🚂... ก้าวขึ้นรถไฟไปผ่อสิ่งสวยงามตี้เมืองสองพี่น้องแห่งล้านนา " ลำพูน x ลำปาง " กั๋นเต๊อะ~! 🪻🌈 EP.2 ลำปาง🐴

สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน​ EP.1​ ลำพูน🏞️
ตามย้อนอ่านได้ที่​ 👉 ​ https://bit.ly/4qG925K


ถ้าใครได้อ่าน​ EP.1​ กันแล้ว​ ก็ไปตะลุยลำปางพร้อมกับพวกเราเลยจ้าา~!

==========




Day 2 / เกาะสองแถว… เตวแอ่วเขลางค์🐴

วันนี้เป็นวันที่พวกเราตื่นเช้าที่สุด​ เพราะต้องไปให้ทันรถไฟเที่ยวแรก🕖
แต่... ก่อนที่จะออกเดินทางได้ ก็ต้องชาร์จพลังให้พร้อมกับอาหารเช้า


ที่มี​ ข้าวต้ม​หมู​ ไข่ดาว​ แฮมเบิร์ก ที่จัดเต็มเป็นพิเศษ​ (เพราะมากันหลายคน)​
และพิเศษสำหรับวันนี้​ ก็มี​ ไส้อั่วที่คุณป้าได้มาจากชาวบ้าน​อีกด้วย
บอกเลยว่า​ ยังไม่ทันได้กิน​ กลิ่นเครื่องเทศก็ลอยเตะจมูกเลย~


จากนั้น คุณลุงก็พาพวกเราไปส่งที่ สถานีรถไฟลำพูน พร้อมมอบด้ายผูกมือให้กับพวกเราเพื่อความมงคลอีกด้วย
07:02 น.🕖 ลาคุณลุงไปได้สักพัก รถเร็ว 102 เชียงใหม่-กรุงเทพฯ ก็มารับพวกเรามุ่งหน้าสู่เขลางค์นคร



08:37 น.🕗 ผ่านไปเพียงชั่วโมงครึ่ง พวกเราก็เดินทางมาถึง นครลำปาง แล้วครับ/ค่ะ



วันแรกที่ลำปาง​ ก็ขอเปลี่ยนบรรยากาศการเดินทางมารับลมธรรมชาติกันบ้าง
โดยใช้บริการรถสองแถวจ้างเหมาของ "คุณแม่นพพร” ในราคา​ 1200​ บาท​ (ไม่รวมน้ำมัน)​


สำหรับ... แพลนวันนี้​ พวกเราจะมูฟออนจากการเที่ยวในเมืองมาเป็นนอกเมืองกันบ้าง
ซึ่งจะออกไปตะลุยถึง​ 2​ อำเภอด้วยกัน​ ก็คือ​ อ.แม่ทะ​ และ​ อ.เกาะคา

ระหว่างทางไปแม่ทะ​ ก็ขอแวะเยี่ยมชมวิถีชีวิตชุมชนพื้นเมืองของเมืองลำปาง​ กับ

กลุ่มผ้าทอไทลื้อบ้านกล้วยหลวงพัฒนา



เมื่อมาถึง​ "ป้ายา" ​เจ้าของกลุ่มผ้าทอ​ก็ต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี​
ถึงแม้ว่า​ วันนั้น​ กลุ่มจะไม่ได้เปิด​ แต่ก็ยังแนะนำให้พวกเราไปเรียนรู้วิธีการทำเส้นฝ้ายจากแม่ๆที่อยู่ชุมชนหลังวัดกล้วยหลวง
โดยก่อนที่จะไปนั้น​ ป้ายาก็ให้พวกเราได้ชมผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม​ ไม่ว่าจะเป็น​ ผ้าซิ่นลายละกอนไส้หมู​ ที่เป็นเอกลักษณ์ลำปาง, กระเป๋าและย่าม

วิธีการทำเส้นฝ้ายที่เราได้เรียนรู้​ มีทั้ง​หมด​ 6​ ขั้นตอน​ ด้วยกัน​ ตามภาพด้านล่าง👇
โดยเส้นฝ้ายที่ได้​ แม่ๆบอกว่า​ เส้นที่ไม่ผ่านการย้อมสีใช้ในการทอผ้าสำหรับงานกฐิน​ ของชุมชน



หลังจากเรียนรู้สักพัก ก็ได้เวลาที่ต้องเดินทางต่อแล้ว...
เลยขอถ่ายรูปร่วมกับแม่ๆ​ ไว้เป็นที่ระลึก​ (ทุกคนน่ารักกันมาก💕)​



จากกลุ่มผ้าทอ นั่งรถต่อไปไม่นานก็เข้าสู่ อ.แม่ทะ 🧭

สถานที่ต่อไป​ เป็นที่ขนานนามว่า​เป็น "คามาคุระเมืองไทย"
ที่นั่นก็คือ... วัดพระธาตุดอยพระฌาน​ นั่นเอง!


โดยการขึ้นบนดอย ก็จะมี 2 ทางให้ได้เลือก
คือ​ เดิน​ และ​ ใช้บริการสองแถววัด


บอกเลยว่า... คนเดินขึ้นคือสิ้นหวังมาก55😶


เมื่อไปถึงด้านบน​ พวกเราก็จะพบกับ​ องค์พระไดบุตสึขนาดใหญ่​ ที่รายล้อมด้วยซุ้มป้ายไม้​ และแมวกวัก
จนทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนได้มาที่คามาคุระจริงๆ​ ​เลยครับ/ค่ะ​ (ถ้าไม่ร้อน.. คือใช่เลย✨)​



ผ่านมาแล้วครึ่งวัน​... ก็ได้เวลาที่ต้องไปกินข้าวเที่ยงกันแล้ว
โดยพวกเรา​ไปกันที่
ร้านลาบหลู้​ คนเมือง​ อ.เกาะคา

ชื่อร้าน​ก็บอกแล้วว่าเป็น​ ลาบ-หลู้​
พวกเราทุกคนเลยลองเปิดประสบการณ์ที่จะกิน​อาหารเมืองอย่าง "หลู้" สักครั้ง
บ​อกตามตรงว่า​ สิ่งที่พวกเรากลัว​ คือกลัวว่า​ "เลือ​ ด" จะมีกลิ่นคาวไหม​ แต่พอได้กิน​เข้าไปแล้ว​
ไม่มีความคาวเลย​ แถมมีกลิ่นสมุนไพรที่ใส่ผสมเข้าไปแบบอ่อน​ๆ เนื้อ​ มันและตับไม่คาวไม่เหนียว​ กรุบๆ​ ในปาก
ในขณะที่.. กับข้าวอื่นที่เสริมมา​ ก็รสชาติดีจนกินหมดทุกจานเลย✅


- กลับเข้าสู่การเดินทางช่วงบ่าย🌞 -​
คุณแม่นพพรก็ได้แนะนำสถานที่ใกล้ๆ​ ให้พวกเราได้ไปลองสัมผัสกัน​ เริ่มต้นด้วย...

วัดสันตินิคม (สันป่าสัก)​
โดยจุดเด่นของที่นี่​ คือ​ พระมหาธาตุจุฬามณีพุทธเจดีย์เก้ายอด​ หรือที่พวกเรา​ เรียกกันว่า​ "เจดีย์สีพาสเทล"


ภายในของพระมหาเจดีย์​ มีการเล่าเรื่องราวพระพุทธศาสนาในเรื่อง​ของ "ภพภูมิทั้ง​ 4"
โดยชั้นบนสุด​ (นิพพาน)​ มีพระบรมสารีริกธาตุ​และพระอรหันต์​ธาตุ​
เมื่อเดินลงมาก็จะเห็นพระสาวกรายล้อมรอบทางเดินจนมาถึงชั้นสวรรค์​ และมนุษย์
ปิดท้าย​ด้วย​ ชั้นนรก​ ที่จำลองบทลงโทษจากการทำบาปแต่ละชนิดอีกด้วย🔥


นั่งรถสองแถวมานานหลายชั่วโมงก็เริ่มอ่อนล้ากันแล้ว
คุณแม่จึงพาพวกเรามาผ่อนคลายกันที่...

โป่งน้ำร้อนเกาะคา​ อ.เกาะคา


โดยพวกเราเลือกใช้บริการแช่เท้าออนเซ็น​ เพียงคนละ​ 10​ บาท​ เท่านั้น
ด้วยน้ำที่อุ่นๆ​ ก็ทำให้พวกเรารู้สึกผ่อนคลายได้มากขึ้น​​
นอกจากนี้ยังมีอ่างออนเซ็น​ และนวดไทย​ บริการด้วย


และสถานที่สุดท้ายที่เราได้ไปก่อนกลับเข้าเมือง
ก็คือ....
วัดพระธาตุลำปางหลวง​ อ.เกาะคา
วัดคู่บ้านคู่เมืองลำปาง และเป็นวัดพระธาตุประจำปีเกิด​ (ปีฉลู)🐂





ความพิเศษของที่นี่​ คือ​ เมื่อเข้าประตู​ พื้นทางเดินเป็นทรายแทบจะ 100%
อีกทั้ง​ มีองค์พระธาตุที่มีสีรมดำ​ และเงาพระธาตุกลับหัว​ (ที่พวกเราหาไม่เจอว่าอยู่วิหารไหน)​
แต่... พวกเราก็ยังโชคดีที่ได้ร่วมส่งบุญในช่วงทอดผ้าป่าเทวดาไปยังยอดพระเจดีย์​ ก่อนที่วัดจะปิดในอีกไม่กี่นาที



เมื่อไหว้พระธาตุเสร็จแล้ว​ ก็เดินทางกลับเข้าที่พัก
โดยคืนที่​ 2​ นี้​ พวกเราก็พักผ่อนกันที่...

Villa​ Rassada​ Nakorn​ Lampang

หลังจากที่พวกเราเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว
ก็ได้เวลาที่เซาะหาของกินยามเย็นที่​ "กาดกองต้า"


เป็นตลาดคนเดินวันหยุดที่มีครบครันทั้งของกิน​ ของใช้​ รวมไปถึงเสื้อผ้า
(แต่เป้าหมายพวกเรา​นั้น... เน้นหาของกินอย่างเดียว😋)​

เมื่อได้ของกินแล้ว​ ก็เดินเท้ากลับที่พัก​
โดยผ่านสะพานประวัติศาสตร์​ของลำปางที่มีอายุนับ​ 100​ ปี
สะพานรัษฎาภิเศก

ปิดจบวันที่​ 2​ ของทริป​ @ ลำปาง🐴

==========
Day 3 / ปั่นสองล้อ… เซาะเลาะรอบเวียง🚲

เข้าสู่เช้าวันปลาย​ พวกเราก็เดินตามหาของอร่อยกันที่..


ตลาดสดเทศบาล 3 รัษฎา (กาดหัวขัว)​
ตลาดเช้าริมสะพานรัษฎาฯ ที่มีขายทั้งอาหารสด​ แห้ง​ รวมไปถึง​ กับข้าวปรุงสุก
บอกเลยว่า​ อาหารเหนือที่ตลาดนี้​ is​ the​ best​ ของจริง🍽️



2​ วันที่ผ่านมา พวกเราก็ได้เดิน​ และนั่งรถกันมาแล้ว
เหลือเพียงแค่... จักรยาน​ ที่ยังไม่ได้ปั่น

วันนี้​ พวกเราเลยเลือกที่จะเที่ยวในเมืองด้วยจักรยานเช่า​ที่​ "กาดไผ่ภิรมย์ริมวัง"​ ราคา​ 50​ บาท/วัน
เมื่อได้จักรยานแล้ว​ เราก็ออกเดินทางสำรวจเมืองลำปาง​ ตามเส้นทางผ่าน​ 4​ วัดด้านล่างนี้👇




หลังจากนั้น... พวกเราก็ปั่นจักรยานข้ามถนน​ 6​ เลน​ เพื่อมาทำภารกิจสุดท้าย​ ที่
พิพิธภัณฑ์เซรามิกธนบดี

ภายในจัดแสดงเรื่องราวของเซรามิกเมืองลำปาง​ ตั้งแต่ยุคบุกเบิก​ ​มาจนถึงปัจจุบัน
โดยทางวิทยากรของที่นี่ก็ให้ข้อมูลได้อย่างละเอียดเลยทีเดียว✨

และภารกิจสุดท้ายที่ว่า​ ก็คือ...
Workshop​ ทำชามเซรามิกใบเดียวในโลกนั่นเอง

จะบอกว่า​ ระหว่างทำรู้สึกเพลินมาก เหมือนได้ปลดปล่อยความเป็นศิลปินในตัว
โดยผลงานนี้ก็จะตกทอดให้กับเพื่อนอีกกลุ่มในวันที่สลับของฝากในคลาสที่จะถึงนี้~








ขากลับ​ พวกเราก็ติดต่อ​ "แม่นพพร" ให้มาส่งพวกเราที่สถานีฯ​ และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก💖

สำหรับใครที่มาลำปาง​ แล้วอยากนั่งรถพาเที่ยวราคากันเองแบบนี้​
สามารถติดต่อได้​ที่เบอร์.​ 094-5491594​ นะครับ/คะ🏵️


19.27 น.🕢 ขบวน 14 ออกจาก สถานีนครลำปาง
- นอนน้อยมาเกือบ​ 3​ วัน ก็ได้เวลานอนเต็มอิ่มเสียทีนะ​ 💤–

06.00 น. 🕕 ขบวน 14 ถึงปลายทาง​ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

อันเป็นการสิ้นสุด​ Backpack​ Trip​ ​โดยสมบูรณ์🌈


==========
สรุปค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทาง (ต่อคน)💸

ค่าโดยสาร
A.ค่ารถไฟ
ขบวน 13 กรุงเทพฯ-ลำพูน ชั้น 2 เตียงบน : 761 บาท
ขบวน 102 ลำพูน-นครลำปาง ชั้น 3 : 19 บาท
ขบวน 14 นครลำปาง-กรุงเทพฯ ชั้น 2 เตียงล่าง : 801 บาท

B.ค่ารถสองแถว
เหมาคัน Day 2 : 1,200 + ค่าน้ำมัน 340 = 1540 / 5 = 308 บาท
วัดดอยพระฌาน​ : 40 บาท​ (ไป-กลับ)​
กลับสถานี Day 3 : 20 บาท

C.ค่าเช่าจักรยาน Day 3 : 50 บาท

ค่าที่พัก
ลำพูน > Indy Homestay : (650+750) / 5 = 280  + อาหารเช้า 50 = 330 บาท
ลำปาง > Villa Rassada : (790+1040) / 5 = 366 บาท

ค่าเข้า/กิจกรรม
เข้าพิพิธภัณฑ์ฯ หริภุญไชย : ฟรี (แสดงบัตร นศ.)
เข้าพิพิธภัณฑ์เซรามิกธนบดี : 30 บาท (สำหรับ นศ.)
ค่ากิจกรรม Workshop ทำชาม : 150 บาท / 4 = 38​ บาท​ (ชาม 4 นิ้ว)

รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ต่อคน) : 2,763 บาท
หมายเหตุ ไม่รวมค่าอาหารอื่นๆ ระหว่างวัน, ค่าทำบุญแต่ละวัด

==========

กระทู้ Backpack Trip ลำพูน x ลำปาง​ 3 วัน 2 คืน ของพวกเราก็จบลงแล้วครับ/ค่ะ ✨
“เมืองรอง” ทั้งสองจังหวัดนี้ล้วนมีเสน่ห์ที่ซ่อนอยู่มากมายจริงๆ ทั้งสถาปัตยกรรม, ประวัติศาสตร์, อาหาร และที่สำคัญที่สุดคือ...ผู้คนที่มีความใจดี น่ารัก และอบอุ่น🫂



หวังว่ากระทู้ทั้ง​ 2​ EP.​ นี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนได้ลองใช้ชีวิต "ต๊ะต่อนยอน" ที่เมืองรองกันครับ/คะ🗺️

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่