จับผู้ต้องหา โพสต์เชิญชวนนำสิทธิแลกเงินสด คนละครึ่งพลัส




เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 29 ต.ค.2568 ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง


น.ส.วันทนีย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี
น.ส.ทิพย์เทวี (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี
น.ส.นาตาชา (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี

ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความ เสียหายต่อการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ของประเทศ ”

พร้อมของกลาง
-โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง
- คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก   เครื่อง

โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ในพื้นที่
- จ.สมุทรปราการ
- จ.อุดรธานี
- จ.นครสวรรค์

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ กล่าวว่า..
บก.ปอศ.ร่วมกับกระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เฝ้าระวังติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ช่องทางต่าง ๆ




จนพบว่ามีบุคคลที่โพสต์ข้อความสาธารณะผ่านเฟซบุ๊กเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปมาแลกรับเงินแทนการใช้สิทธิจ่ายเงินซื้อสินค้า หรือบริการตามมูลค่าจริง

ซึ่งทำผิดต่อกฎหมาย ขัดต่อหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ บิดเบือนข้อเท็จจริง แสดงเจตนาทุจริต และก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อประชาชนทั่วไป ว่าสามารถนำวงเงินที่ได้รับสิทธิตามโครงการฯ ไปแลกรับเป็นเงินสดกับร้านค้าโดยไม่จำเป็นต้องใช้จ่าย หรือซื้อสินค้า

ซึ่งล้วนเป็นข้อความอันเป็นเท็จทั้งสิ้น ตลอดจนไม่สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่กำหนดเป้าหมายโครงการฯ






ด้าน พ.ต.อ.เมฆพิศาล กล่าวว่า..
คดีนี้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ที่โพสต์เฟซบุ๊ก โฆษณาดังกล่าว โดยเชิญชวนผู้มีสิทธิเข้าร่วมแลกวงเงิน เป็นเงินสดแทนการใช้จ่ายจริง

โดยหักส่วนต่างและแบ่งผลประโยชน์ จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 พร้อมด้วยพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง กับการกระทำความผิดอีกหลายรายการ

สอบสวน น.ส.วันทนีย์ รับสารภาพว่า..
เนื่องจากตนเห็นข้อมูลจากสื่อโซเชียล เลยต้องการหารายได้พิเศษคิดค่าส่วนต่าง 10-20 เปอร์เซ็นต์

ส่วนผู้ต้องหารายอื่นให้การปฏิเสธ จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ กล่าวอีกว่า..
ตนฝากเตือนภัยด้วยว่า “โครงการคนละครึ่งพลัส” มีเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และลดภาระค่าครองชีพ ตลอดจนส่งเสริมให้ ผู้ประกอบการรายย่อย

ดังนั้นโปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนให้แลกวงเงินสิทธิโครงการฯ เป็นเงินสด เนื่องจากเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

หากมีการแลกวงเงินสิทธิโครงการฯ ให้เป็นเงินสดเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นความผิดทางอาญา ฐานร่วมกันฉ้อโกง ทั้งผู้แลกและผู้รับ

ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตลอดจนถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่น ๆ รวมถึงต้องคืนเงินให้แก่รัฐบาลอีกด้วย

ที่มา : ข่าวสด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่