จากเพจ มนุษย์กรุงเทพฯ
“เราสองคนรู้จักกันเพราะทำงานที่เดียวกัน เขาเป็นหัวหน้าของผม ช่วงแรกคุยกันทางออนไลน์เป็นหลัก เวลามีปัญหาเรื่องงาน เขารับฟังแล้วช่วยแก้ไข เป็นคนที่พึ่งพาได้ ถึงเขาจะอายุน้อยกว่า แต่ความคิดความอ่านดี คุยแล้วสบายใจ เวลาผ่านไปสักครึ่งปี เราเริ่มได้คุยกันมากขึ้น คุยสัพเพเหระเลย ผมพิการเคลื่อนไหว เขาตาบอด ก็ได้ถามได้ทำความเข้าใจกัน สิ่งที่ผมประทับใจคือ เขารู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ เป็นคนพยายาม มุ่งมั่น และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
“ตั้งแต่ผมเกิดอุบัติเหตุแล้วเดินไม่ได้ เคยลองเปิดใจคุยกับคนอื่นบ้าง ทั้งคนพิการและไม่พิการ แต่คุยกับใครได้ไม่นานเลย หลังจากนั้นเลยคิดว่าจะไม่มีแฟนแล้ว แค่ดูแลตัวเองและดูแลแม่ให้ได้ก็พอ ไม่มีแฟนเป็นสิบปีเลย แต่พอได้รู้จักคนนี้ เขาไม่เหมือนคนอื่น เราคุยกันได้เรื่อยๆ ไม่มีทีท่าจะเบื่อ (คนที่นั่งข้างๆ ยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า "พูดดี พูดดี") ผมเล่าให้แม่ฟังว่า อยากจริงจังกับคนนี้ เขาก็โอเค เราคุยกันไปสักระยะ จนวันหนึ่งก็รู้กันเองว่า เราเป็นแฟนกันแล้ว
“เราคบกันมาสองปีกว่าแล้ว ตอนทำงานเขาโคตรเวิร์คกิ้งวูแมน แต่พอเป็นแฟน เขาเป็นคนติงต๊องคนหนึ่งนะ (ยิ้ม) ผมใช้วีลแชร์ เขาตาบอด ภาพที่คนอื่นเห็นคือเหมือนเขาช่วยเข็น แต่ความจริงคือผมลากตัวเองแล้วเขาจับเดินตามไป ผมเคยมีคำถามว่า คนตาบอดดูหนังยังไง ก็ได้รู้จักกับ Audio Description (เสียงบรรยายภาพ) ทำให้เราดูหนังใน Netflix ด้วยกันได้ หรือเวลากินข้าว ผมนึกภาพไม่ออกว่าต้องทำยังไง ต้องป้อนทุกครั้งไหม เขาก็ให้ป้อนด้วย จนวันหนึ่งไปกินข้าวกับเพื่อนของเขา แล้วเพื่อนของเขาพูดว่า ‘เป็นอะไร ปกติกินข้าวเองได้นี่หว่า’ ผมก็ อ้าว กินเองได้เหรอ
(“ปกติคนพิการจะมีคนมาดูแล เรามองว่าการที่เขาได้ดูแลคนอื่นบ้าง น่าจะเป็นความรู้สึกที่ดีนะ เป็นความรู้สึกของการเป็นผู้ให้ ซึ่งคุณเอกชัยก็อยากทำสิ่งนี้ด้วย เราคิดแบบนี้จริงๆ นะ ส่วนเรื่องความโรแมนติกก็เป็นส่วนหนึ่ง (ยิ้ม) แต่เวลาเขาป้อนจะเลอะหน่อย เพราะเขามักป้อนคำใหญ่”)
“เขาอยากเป็นครู แต่พอไม่ได้เป็นครูแล้ว เขายังชอบการถ่ายทอด อยากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อยากเล่าเรื่องคนตาบอด เคยลองถ่ายวีดีโอ แต่ไม่มั่นใจว่าจะถ่ายตรงไหม ผมบอกไปว่า ‘อัดๆ ไปเถอะ ไม่ตรงเป๊ะก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราช่วย’ เราสองคนช่วยกันทำช่องขึ้นมา ทั้งทำคอนเทนต์ตลกๆ และเล่าถึงการใช้ชีวิตของคนตาบอด ส่วนใหญ่เขาถ่ายเอง ผมช่วยถ่ายบ้าง ช่วยตัด และช่วยเรื่องต่างๆ ตัวผมไม่ได้อยากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์หรอก แต่ถ้าเขาอยาก ผมอยากช่วยเติมเต็ม การสนับสนุนให้เขาไปถึงเป้าหมาย คือความสุขของผม
(“จริงๆ คนตาบอดตัดคลิปเองได้นะ แต่ทำได้เบื้องต้นสุดๆ การมีเขามาช่วยก็ดี เช่น อินเสิร์ทภาพ เพราะถึงเราทำเอง ยังไงก็ต้องให้คนตาดีช่วยเช็คอยู่ดี การมีเขามาช่วยก็ดีอยู่แล้ว เขาก็มีส่วนในสิ่งนี้เหมือนกัน เรารู้สึกขอบคุณนะ เพราะจริงๆ ตอนนั้นเขาจะปฏิเสธก็ได้”)
“การมีเขาเข้ามาทำให้มุมมองชีวิตเปลี่ยนไป ตอนแรกผมมีเป้าหมายว่า แค่ดูแลตัวเองได้ก็พอ ต่อมาก็คิดว่าเลี้ยงดูคนในครอบครัว พอเขาเข้ามา ก็เปลี่ยนเป็นการดูแลกัน (คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยิ้มขึ้นมา) เราจะทำอะไร จะไปไหน ก็มีเขาอยู่ในนั้นด้วย (เสียงสั่น) ผมคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง แชร์ความรู้สึกกัน มันดีนะ มันดีที่เรามีอีกคนเข้ามา”
(“เราไม่ได้มองอนาคตไกลเลย ถ้าคนนี้ยังตอบฟังค์ชั่นในชีวิตได้ ไม่ใช่การตัดคลิปให้ฟรีนะ (ยิ้ม) แต่คือการเป็นคนรักที่ดีต่อกัน ซื่อสัตย์ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา (ยิ้ม) อันนี้ไม่ได้ตลกนะ จริงจัง เขาปรารถนาให้เรามีความสุข เขาซัพพอร์ตเรื่องตัดคลิปให้ เวลาเรามีเรื่องเศร้า เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เวลาเรามีความสำเร็จ เขาก็ยินดีในความสำเร็จ และถ้ามีอะไรบางอย่างไม่ดีในความสัมพันธ์ เขาก็ต้องปล่อยวาง ความสัมพันธ์ก็เหมือนการมีเพื่อนคนหนึ่ง เราคาดหวังอะไรแบบนี้แหละ”)
L Spiration
ความรักความโรแมนติก ระหว่างหนุ่มวีลแชร์กับสาวมองไม่เห็น