตื่นมาช่วงดึก คร่าวนี้เจอหนักกว่าเดิมเลยครับคือมาเป็นรูปร่างดำๆยืนจังก่าเลยครับ เเม่ผมก็ได้เเต่สวดมนต์เเต่ร่างนั้นก็ไม่ได้กลัวหรืออะไร คือเเม่ผมเล่าให้ฟังว่ารูปร่างนั้นมีกลิ่นที่เหม็นสาบมาก ร่างนั้นก็ยืนอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหน เเม่ทำได้เเต่สวดมนต์จนไล่เเต่ร่างนั้นได้เเต่ยืนจ้อง ที่วิญญาณตนนั้นเข้ามาได้อาจจะเป็นตัวห้องที่มันมีช่องด้านบน วิญญาณนันยืนเเบบนั้นจนเเม่หลับไปพอตอนเช้ามาเอกก็ไปเล่าให้พวกเพื่อนฟังว่าเเกเจอเหตุการ์ณเเบนี้ เเต่ที่เเม่เจอมามันเหมือนจะเป็นอะไรที่ชัดเจนเเละเป็นครั้งสุดท้ายที่วิญญาณนี้มาปรากฏให้เห็น พอต่อมาวันหนึ่งเเกรู้สึกว่าคันตามตัวตามผิวหนัง เเม่ผมเกาไปเกามา ก็มีเหมือนเเมลงตัวเล็กๆออกมาจากผิวหนัง เเม่เเกจะรู้สึกว่าเหมือนมีเเมลงอยู่ในทั่วร่างกายเเม่ก็คิดว่าน่าจะโดนคุณไสย์ เเต่พอเเม่คิดว่าโดนคุณไสย์ไปเล่าใหญาติพี่น้องฟังจะไ่ม่มีใครเชื่อเเม่ผมสักคน เเม่เเกก็ไปรดนำ่มนต์ที่วัดก่อน2รอบ เเต่ก็ไม่ดีขึ้น เพื่อนเเม่เเกก็เลยคิดว่าน่าจะโดนของ ก็เลยเเนะนำให้ไปหาอาจารย์ที่เเก้พวกคุณไสย์ เเถวบ้านนา นครนายก เเกก็เลยเดินทางไป พอไปถึง ก็ได้พูดคุย ได้เล่าให้อาจารย์คนนั้นฟังตั้งเเต่เจอเหตุการณ์ทั้งหมด อาจารย์คนนั้นก็ได้นั่งเข้าญาณ ดู อาจารย์ก็ได้บอกว่าเเม่เเกโดนของที่เป็นของจากกระดูกคนตาย เเม่ผมก็ได้ถามว่าทำไมเจ้าของบ้านที่เป็นน้าสาวไม่โดน อาจารย์เลยบอกว่าเขาไม่ได้จะเอาเจ้าของบ้าน เเต่จะเอาเเม่ผม อาจารย์ก็เล่าให้ฟังอีกว่าวิญญาณที่ตนนั้นคือปอบ ที่ส่งมาเพื่อเล่นงานเเม่เเก หลังจากนั้นก็ได้กลับจากสำนักอาจารย์คนนั้นหลังจากเเก้ของเเก้ไรหมดเเล้ว เเต่หลังจากเหตุการณ์นั้นเเม่เเกก็ยังคงมีเเมลงออกมาจากร่างกายเเต่ค่อยๆน้อยลงเรื่อยจนทุกวันนี้เเม่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เรื่องก็มีประมาณนี้นะครับ อาจจะสั้นหน่อยเเต่ผมสรุปให้สั้นที่สุด เเต่เหตุการณ์ที่เล่ามาสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำ เพราะไม่มีหลักฐาน เเต่ถ้าสังเกตในเรื่องเล่าเเม่เเกจะมีคู่อริเเค่คนเดียว เเกจะไม่ค่อยทะเลาะกับใคร
สุดท้ายใครจะเชื่อไม่เชื่อไม่เป็นไรครับอยู่วิจารณญาน เเต่เหตุการณ์ที่เเม่เจอมา ผมได้รับฟังมาเเค่นิดเดียวเเละนำมาประติดปะต่อกันจนได้เรื่องนี้
เรื่อง ประสบชีวิตเเม่.
เรื่องนี้นะครับเหตุเกิดที่จังหวัดนครนายก ผมพูดชื่อจังหวัดได้เพราะเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นในบ้านสวนของผมมันจึงไม่กระทบกับสถานที่นะครับ
ผมขอท้าวความไปจุดเริ่มต้นก่อนนะครับเเละที่มาที่ไปของเเม่ผมนะครับ เเม่ผมเกิดที่จังหวัดนครนายก
เมื่อปี2501นะครับในสมัยพวกโจรเสือ ยุคนั้นพวกเสือที่ออกปล้น ตอนเเม่ผมยังเด็กพอเวลากลางคืนเขาจะเเอบไปนอนตรงยุ้งข้าว จะไม่นอนบนบ้านเพราะกลัวว่าถ้าพวกเสือขึ้นไปจะฆ่าก็เลยต้องมานอนข้างล่างด้วยความที่มันมืดด้วยทำให้รอดสายตาไปได้ พอเเม่ผมเข้าสู่วัยรุ่นตายายผมก็ได้ทำวงดนตรีลูกทุ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นวงดนตรีที่ดังระดับจังหวัดได้ พวกพี่น้องเเม่เเต่ละคนต่างคนต่างเล่นเครื่องดนตรี ใครชอบอะไรก็เล่นอันนั้น ส่วนเเม่ผมเล่นอะไรไม่เป็นเลย ยายเคยให้จะไปเป็นหางเครื่องเเม่เเกก็จับท่าเต้นไม่ได้เลย เเต่ตอนนี้ตายายผมเสียไป ก็จะเป็นหลานเขาที่ทำวงดนตรีเเทนทุกวันนี้ยังมีอยู่ พอผ่านไปเข้าสู่วัยที่โตมาหน่อยพอจะดูเเลตัวเองได้เเม่ผมก็เลยเข้ามาทำงานที่กรุงเทพ
เป็นงานที่เกี่ยวกับร้านชุบทอง ทำทอง ซึ่งร้านชุบทองจะเป็นเหมือนตึกเเถว เป็นซอยเล็ก ตรงข้ามจะเป็นเหมือนคลินิกร้าง โครงสร้างในตึกจะเป็นเเบบนี้ครับ ชั้น1จะชั้นที่ทำงาน ชั้น2ชั้นทานข้าว ชั้น3จะเป็นชั้นที่พักไปจนถึงชั้นดาดฟ้าส่วนเเม่ผมจะนอนในช้น4 ลักษณะการนอนอยู่อาศัยจะไม่มีเตียงจะนอนโดยใช้ผ้าห่มปูนอนเรียงต่อกันไป จะมีเหตุการณ์อยู่ว่าเเม่ผมเขาได้นอนตรงกับประตูริมระเบียงติดกับประตูเลย พอนอนไปได้สักประมาณเที่ยงคืนตี1 นี่เเหละเวลาผมไม่เเน่นอนเเม่เล่าให้ฟังว่าเเม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเเละได้คนมานั่งตรงปลายเท้าตอนเเรกเเม่เข้าใจว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่ชื่อB พอเเม่มองดูสักพัก เเม่ผมดูไปดูมาไม่น่าจะใช่ก็เลยคลุมโปงนอนไปจนหลับตื่นเช้ามา เเม่ผมก็เลยไปเล่าให้ฟังว่าเจอเหตุการณ์นี้มาก็เล่าให้ฟังเหตุการณ์ที่เจอ เเม่เเกจะเจอบ่อยมากกับที่ทำงานนี้ เเต่ผมจะนำมาเเค่2เหตุการ์ณ เหตุการณ์ที่2 คร่าวนี้เเม่ผมนอนที่เดิมติดกับประตูระเบียงคร่าวนี้ห้อยหัวมาเลย ด้วยความที่มันมืดทำให้มองไม่เห็นว่าผู้หญิงหรือชายเเต่เเม่ก็ทำได้เเต่สวดมนต์ในลักษณะที่ห่มผ้าอยู่ พอผ่านไปผมจะตัดไปตอนเหตุการณ์ที่เเม่ออกจากที่ทำงาน
กลับมาอยู่ที่นครนายก ก่อนจะย้ายมาบ้านสวน บ้านเเม่ผมได้อยู่อีกที่ เหตุการณ์ที่ว่ามีคนมาขอซื้อที่บ้านตรงนั้น ก็เลยย้ายจากบ้านตรงนั้นไปอยู่บ้านอีกที่ ที่เป็นบ้านสวน ที่บ้านในสวนจะมีบ้าน2หลัง บ้านปูนชั้นเดียวกับบ้านไม้ชั้นเดียว บ้านไม้ภายในจะเป็นบ้านที่ห้องโถงโล่งๆ จะทำห้องไว้หลายห้อง ส่วนบ้านปูนจริงๆเเล้วจะเป็นบ้านที่สามีของน้าที่เป็นชาวต่างชาติ มาสร้างไว้ เเต่ทุกวันนี้น้าเเกก็ปล่อยล็อคไว้ไม่มีใครไปอยู่ จนมีเหตุการณ์54 นำ้ท่วมใหญ่ เเม่เเกก็หนีไปอยู่บนบ้านปูน เเม่เเกจะนอนตรงห้องโถง บ้านนี้จะมี2ห้องนอน 1ห้องนำ้ 2ห้องนอน นั้นเเม่เเกจะให้น้องนอนห้องนั้นคนละห้องผมลืมบอกไปว่าเเม่ผมมีพี่น้องอยู่หลายคนครับ 2ห้องนั้นก็ให้น้าชายไปนอนคนละห้องผมจะนับห้อง1จากใกล้ประตู ห้องถัดไปเป็นห้อง2
พอตกดึกมาคืนหนึ่งเเม่ได้ยินเสียงคนเดินลุยนำ้มา จ๋อมๆ เดินอยู่รอบบ้านเเม่เเกได้ยินพอเเม่เด็กลืมตามาอีกทีเเม่ผมเห็นมีผู้หญิงผมยาวเสื้อขาว อยู่หน้าห้องน้าห้องที่1 เขายืนอยู่อย่างนั้นเเบบนิ่งเลยเเม่ผมก็ได้เเต่มองดูด้วยความตกใจ เเม่เเกก็เลยหลับตานอนไปคิดสะว่าเขาเเต่ปรากฏอยู่อย่างนั้นจนหลับไป พอเช้ามาเเม่ผมได้ไปบอกน้า ว่าเมื่อคืนเเม่เห็นคนมามายืนที่หน้าห้องน้าผมก็ได้เเต่กลัวกับเหตุการ์ณที่เเม่เล่าให้ฟัง พอถัดมาเมื่อปี59หรือ60นี่เเหละ มีอยู่วันหนึ่งน้าชายอีกคนหนึ่งได้พบเจอผู้หญิงคนหนึ่งตอนที่เเกทำงานเป็นรปภ. ในโรงพยาบาลเเห่งหนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเเกทำงานเป็นชาวสวน ก็สุดท้ายได้คุยได้คบกันจนน้าผมเอามาอยู่ด้วยที่ห้องของน้า จะอยู่ตรงบ้านไม้ชั้นเดียว ก็มาอยู่ได้สักพัก1 มาอยู่ก็เหมือนว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ เเม่ผมรับภาระอยู่คนเดียว ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าข้าวสาร ของใช้ต่างซึ่งมันเป็นของเเม่ผมที่เขาซื้อมาทั้งหมด คือเเม่ผมก็ไม่ได้รำ่รวยอะไรมากมาย เพราะเเก ก็มีหนี้สินต่างๆเดือนหนึ่ง
ที่นี่พอมาอยู่ด้วยกันไปสักพักเเม่เเกก็เริ่มมีปากเสียงกับเเฟนน้าชาย ด่ากันเเบบว่าหยาบคาย ผมลืมบอกไปว่าตอนนั้นเเม่ผมนอนห้องข้างๆน้ากับเเฟนน้าชาย ทุกๆวันจะทะเลาะด่ากันข้ามไปข้ามมา จนมีอยู่วันหนึ่งเเม่เเกก็ได้ไปคุยบ่นให้ป้าที่ทำงานเเม่บ้านด้วยกัน พอดีว่าป้าเเม่บ้านที่เป็นเพื่อนร่วมงานเเม่ รู้จักพอดีก็เลยเล่าให้เเม่ฟังว่าเเฟนน้าชายคนนี้มีครอบครัวมีลูกมีสามีเเล้ว สามีเขาตอนนี้ติดคุก พอเเม่ผมได้รู้งั้นก็ไปว่าน้า ไปว่าผู้หญิงคนนี้สามีเขาอยู่ในคุก ไม่กลัวเขาออกมามาเอาเรื่องหรอ ซึ่งน้าชายพูดไรไปก็ไม่ฟังเเล้วหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนี้ไปเเล้วหลังจากนั้นเมียน้าก็ได้พาครอบครัวมาด้วยเขามาด้วยซึ่งเขาจะมีลูกชายกับลูกสาว เเละไม่ต่างกันเลยคือทั้งลูกชายลูกสาวก็ชอบเเซะเเม่ผมหลอกด่าบ้าง บ้างทีผ้าที่เเม่เเกตากไว้ตอนเช้าพอเลิกงานตอนเย็นกลับบ้างทีผ้าจะเหมือนถูกโยนไปในป่าเเม่เเกก็รู้ว่าๆไม่น่าจะใช่ลมเเรง ถ้าลมเเรงผ้าจะไม่กระจัดกระจายในป่าเเบบนั้น พอทะเลาะกันมากเเม่ก็เลยย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งที่เป็นบ้านปูนชั้นเดียว พออยู่ไปอยู่มาวันหนึ่งตอนนั้นเเม่เเกได้อยู่บ้านนั้นคนเดียวเเล้ววันนั้นเเม่เเกได้ยินเสียง โครม บนหลังคา ด้วยความที่เเม่เเกเป็นคนที่ปากไว ได้ ทักไป เห้ย เสียงอะไรวะเเต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ณะ ตอนนั้น
เเละหลังจากนั้นถัดมาอีกวันหนึ่ง เเม่เเกนอนอยู่ในห้องที่1 ที่ติดกับประตู หลังจากนอนไปได้สักพักเเละเเม่เเกได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนขึ้นมากลางคืนเเม่เเกเหมือนเห็นเเสงสีเขียว เหมือน วนอยู่ รอบบ้านไปมา ลักษณะเขาไม่ได้เดินนะครับ เเต่ลอย ไป เเละจะเเถมมาด้วยมีเสียงหมาชาวบ้านเห่าหอน เเม่เเกก็ได้เเต่คิดในหัวว่าเสียงนี้ที่มันเกิดอยู่มันคืออะไร ปกติมันไม่เคยมีเหตุการณ์เเบบนี้มาก่อน เเม่เเกก็จะเจอเหตุการณ์เเบบนี้ทุกวัน เสียงหมา ทั้งวิญญาณที่มีเเสดงสีเขียวลอยไปลอยมาอยู่เเบบนี้ตลอด เรื่องมันน่าจะเกิดจากที่เเม่ไปทักวันนั้นจนมันมีเรื่องให้เล่าต่อๆมา ผมลองสันนิฐานว่าอาจจะเป็นการปล่อยของต่อจากนั้น จนเเม่เเกทนไม่ไหวเพราะว่าตอนเช้าเเม่เเกทำงานด้วยมันส่งผลกระทบต่องานด้วย เเกจะมีรู้สึกง่วงอ่อนเพลีย จนวันหนึ่งเเกได้ย้ายไปนอนห้องเดิมตรงบ้านไม้ที่เดิม พอตกดึกก็เหมือนเดิมครับ มีเเสงสีเขียวลอยไปลอยมา คร่าวนี้มาถึงหน้าห้องโถง เเม่ผมเล่าให้ฟังว่ามีเเสงสีเขียวเหมือนเดิม เเต่ต้องบอกว่าทำไมเเม่ผมถึงเห็นต้องบอกว่าห้องเเม่ผมตัวห้องกำเเพงมันจะกั้นปิดเเค่ครึ่งเดียวข้างบนจะเป็นคานโลงๆทำให้มองเห็นอย่างชัดเจน
คร่าวนี้เเม่ผมก็ได้เเต่สวดมนต์ก็เเล้วก็ยังมีเเสงสีเขียวลอยเหมือนเดิม จนเเม่เเกได้อธิฐานในใจ ขอพ่อเเก่ที่อยู่หน้าห้องโถง ที่หน้าห้องโถงจะมีเศียรพ่อเเก่ยังที่ผมเล่าให้ฟังตอนต้นว่าที่บ้านตายาย ทำวงดนตรีลูกทุ่งก่อนเเสดงจะต้องขอพรทุกครั้งก่อนเเสดงก่อนไปงาน เเละพ่อเเม่เด็กได้อธิษฐานถึงพ่อเเก อยู่ดีๆเเม่เเกได้ยินเสียงผู้ชายเเก่ ตะโกนไล่ ออกไป
เเต่ก็ทำไรดวงวิญญาณนั้นไม่ได้ จนเเม่เเกข่มหลับตานอนจนเช้า เเม่เเกก็ได้ไปเล่าให้เพื่อนที่ทำงานฟังเขาก็ได้เเต่คิดว่าเเม่อาจจะตาฟาดไปเอง
ก็ไม่มีใครเชื่อเรื่องที่เขาเล่าไปนะครับ พอตกเย็นมาเลิกงานกลับบ้านมาก็เหมือนเดิมนะครับ คือทะเลาะ