ที่ทำงานทุกที่เป็นแบบนี้มั้ยคะ

เราได้เริ่มทำงานร้านสะดวกซื้อเพื่อจะใช้เป็นเงินเก็บในการเรียนต่อกับร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง เราในฐานะเด็กที่ทำงานวันแรกเราก็เลยคอยถามรุ่นพี่ที่ทำงานในร้านว่าต้องทำอะไรบ้าง พี่บางคนก็ตอบเราดีๆ แต่มีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่งที่เริ่มเหวี่ยงใส่เรา เราเองก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าพี่เขาเหนื่อย จนกระทั่งทำงานไปเรื่อยๆก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ พี่คนนั้นเหมือนจะไม่ชอบเรา เขาคุยกับทุกคนในร้านแต่พอเราชวนคุยเขาจะไม่ตอบ ไม่สบตาเรา พอถึงช่วงพักมีคนถามว่าเราหิวมั้ยเราก็ตอบว่าหิว พี่คนนั้นที่เหมือนไม่ชอบเราก็ตอบว่าหิวอะไร คนอื่นที่พักช้ากว่ายังไม่บ่นเลย หลังจากนั้นเราเลยไม่บอกว่าหิวอีก แต่เขาก็บ่นหิวทุกวัน

เวลาที่เราไม่รู้ว่าอะไรวางตรงไหนเราก็จะถามพี่เขา เพราะพี่เขาเป็นคนเดียวที่ดูว่าง พี่เขาก็ตอบเราว่า ตอนนี้ไม่อยากยุ่ง เหนื่อย ไม่ต้องมายุ่งได้มั้ย เราก็เลยใช้เวลาในการเก็บของนานเพราะไม่รู้ที่คนอื่นเองก็ยุ่งอยู่ด้วย

จนมาถึงวันหนึ่งเราโดนหัวหน้าเรียกไปด่า เพราะว่าทำงานพลาดบ่อยในวันนั้น และเหมือนหัวหน้าก็ยุ่งแต่ต้องออกมาแก้ให้เราหลายรอบเราเองก็รู้สึกผิด แต่เพราะวันนั้นลูกค้าเยอะและขอยกเลิกของไปมา และพอหัวหน้ามาหาก็บอกว่าไม่มีใครสอนรึไงว่ามันยกเลิกไม่ได้

สุดท้ายก็เลยโดนเรียกไปด่าหลังร้าน หัวหน้าบอกว่ามาทำงานนะ ไม่ได้มาเล่น ปกติเราเป็นคนที่ถ้าเราทำผิดเราจะรับผิดชอบ เช่นคิดเงินให้ลูกค้าผิดและต้องจ่ายเพิ่มเราจะควักเงินตัวเองออกมาจ่าย หรือว่าถ้าเราป่วยจนหลับไปไม่ได้แจ้งขาดงานเราก็จะให้หัวหน้าตัดวันนั้นขาดเลย เราเป็นคนอินโทรเวิร์ดค่ะ เรายืนแคชเชียร์ เอเนอร๋จี้มีน้อยใช้กับการรับลูกค้าไปหมดแล้ว ตอนพักเลยไม่ได้คุยกับใครกินข้าวเงียบๆ หรือเลิกงานเสร็จก็กลับเลย เราเข้าใจว่าที่หัวหน้าคิดว่าเรามาเล่นเพราะเราอาจจะดูเหมือนเด็กมีอันจะกินพ่อแม่รับผิดชอบ (ซึ่งจริงๆไม่ ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรจะกินแล้วแถมหาเงืนเลี้ยงตัวเองด้วย)

และหัวหน้าก็ถามต่อว่าพี่ไม่ได้สอนเหรอว่าให้ทำงานยังไง เราก็เลยตอบว่าค่ะไป เพราะว่าตามความรู้ในหัวเราตั้งแต่วันแรกจะมีคำสั่งเพียง เอาอันนี้ไปเติม คิดเงิน นอกจากนั้นเราไม่รู้อะไรเพิ่มเติม พอจะถามคนอื่นคนอื่นก็ไม่ได้อธิบายมากกว่านั้น เราเลยเข้าใจโดยปริยายไปว่าเพราะเป็นร้านสะดวกซื้อที่มีอัตราการเปลี่ยนผ่านพนักงานสูงเลยไม่จำเป็นต้องมีระบบสอนงานที่เป็นแบบแผนก็ได้ ทำให้คนอื่นๆก็รู้ผิวเผืนและสอนต่อๆมา ทำให้ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจนพอ และตัวหัวหน้าที่ไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจการสอนงานพนักงานก็คงจะจำไม่ได้ว่าตัวเองสอนอะไรไปแล้วบ้าง หรือตอนแรกที่เข้ามาตัวเองเรียนรู้งานยังไงเพราะอยู่มานาน + ต้องทำงานอื่น

แต่หลังจากนั้นก็โดนหัวหน้าพูดคำว่าตอนแรกที่มีคนบอกว่าน้องมั่น(เราคาดเดาว่าอาจจะเป็นพี่คนที่ไม่ชอบหน้าเราเพราะเขาสนิทกับหัวหน้า และคนอื่นในร้านก็ปฎิบัติกับเราดี) พี่ก็ไม่อยากจะเชื่อจนมาเห็นกับตาตัวเอง เราที่ฟังคำพูดนั้นเลยคิดว่า การที่ตัวเองปักใจเชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่งแล้วมาหาหลักฐานจากการกระทำของคนๆหนึ่งก็เท่ากับการแปะป้ายคนนั้นแล้ว ทัศนคติแบบนั้นน่าจะไปต่อด้วยยาก แถมยังเป็นการเชื่อคนที่ทำงานมานานหรือตัวเองสนิทด้วยมากกว่า ต่อให้เราอธิบายอะไรไปเขาก็ไม่ฟัง

หลังจากนั้นเราเลยตัดสินใจโทรไปคุยกับหัวหน้าว่าขอลาออกค่ะ หลังจากได้คุยกับหัวหน้าได้พูดคุยกันดีๆ เขาก็บอกว่าเข้าใจว่าเราเป็นลูกผู้ดีมีอันจะกินที่แค่มาทำฃานหาประสบการณ์ ไม่คิดเลยว่าชีวิตเราจะลำบาก (เราเล่าให้เขาฟังน่ะค่ะว่าชีวิตเป็นยังไงเพราะเราบอกเหตุผลด้วยว่าจะไปเรียนต่อ) และตอนไปยื่นใบลาออกหัวหน้าก็คุยดีแนะนำดี

เป็นประสบการณ์ประมาณ 1 เดือนที่เราไม่ค่อยได้เรียนรู้อะไรสักเท่าไหร่นอกจากการตั้งคำถามว่าปัญหามันอยู่ที่เราจริงๆรึเปล่า ตอนนี้เรากังวลจะยื่นสมัครงานในอนาคตมากเลยค่ะ

การที่เราถามงานรุ่นพี่มากเกินไปไม่ดีใช่มั้ย ควรลิตส์สิ่งที่สงสัยยาวๆแล้วค่อยถามรวดเดียวดีกว่าถามทีละเล็ดละน้อยรีเปล่า หรือว่าเราควรคุยกับคนอื่นเพิ่มมั้ย เราควรทำตัวให้เป็นมิตรรึเปล่า หรือเราควรจะทำตัวน่าสงสารบอกไปเลยว่าตัวเองลำบากแทนที่จะรับผิดชอบกับความผิดที่ตัวเองกระทำ ช่วยด้วยค่ะชาวพันทิป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่