ตอนที่ 8 ครองเทคโนโลยีคือครองโลก ค.ศ.1600-1699

แรง มีหน่วยเป็น “นิวตัน”
ความดัน มีหน่วยเป็น “ปาสกาล”

ชื่อหน่วยเหล่านี้ เป็นชื่อบุคคลจริง วิชาวิทยาศาสตร์ที่เราต้องท่องจำสูตรคำนวณกันตั้งแต่เด็ก บุคคลเหล่านี้มีส่วนสำคัญต่อการค้นพบความลับของธรรมชาติยังไม่นับกล้องจุลทรรศน์ที่ทำให้เรามองเห็นส่วนที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต กล้องโทรทรรศน์ที่ส่องไปยังดวงดาวห่างไกลบนท้องฟ้า

เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งลี้ลับสำหรับผู้คนในสมัยก่อน
แต่ชาวยุโรปกลุ่มหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งได้ทำการค้นคว้า รวบรวมหลักฐาน ทดลองอย่างเป็นขั้นตอน และจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบจนกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “วิทยาศาสตร์”

และอย่างที่เราทุกคนรู้กันดีว่า วิทยาศาสตร์ เป็นพื้นฐานของเทคโนโลยี ซึ่งผู้ใดที่ครอบครองเทคโนโลยี ผู้นั้นจะครองโลก..
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นหนึ่งในกษัตริย์ฝรั่งเศสที่ยิ่งใหญ่สุด ขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1643 พระองค์ทรงทำสงครามขยายอาณาเขต และสร้างพระราชวังแวร์ซายที่ยิ่งใหญ่อลังการ

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ การก่อตั้ง วิทยาลัยวิทยาศาสตร์ (Academie des sciences) เพื่อรวบรวมผลงานทางวิชาการของนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาองค์ความรู้ในหลายๆ ด้าน หนึ่งในอัจฉริยบุคคลชาวฝรั่งเศส ผู้ทิ้งผลงานเอาไว้ คือ แบลซ ปาสกาล
(Blaise Pascal)

ปาสกาล มีความอัจฉริยะด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เป็นผู้ค้นพบกฎเกี่ยวกับความดันของของไหล ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับระบบ
ไฮดรอลิกในปัจจุบัน อีกสิ่งหนึ่งที่ปาสกาลมีส่วนร่วมในการค้นพบคือ “ทฤษฎีความน่าจะเป็น
ผลจากทฤษฎีความน่าจะเป็นของปาสกาล จะกลายเป็นพื้นฐานของการประเมินความเสี่ยงสำหรับการประกันภัย ซึ่งปาสกาลได้กล่าวไว้ว่า

“ความกลัวอันตราย ควรสัมพันธ์กับ ความน่าจะเป็นของเหตุการณ์”

แต่บริษัทประกันภัยยุคใหม่แห่งแรกของโลก เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ

อังกฤษภายใต้การปกครองของพระเจ้าชาลส์ที่ 2
มีการก่อตั้ง ราชสมาคมแห่งลอนดอน (Royal Society of London) ขึ้นในปี ค.ศ. 1660
เป็นแหล่งรวมนักปราชญ์ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ซึ่งมีการนำเสนอ และแลกเปลี่ยนผลงานทางวิชาการมากมาย

การเกิดไฟไหม้กรุงลอนดอนครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1666 ทำให้สมาชิกในราชสมาคมเข้ามามีส่วนสำคัญในการฟื้นฟูเมือง ทั้งการสร้างวิหารเซนต์ปอลแห่งใหม่ และการวางผังเมืองใหม่ จากการที่เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ทำให้มีการจัดตั้งบริษัทประกันภัยแห่งแรกของโลก “The Insurance Office” ในปี ค.ศ. 1667 โดยการนำองค์ความรู้
ในทฤษฎีความน่าจะเป็น มาประยุกต์ใช้ในการประเมินความเสี่ยง
นอกจากนี้ ราชสมาคมยังก่อให้เกิดผลงานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่เปลี่ยนแปลงโลก
ทั้งการประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์ของโรเบิร์ต ฮุก ที่ทำให้เกิดการค้นพบส่วนที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต ที่ถูกเรียกว่า “เซลล์” ซึ่งพัฒนาต่อไปเป็นวิชา
จุลชีววิทยา ซึ่งเป็นพื้นฐานของการแพทย์สมัยใหม่
การประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงของนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ไอแซก นิวตัน ซึ่งได้ต่อยอดจากกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงของ กาลิเลโอ กาลิเลอี นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาเลียน

กล้องของกาลิเลโอทําให้มองเห็นดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ต่างๆ แต่กล้องของนิวตันจะทําให้มองเห็นได้ถึงกาแล็กซีที่อยู่ไกลออกไป

นิวตัน ยังเป็นผู้ให้กําเนิดวิชาแคลคูลัส ซึ่งเป็นรากฐานสําคัญสําหรับการพัฒนาด้านวิศวกรรม และเศรษฐศาสตร์และสิ่งที่สําคัญที่สุดที่นิวตันได้ทิ้งไว้ให้กับโลกก็คือการค้นพบกฎการเคลื่อนที่ และ กฎของแรงโน้มถ่วง

กฎทั้งสองถูกนํามาประยุกต์ ในการอธิบายการเคลื่อนที่วิถีโค้ง หรือ การ เคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล์ ซึ่งสิ่งที่เราพบเห็นได้บ่อยที่สุดสําหรับการเคลื่อนที่วิถีโค้ง ก็คือ อาวุธปืน เมื่อรู้ว่ากระสุนปืนจะเคลื่อนที่อย่างไร ปืนใหญ่ก็ยิ่งถูกสร้างให้แม่นยํามากยิ่งขึ้น อาวุธที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นนี้เอง เป็นหลักฐานชั้นดี ว่าทําไมผู้ครอบครองเทคโนโลยีจึงมีอํานาจ

และเมื่อเทคโนโลยีพร้อม อังกฤษก็พร้อมจะครองโลกโดยมีอาณานิคมในทวีปอเมริกาคือเหยื่อรายแรก..

อังกฤษได้ครอบครองดินแดนในบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ

อาณานิคมแห่งแรก คือ เมืองเจมส์ทาวน์ รัฐเวอร์จิเนีย ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1607 หลังจากนั้น ก็มีคณะนักบวชจํานวนหนึ่งได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในเขต นิวอิงแลนด์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเวอร์จิเนีย และได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย Harvard ในปี ค.ศ. 1636

ด้วยอาวุธปืนที่มีประสิทธิภาพกว่า อังกฤษทําสงครามชนะเนเธอร์แลนด์ และ ได้ยึดครองอาณาเขตของชาวดัตช์ในทวีปอเมริกา เมืองนิวอัมสเตอร์ดัม ซึ่งเป็นเมืองท่าสําคัญของชาวดัตช์ ได้ถูกเปลี่ยนชื่อ เป็น นิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 1664

แม้จะขาดแคลนทรัพยากรโดยเฉพาะแร่ธาตุ แต่ดินแดนอาณานิคมในอเมริกา ก็มีพื้นที่เกษตรกรรมขนาดใหญ่ และมีขุมทรัพย์ที่ถูกเรียกว่า ทองคําสีเขียว นั่นก็คือ “ยาสูบ”

ยาสูบกลายเป็นแหล่งรายได้หลักของอาณานิคม
ปี ค.ศ. 1620 อังกฤษนําเข้ายาสูบจากอาณานิคมอเมริกาจํานวน 30 ตัน ปี ค.ศ. 1699 อังกฤษนําเข้ายาสูบจากอาณานิคมอเมริกาจํานวน 10,000 ตัน ดินแดนอาณานิคมอเมริกาของอังกฤษค่อยๆ ขยายขึ้นจนเป็น 13 แห่ง ถูก ปกครองโดยตรงจากอังกฤษ ผ่านผู้ว่าราชการ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากกษัตริย์อังกฤษ

ในปี ค.ศ. 1688 อังกฤษเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสําคัญ พระเจ้าเจมส์ที่ 2 ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์อังกฤษต่อจากพระเจ้าชาลส์
ที่ 2

แต่เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นคาทอลิก และเพิกเฉยต่อกฎหมายที่ออกโดยสภาบ่อยครั้ง สภาอังกฤษจึงร่วมกันปลดพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ออกจากราชบัลลังก์
แล้วอัญเชิญเจ้าหญิงแมรี ซึ่งเป็นพระธิดา และพระสวามี ดยุกวิลเลียม แห่งเนเธอร์แลนด์ ขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษพร้อมกัน พระนามว่า พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 และพระราชินีแมรี

สภาได้ยื่นฎีกาเรียกร้องสิทธิให้พระเจ้าวิลเลียมที่ 3 ลงพระนาม ซึ่งเรียกว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยสิทธิ (Bill of Right) โดยมีใจความสําคัญว่า ห้ามกษัตริย์ใช้อํานาจ ออกหรือยกเลิกกฎหมายใดๆ โดยที่สภาไม่อนุมัติ

ตั้งแต่นั้นมา อังกฤษจึงกลายเป็นประเทศแรกในโลก ที่มีกษัตริย์อยู่ภายใต้ รัฐธรรมนูญ

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองโดยที่ไม่มีการเสียเลือดเนื้อครั้งนี้ ถูกเรียกว่า การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ (Glorious Revolution) ซึ่งเป็นการปูพื้นฐานประเทศ ไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่จะผลักดันให้อังกฤษยังครองความเป็นมหาอําานาจได้อีกหลายศตวรรษถัดไป

แต่ความรุ่งโรจน์นี้ กลับไม่ได้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกแม้แต่น้อย..

ชาวอาณานิคมในอเมริกายังคงไม่ได้รับสิทธิในการเลือกผู้แทน ซ้ํายังต้อง อยู่กับกฎหมายที่ขูดรีดภาษีมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงวันหนึ่ง ความอดกลั้นนี้ก็ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุด..

ชาวอาณานิคมทั้ง 13 แห่งจะรวมกันประกาศอิสรภาพ แยกตัวออกจาก เจ้าอาณานิคมอังกฤษ และก่อตั้งประเทศใหม่ ประเทศที่จะเลือกใช้ชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข เพื่อกําหนด
ชะตากรรมของตัวเอง

ประเทศนั้นมีชื่อว่า “สหรัฐอเมริกา”..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่