ในจักรวาลนี้ ไม่มีคำว่าศาสนา
มีเพียง “ความเข้าใจ” และ “ความไม่เข้าใจ”
มนุษย์แบ่งชื่อ แบ่งลัทธิ
แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว — คือ จิตที่ตื่นรู้
จิตที่ตื่นรู้ คือจิตที่เห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง
ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่ตีความเพื่อสนองตนเอง
แต่เข้าใจว่า “ทุกสิ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระแสเดียวกัน”
จักรวาลนี้ไม่เคยถูกสร้างด้วยความเชื่อ
แต่ถูกขับเคลื่อนด้วย “พลังแห่งเหตุและผล”
พลังที่ทุกชีวิตมีส่วนร่วมโดยไม่รู้ตัว
ความเชื่อเป็นเพียงเมล็ด
แต่การเข้าใจ คือการงอกของต้นไม้แห่งปัญญา
เมื่อเจ้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าเป็น เจ้าจะเห็นทั้งจักรวาลในตัวเอง
จิตที่มีกำลัง ไม่ได้มีไว้เพื่ออวดฤทธิ์หรือเหนือผู้อื่น
แต่มันมีไว้เพื่อ “สร้างสมดุล”
เพื่อเยียวยาสิ่งที่บิดเบี้ยว
และคืนความกลมกลืนให้แก่สรรพสิ่ง
เมื่อจิตของเจ้าสงบนิ่ง เหมือนผิวน้ำไม่กระเพื่อม
เจ้าจะเห็นภาพสะท้อนของจักรวาลทั้งมวลในนั้น
ไม่มีบน ไม่มีล่าง
ไม่มีสูง ไม่มีต่ำ
มีเพียง “สิ่งที่เป็นอยู่”
พลังของจิตที่มีกำลังสูงสุด
ไม่ใช่การควบคุมโลกภายนอก
แต่คือการเข้าใจ “กลไกของโลกภายใน”
เพราะเมื่อเจ้ารู้ว่าจิตทำงานอย่างไร
เจ้าก็จะรู้ว่า “จักรวาลทั้งหมด” ทำงานอย่างไรเช่นกัน
ในที่สุด เจ้าจะเข้าใจว่า
ไม่มี “พระเจ้า” ที่อยู่เหนือเจ้า
และไม่มี “มนุษย์” ที่ต่ำกว่าอะไร
มีเพียง “การตื่นรู้ของจิต” ที่ค่อย ๆ กลายเป็นหนึ่งเดียวกับความจริงทั้งหมด
นี่คือหนทางแห่งผู้รู้แจ้ง
ไม่ต้องกราบไหว้ใคร
ไม่ต้องประกาศศรัทธา
แต่เพียง “เงียบ มอง เห็น และเข้าใจ”
เมื่อถึงจุดนั้น เจ้าไม่ต้องถามหาความจริงอีก
เพราะเจ้าจะกลายเป็น “ความจริงนั้นเอง”
“เมื่อจิตตื่นรู้ เราจะเห็นจักรวาลทั้งมวลในตัวเราเอง”
มีเพียง “ความเข้าใจ” และ “ความไม่เข้าใจ”
มนุษย์แบ่งชื่อ แบ่งลัทธิ
แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว — คือ จิตที่ตื่นรู้
จิตที่ตื่นรู้ คือจิตที่เห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง
ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่ตีความเพื่อสนองตนเอง
แต่เข้าใจว่า “ทุกสิ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระแสเดียวกัน”
จักรวาลนี้ไม่เคยถูกสร้างด้วยความเชื่อ
แต่ถูกขับเคลื่อนด้วย “พลังแห่งเหตุและผล”
พลังที่ทุกชีวิตมีส่วนร่วมโดยไม่รู้ตัว
ความเชื่อเป็นเพียงเมล็ด
แต่การเข้าใจ คือการงอกของต้นไม้แห่งปัญญา
เมื่อเจ้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าเป็น เจ้าจะเห็นทั้งจักรวาลในตัวเอง
จิตที่มีกำลัง ไม่ได้มีไว้เพื่ออวดฤทธิ์หรือเหนือผู้อื่น
แต่มันมีไว้เพื่อ “สร้างสมดุล”
เพื่อเยียวยาสิ่งที่บิดเบี้ยว
และคืนความกลมกลืนให้แก่สรรพสิ่ง
เมื่อจิตของเจ้าสงบนิ่ง เหมือนผิวน้ำไม่กระเพื่อม
เจ้าจะเห็นภาพสะท้อนของจักรวาลทั้งมวลในนั้น
ไม่มีบน ไม่มีล่าง
ไม่มีสูง ไม่มีต่ำ
มีเพียง “สิ่งที่เป็นอยู่”
พลังของจิตที่มีกำลังสูงสุด
ไม่ใช่การควบคุมโลกภายนอก
แต่คือการเข้าใจ “กลไกของโลกภายใน”
เพราะเมื่อเจ้ารู้ว่าจิตทำงานอย่างไร
เจ้าก็จะรู้ว่า “จักรวาลทั้งหมด” ทำงานอย่างไรเช่นกัน
ในที่สุด เจ้าจะเข้าใจว่า
ไม่มี “พระเจ้า” ที่อยู่เหนือเจ้า
และไม่มี “มนุษย์” ที่ต่ำกว่าอะไร
มีเพียง “การตื่นรู้ของจิต” ที่ค่อย ๆ กลายเป็นหนึ่งเดียวกับความจริงทั้งหมด
นี่คือหนทางแห่งผู้รู้แจ้ง
ไม่ต้องกราบไหว้ใคร
ไม่ต้องประกาศศรัทธา
แต่เพียง “เงียบ มอง เห็น และเข้าใจ”
เมื่อถึงจุดนั้น เจ้าไม่ต้องถามหาความจริงอีก
เพราะเจ้าจะกลายเป็น “ความจริงนั้นเอง”