ADVANC กำไรโตสนั่น! Q3/68 กวาดทะลัก 1.2 หมื่นล้าน พุ่ง 37% รายได้ 5.4 หมื่นล้าน เหตุต้นทุนคลื่น-ค่าใช้จ่ายลดลง

กระทู้ข่าว

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีรายได้รวมอยู่ที่ 54,362 ล้านบาท เติบโต 4.1% จากช่วงเดียวกัน จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของทุกธุรกิจ ชดเชยกับรายได้จากการเป็นพันธมิตรกับ NT ที่ลดลง ขณะที่ลดลง 3.0% จากไตรมาสก่อน ตามรายได้จากการเป็นพันธมิตรกับ NT และรายได้จากการขายอุปกรณ์ที่ลดลง

ขณะที่กำไร EBITDA อยู่ที่ 31,406 ล้านบาท เติบโต 10% จากช่วงเดียวกัน และเติบโต 3.8% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากการขยายตัวของรายได้ร่วมกับการบริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ โดยอัตรากำไร EBITDA อยู่ที่ 57.8% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 12,039 ล้านบาท เติบโต 37% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 9.6% จากไตรมาสก่อน สะท้อนภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ต้นทุนค่าคลื่นความถี่ที่ลดลงจากการสิ้นสุดสัญญาเชื่อมต่อโครงข่าย 2100MHz กับ NT และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลง
 
สำหรับในรอบ 9 เดือนปี 2568 มีรายได้จากการให้บริการหลักอยู่ที่ 128,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โดยรายได้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของ ARPU ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพ การส่งเสริมการขายแพ็กเกจ 5G และบริการเสริมคอนเทนต์
 
ขณะที่รายได้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการขยายฐานลูกค้าและ ARPU ที่สูงขึ้นจากการขายแพ็กเกจมูลค่าสูง สำหรับรายได้บริการลูกค้าองค์กรและอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากความต้องการที่แข็งแกร่งของบริการด้านการเชื่อมต่อ โดยเฉพาะบริการเชื่อมต่อโครงข่าย (EDS) และบริการคลาวด์
 
โดยรายได้จากการขายอุปกรณ์และซิม เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน เติบโตสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านค้าปลีก อาทิ การขยายเวลาให้บริการ การพัฒนาทักษะพนักงานขาย การปรับปรุงหน้าร้านและความต้องการสมาร์ทโฟนที่ยังมีอย่างต่อเนื่องจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์
 
ด้านต้นทุนการให้บริการลดลง 3.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยหลักมาจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากสัญญาเชื่อมต่อโครงข่ายคลื่นความถี่ 2100MHz กับ NT หมดอายุในเดือนสิงหาคม 2568 และการตัดค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์โครงข่ายครบจำนวน
 
สำหรับค่าใช้จ่ายโครงข่าย ลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากค่าใช้จ่ายจากการเป็นพันธมิตรกับ NT และต้นทุนค่าไฟที่ลดลง ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร ลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์ในรอบ 9 เดือนของปี 2567 ชดเชยกับค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการเติบโตของรายได้
 
ขณะที่ กำไร EBITDA ในรอบ 9 เดือนของปี 2568 เพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการขยายตัวของธุรกิจ ร่วมกับการบริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 33,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ต้นทุนคลื่นความถี่และต้นทุนการเงินที่ลดลง

share2trade



เอไอเอสรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายได้รวม 54,362 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 12,039 ล้านบาท สะท้อนการเติบโตที่มั่นคงของทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์ และบริการลูกค้าองค์กร โดยขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงข่ายคุณภาพสูง นวัตกรรมบริการ และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม พร้อมต่อยอดสู่อนาคตด้วย ธุรกิจใหม่ ที่เป็นกลไกสำคัญในการสร้างการเติบโตระยะยาว ทั้งธุรกิจรีเทล แพลตฟอร์มคอนเทนต์ความบันเทิงและกีฬา และการเงินดิจิทัล

กำไร EBITDA และผลประกอบการยังคงเติบโตจากการรักษาสมดุลระหว่างการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต และการเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กร สะท้อนการเติบโตเชิงคุณภาพในทุกมิติ ภายหลังการก้าวผ่าน วาระครบรอบ 35 ปี เอไอเอสยังคงต่อยอดการเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยการยืนหยัดในฐานะองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะที่มีรากฐานแข็งแกร่ง มุ่งขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคดิจิทัลอย่างยั่งยืน ภายใต้ผลการดำเนินงานมิติต่างๆ ดังนี้ 
ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ เสริมแกร่งโครงข่ายเพื่อความได้เปรียบระยะยาว มีผู้ใช้บริการรวม 46.3 ล้านเลขหมาย โดยมีผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นเป็น 15.8 ล้านเลขหมาย เติบโต 36% จากปีก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการลงทุนเชิงคุณภาพ ในการขยายโครงข่ายอัจฉริยะ 5G ให้ครอบคลุมกว่า 95% ของพื้นที่ประชากร เพื่อสร้างความมั่นคงด้านประสบการณ์ดิจิทัลให้กับผู้ใช้ทั่วประเทศ

รวมถึงการเปิดให้บริการคลื่นความถี่ 2100MHz ทันทีหลังชนะการประมูล พร้อมประยุกต์ใช้เทคโนโลยี “Super Block” ถือเป็นการขับเคลื่อนกลยุทธ์ในการเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่ายให้รองรับการใช้งานไปอีกขั้น ด้วยความเร็วสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านคุณภาพที่ได้รับการการันตีโดยรางวัล OOKLA ปี 2025

นอกจากนี้ การนำแพ็กเกจรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษมาสร้างความผูกพันกับลูกค้า ยังเป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับฐานลูกค้าอีกด้วย
 
ธุรกิจบรอดแบนด์ สร้างความต่างด้วยประสบการณ์และคุณภาพบริการภายใต้แบรนด์ AIS 3BB FIBRE3 เอไอเอสมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก 68,000 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ใช้รวม ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 5.2 ล้านราย

การเติบโตดังกล่าวเป็นผลจากกลยุทธ์ “ยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยยุคดิจิทัล” โดยผสานโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้ากับคอนเทนต์ระดับพรีเมียม ผ่านแพ็กเกจ Super FAST และ Home FibreLAN ซึ่งตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ตั้งแต่ครอบครัวจนถึงผู้ใช้งานที่มีความต้องการเฉพาะด้านทั้งสตรีมมิ่งและเกมมิ่ง

ขณะเดียวกัน การเสริมพอร์ตด้วยคอนเทนต์กีฬาระดับโลก อาทิ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก, NBA, และ NFL ไม่เพียงสร้างความแตกต่างด้านประสบการณ์ แต่ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญในการวางตำแหน่ง AIS 3BB FIBRE3 ให้เป็น “ผู้นำบริการดิจิทัลครบวงจรในทุกบ้าน”
 
ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรเติบโต 14% จากไตรมาส 3 ปีก่อน จากแนวโน้มการเร่งทรานส์ฟอร์มองค์กรของภาครัฐและเอกชน โดยเอไอเอสวางกลยุทธ์เป็นพันธมิตรเทคโนโลยีครบวงจรที่ให้บริการตั้งแต่โครงข่ายสื่อสาร ระบบคลาวด์ ไปจนถึงโซลูชัน AI เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เช่น Oracle Cloud และโครงการ GSA Data Center เป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เชื่อมโยงอย่างปลอดภัยและยั่งยืน รองรับการขับเคลื่อนองค์กรไทยสู่การเป็น Sustainable Nation ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

mgronline
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่