นพ.สุภัทร ยังโพสต์เฟชบุ๊กถึง “ภาษีสุขภาพ” ระบุว่า
31 ต.ค.2568 นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล(รพ.) สะบ้าย้อย จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท
ให้สัมภาษณ์ Hfocus ประเด็นรพ.ได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ว่า
ฐานะการเงินของโรงพยาบาลแย่ลงเป็นเรื่องจริง เพราะหัวใจสำคัญอย่างงบบัตรทอง หรืองบ UC ที่ได้มา
โดยเฉพาะงบผู้ป่วยใน (IP) น้อยกว่าค่าใช้จ่ายที่ให้บริการจริง ขณะที่รายจ่ายของ รพ.เพิ่มขึ้น ทั้ง เงินเดือนเพิ่มขึ้นทุกปี
ทั้งเงินเดือนที่รวมกับUC เงินเดือนที่จ้างด้วยเงินบำรุงก็เพิ่มขึ้นทุกปี เรียกว่า
แหล่งรายได้ที่เข้า รพ.น้อยกว่ารายจ่ายที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะประหยัดแล้วก็ตาม
ดังนั้น ระยะยาวเงินไม่พอแน่นอน ทางออกมี 2 ทาง โดยระยะสั้นมีเพียงการเติมเงินเข้ามาในระบบอย่างเดียว เช่น
ของบกลาง หรือแก้ระเบียบเรื่องภาษีสุขภาพ ส่วนระยะยาวก็ต้องแก้ระบบสุขภาพให้มีต้นทุนที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการเพิ่มเงินต้องทำแน่ๆ เนื่องจากปัจจุบัน สปสช.จัดสรรงบประมาณตามที่ได้มา ซึ่งเป็นงบปลายปิด มีเท่าไหร่ ต้องจัดสรรเท่านั้น
“หากรัฐบาลจะปรับเปลี่ยนและเลือกเป็น “งบปลายเปิด” สุดท้ายแล้วประเทศจะไม่ไหว เพราะค่าใช้จ่ายสุขภาพเพิ่มขึ้นตลอด
ส่วนงบปลายปิดที่ไม่เพียงพอ จึงทำได้เพียงเพิ่มเงินเข้ามามี 2 ทาง คือ เมื่องบไม่พอตอนปลายปีก็ต้องของบกลาง
และอีกทางคือ ภาษีสุขภาพ” นพ.สุภัทร กล่าว
ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวอีกว่า การเก็บภาษีสุขภาพเพิ่มนั้น เป็นข้อเสนอที่มีการเสนอมาหลายครั้งแล้ว
โดยเพิ่มจากเดิมไม่ใช่เอาของเดิมแบ่งมา เช่น เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 10%
จากปัจจุบันเราเก็บภาษีเหล้า เบียร์ บุหรี่ น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง อยู่แล้ว 50% รัฐต้องเก็บเพิ่มอีก 10% เติมเข้ามา
จากการคิดคำนวณจะเพิ่มอีก 2.3 หมื่นล้านบาท ตรงนี้นำมาช่วยเรื่องงบสาธารณสุข
เงินก้อนนี้ไม่ใช่ว่าเอามาให้สปสช. แต่เอามาจัดการเรื่องหลักประกันสุขภาพฯ ......
ข้อมูลภาษีสินค้าที่มีผลลบกับสุขภาพ ที่จัดเก็บได้ในปี 2567
• บุหรี่ (ยาสูบ) จัดเก็บได้ 51,247 ล้านบาท
• เหล้า/สุรา = 64,603 ล้านบาท
• เบียร์ = 90,013 ล้านบาท
• น้ำอัดลม + เครื่องดื่มชูกำลัง (เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์/ภาษีความหวาน) = 29,097 ล้านบาท
• ผลรวมภาษีทั้งหมด 234,960 ล้านบาท ไม่น้อยเลยทีเดียว
สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ เสนอ เก็บ ภาษีสุขภาพ จาก Lกฮ. บุหรี่ เบีนร์ น้ำอัดลม เพิ่มอีก 10 เปอร์เซนต์ ได้เงิน2.3หมื่นล้าน