ผมเองเป็นผู้เล่นรายจิ๋ว แต่ได้ ipo บ่อย เขาอาจจะให้เกียรติที่เหนียวแน่นอยู่กับโบรคมานาน...
ผมรู้ว่ารายย่อยเจ็บตัวเยอะ แต่ผมขออธิบายปัญหาที่เกิดตามที่ผมเข้าใจดังนี้
อันเดอร์ไรท์ เขาประเมินราคากลางเป็นช่วงกว้างพอควร เพื่อประนีประนอมระหว่างสองฝั่ง
ฝั่งเจ้าของหุ้นก็ต้องการได้ราคาสูง ๆ
ฝั่งซื้อก็ต้องการราคาต่ำ ๆจะได้มีช่องทางทำกำไรได้หน่อย
และยังมีประเด็นปลีกย่อย เช่น ปริมาณหุ้น ผู้ที่ได้ราคาพิเศษ ฯลฯ
เมื่อเข้าตลาดทำให้เกิดปัญหาขึ้น ผมมองว่าทั้งสามฝ่ายมองในมุมตัวเองก็ไม่ผิด แต่อันเดอร์ไรท์ฯควรรอบคอบกว่านี้ ตัวอย่างเช่น
88th ผมมองว่าราคาที่จัดสรรค์ เหมาะสมดี ไม่ถูก ไม่แพงเกินไป แต่ปริมาณหุ้นมันน้อย ความต้องการมันมาก เมื่อเข้าตลาด มันโดดไปเปิดแบบนั้น(ความหวังของผู้ที่ไม่มีหุ้น) กำไรระดับนี้ กลุ่มที่ได้หุ้น ipo มีหรือจะไม่ขาย?...ส่วนราคาปัจจุบัน ผมว่าพอไหว ถ้าธุรกิจเดินแบบเดิม
atlast ipo ถามว่าราคาสมเหตุสมผลไหม? อาจจะใกล้เคียง สูงไปนิดหนึ่ง แต่ปริมาณหุ้นมันมาก ความกลัวจึงเกิดขึ้น ผลจึงเป็นเช่นนั้น อันเดอร์ไรท์เสียชื่อ ผู้ได้ ipo ขาดทุน รายย่อยขาดทุน มูลค่าหุ้นของเจ้าของ ลดลง แม้ได้เงินจากการขายมากขึ้น แต่เสียเครดิตครับ ส่วนกลุ่มที่ขาดทุนก็เสียความรู้สึก
ผมอยากให้ อันเดอร์ไรท์ คิดให้รอบคอบ เจ้าของก็ลดราคาลงให้ต่ำลงให้มากหน่อย เมื่อรายย่อยเข้าซื้อ เขามีกำไร มันจะดันราคาขึ้นไปให้เอง แล้วคุณค่อยขายภายหลัง...
ส่วนคนที่จะโดดเข้าซื้อในวันแรก ก็ประเมินพื้นฐานให้ดีก่อน ว่าราคาที่จะเปิด ตรงกับใจหรือไม่ ถูกหรือแพงกว่า เรารับได้หรือไม่ค่อยเข้าซื้อ ไม่ใช่หลับตาซื้อ ขอสักสี่ห้า% ก็พอแล้ว ถ้าคิดแบบนั้นมันก็เหมือนแทงมวย-บอลแล้วครับ เงินคุณ คุณต้องรับผิดชอบเอง ต้องดูธุรกิจว่าดีหรือไม่ ราคาที่คุณซื้อ จะมีคนซื้อต่อจากคุณหรือไม่
วันนี้ก็มีอีกตัวค่อนข้างใหญ่เข้าเทรด ระมัดระวังไว้บ้าง เงินคนละครึ่ง มันไม่พอดำรงชีวิตนะ
หวังดีกับทุกฝ่ายครับ
ขอพูดเรื่องหุ้น ipo นิดหนึ่ง
ผมรู้ว่ารายย่อยเจ็บตัวเยอะ แต่ผมขออธิบายปัญหาที่เกิดตามที่ผมเข้าใจดังนี้
อันเดอร์ไรท์ เขาประเมินราคากลางเป็นช่วงกว้างพอควร เพื่อประนีประนอมระหว่างสองฝั่ง
ฝั่งเจ้าของหุ้นก็ต้องการได้ราคาสูง ๆ
ฝั่งซื้อก็ต้องการราคาต่ำ ๆจะได้มีช่องทางทำกำไรได้หน่อย
และยังมีประเด็นปลีกย่อย เช่น ปริมาณหุ้น ผู้ที่ได้ราคาพิเศษ ฯลฯ
เมื่อเข้าตลาดทำให้เกิดปัญหาขึ้น ผมมองว่าทั้งสามฝ่ายมองในมุมตัวเองก็ไม่ผิด แต่อันเดอร์ไรท์ฯควรรอบคอบกว่านี้ ตัวอย่างเช่น
88th ผมมองว่าราคาที่จัดสรรค์ เหมาะสมดี ไม่ถูก ไม่แพงเกินไป แต่ปริมาณหุ้นมันน้อย ความต้องการมันมาก เมื่อเข้าตลาด มันโดดไปเปิดแบบนั้น(ความหวังของผู้ที่ไม่มีหุ้น) กำไรระดับนี้ กลุ่มที่ได้หุ้น ipo มีหรือจะไม่ขาย?...ส่วนราคาปัจจุบัน ผมว่าพอไหว ถ้าธุรกิจเดินแบบเดิม
atlast ipo ถามว่าราคาสมเหตุสมผลไหม? อาจจะใกล้เคียง สูงไปนิดหนึ่ง แต่ปริมาณหุ้นมันมาก ความกลัวจึงเกิดขึ้น ผลจึงเป็นเช่นนั้น อันเดอร์ไรท์เสียชื่อ ผู้ได้ ipo ขาดทุน รายย่อยขาดทุน มูลค่าหุ้นของเจ้าของ ลดลง แม้ได้เงินจากการขายมากขึ้น แต่เสียเครดิตครับ ส่วนกลุ่มที่ขาดทุนก็เสียความรู้สึก
ผมอยากให้ อันเดอร์ไรท์ คิดให้รอบคอบ เจ้าของก็ลดราคาลงให้ต่ำลงให้มากหน่อย เมื่อรายย่อยเข้าซื้อ เขามีกำไร มันจะดันราคาขึ้นไปให้เอง แล้วคุณค่อยขายภายหลัง...
ส่วนคนที่จะโดดเข้าซื้อในวันแรก ก็ประเมินพื้นฐานให้ดีก่อน ว่าราคาที่จะเปิด ตรงกับใจหรือไม่ ถูกหรือแพงกว่า เรารับได้หรือไม่ค่อยเข้าซื้อ ไม่ใช่หลับตาซื้อ ขอสักสี่ห้า% ก็พอแล้ว ถ้าคิดแบบนั้นมันก็เหมือนแทงมวย-บอลแล้วครับ เงินคุณ คุณต้องรับผิดชอบเอง ต้องดูธุรกิจว่าดีหรือไม่ ราคาที่คุณซื้อ จะมีคนซื้อต่อจากคุณหรือไม่
วันนี้ก็มีอีกตัวค่อนข้างใหญ่เข้าเทรด ระมัดระวังไว้บ้าง เงินคนละครึ่ง มันไม่พอดำรงชีวิตนะ
หวังดีกับทุกฝ่ายครับ