โครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ ไม่ใช่กับดัก! ผู้ประกอบการร้านอาหารเชื่อเพิ่มยอดขายเท่าตัว แถมรัฐบาลย้ำชัดไม่เก็บภาษีย้อนหลัง
.
โครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ ถูกมองว่าเป็นสัญญาณบวกต่อผู้ประกอบการรายย่อย โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารและธุรกิจบริการขนาดเล็ก (SMEs) กว่า 6,000 รายทั่วประเทศ ซึ่งไม่เพียงช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านอาหารเท่านั้น แต่ยังขยายผลไปยังภาคบริการอื่น ๆ เช่น ร้านนวดและร้านค้าชุมชน สร้างแรงหมุนเวียนให้เศรษฐกิจฐานรากกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ในการประชุมโต๊ะกลมที่จัดขึ้นโดย LINE MAN Wongnai เพื่อถกกระแส ‘คนละครึ่งพลัส’ นำโดย ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ฉายภาพว่า หลังสงกรานต์ที่ผ่านมา ร้านอาหารจำนวนมากเผชิญภาวะยอดขายตกต่ำ จึงได้เสนอแนวทางให้รัฐบาลดูแลราคาวัตถุดิบและฟื้นโครงการคนละครึ่งกลับมา แม้จะยังไม่สำเร็จในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมา แต่เมื่อได้รับเชิญจาก LINE MAN Wongnai จึงได้เห็นข้อมูลชัดว่าจำนวนร้านอาหารลดลงจริง และมีความเห็นตรงกันว่าโครงการคนละครึ่งคือทางรอดให้กับผู้ประกอบการร้านอาหาร
.
สิ่งที่สมาคมได้ขอไปกับรัฐบาลปัจจุบัน คือขอให้ไม่เก็บภาษีย้อนหลัง และเปิดโอกาสให้นิติบุคคลเข้าร่วมด้วย โดยเฉพาะนิติบุคคลที่ร้านมียอดขายเกิน 1.8 ล้าน แต่ผลออกมาคือ ร้านไซซ์ S (ยอดขาย 15,000 - 30,000 บาทต่อวัน) และ Micro SME (ร้านรายได้ไม่เกิน 5,000 ต่อวัน) รวมจำนวนกว่า 600,000 ได้เข้าร่วม ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของ ขนส่ง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
.
ส่วนเรื่องการเสียภาษีเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร้านค้าเติบโตได้ ซึ่งรัฐก็ควรช่วยเหลือ แต่ในความเห็นสมาคม คิดว่ารัฐควรให้ Value สร้างแรงจูงใจ และควรเปิดทางให้ร้านนิติบุคคลร่วมด้วย เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงจากโครงการในครั้งนี้
.
เช่นเดียวกับ ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวต่อว่า โครงการนี้สามารถช่วยร้านอาหาร และ Micro SMEs ได้ จริงๆ ที่ผ่านมามีร้านอาหารเข้าร่วมคนละครึ่งกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี 100,000 ร้านค้า โดยกว่า 60-70% เลือกใช้แพลตฟอร์ม LINE MAN ซึ่งบางร้านมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 90% ถือเป็นการช่วยต่อลมหายใจให้กับธุรกิจร้านอาหารในช่วงที่ผ่านมา
.
แต่มองว่าร้านอาหารในยุคนี้ไม่ควรพึ่งยอดขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสร้างสมดุลระหว่างช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ โดยล่าสุด LINE MAN Wongnai ได้ปรับลดค่าคอมมิชชัน (GP) ลงเหลือเพียง 7% จากเดิมเฉลี่ยราว 30% ควบคู่กับการทุ่มงบกว่า 300 ล้านบาท ทำแคมเปญร่วมลดค่า GP และค่าส่งอาหาร เพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางในช่วงที่โครงการดำเนินอยู่
.
อีกทั้งโครงการคนละครึ่งพลัสรอบใหม่นี้ ต้องติดตามว่าการเปิดให้ใช้สิทธิ์จะช่วยดึงร้านค้าเข้าร่วมเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมา สภาพตลาดเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งมีร้านใหม่เกิดขึ้นและร้านเก่าปิดตัวลง อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากวงเงินงบประมาณที่สูงกว่ารอบก่อน จึงคาดว่าจำนวนร้านที่เข้าร่วมจะเพิ่มขึ้น และอาจเกินกว่า 1 แสนร้านทั่วประเทศ
.
สำหรับข้อกังวลว่าโครงการนี้จะเป็น ‘โอกาส’ หรือ ‘กับดัก’ สำหรับธุรกิจร้านอาหารนั้น หลายฝ่ายมองว่าเป็นโอกาสมากกว่า เพราะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างน้อยเท่าตัว และรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่เก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งช่วยลดความกังวลของผู้ประกอบการ ขณะเดียวกัน การเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้องก็อาจสร้างประโยชน์ในระยะยาว เช่น การเข้าถึงแหล่งทุนและสิทธิสนับสนุนจากภาครัฐได้มากขึ้น
.
อย่างไรก็ตาม หลังสิ้นสุดโครงการ ยังต้องจับตาพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคว่าจะชะลอตัวลงหรือไม่ แต่มองว่าผลในระยะสั้นถึงกลางจะเป็นบวกต่อธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับทิศทางนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งด้วย
.
ด้าน คุณาพงศ์ เตชวรประเสริฐ กูรูร้านอาหาร เจ้าของเพจขายดีไปด้วยกัน ระบุว่า จากเสียงสะท้อนของร้านค้าทั่วประเทศ พบว่าผู้ประกอบการรายใหม่ยังมีความลังเลในการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เนื่องจากกังวลเรื่องภาษี
.
ส่วนร้านค้าที่เคยเข้าร่วมมาก่อนเห็นตรงกันว่าโครงการนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าได้จริง โดยเฉพาะเมื่อมีการขายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรีทำให้เข้าถึงลูกค้าได้สะดวกและครอบคลุมมากขึ้น แม้จะมีความกังวลบางอย่าง แต่โดยภาพรวมร้านค้าและผู้บริโภคต่างตื่นตัวและรอคอยการกลับมาของโครงการในรอบใหม่นี้อย่างคึกคัก
.
ที่มา : THE STANDARD WEALTH
โครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ ไม่ใช่กับดัก! ผู้ประกอบการร้านอาหารเชื่อเพิ่มยอดขายเท่าตัว