เสียงในหัวสั่งให้พูด “ไทยก็มีล้ำแดนกัมพูชา” นี่แหละตัวตน "อนุทิน" นายกฯไทยใจเขมร!! ** บูลลี่ “คนขายหมู” สว.นันทนา โดนเชื

https://mgronline.com/politics/detail/9680000103110

อนุทิน ชาญวีรกูล -นันทนา นันทวโรภาส

++ เสียงในหัวสั่งให้พูด “ไทยก็มีล้ำแดนกัมพูชา” นี่แหละตัวตน "อนุทิน" นายกฯไทยใจเขมร!!

จากดีลส่อขายชาติ "MOU43-แรร์เอิร์ธ" ถึงประโยคเสียงในหัวสั่งมา “ไทยก็ล้ำแดนกัมพูชา”

ระหว่างไปทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ประเทศมาเลเซีย-ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ทำเอาคนไทยทั้งขุ่นข้อง โกรธเคือง และอับอาย ไปในเวลาพร้อมๆ กัน

มีอย่างที่ไหน งุบงิบปกปิดข้อมูลโดยประชาชนไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าการไปมาเลย์เที่ยวนี้ “หนู” จะเซ็นเอ็มโอยู กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าด้วย “แร่หายาก” หรือ แรร์เอิร์ธ

อนุทิน ชาญวีรกูล

งานนี้ทำเอาคนไทยเดือดปุดๆ ทรัพยากรธรรมชาติของคนทั้งชาติ มาทำกันแบบไม่ให้คนในชาติรู้เนื้อรู้ตัว จะได้อย่างไร?
แถมทำกับใครไม่ทำ ดันไปทำกับสหรัฐฯ ที่ก็รู้ๆกันว่า ภูมิภาคนี้จีนก็ใกล้ชิดเรา เท่ากับรัฐบาลอนุทิน วอน “ชักศึกเข้าบ้าน” โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

แม้ตอนหลังให้รัฐมนตรีนู่น นี่ นั่น มาแก้ต่างแก้ตัว ในทำนองว่าก็แค่ “MOU” ไม่มีผลผูกมัดตามกฎหมายจะยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ มันก็ฟังไม่ขึ้น

อ้าว...คำถามมีว่า แล้วกรณี MOU ไทย-เขมร 2543-2544 เห็นชัดว่า เขมรไม่ทำตาม และละเมิดข้อตกลง พลเรือนถูกทำร้ายเสียชีวิต และทหารพลีชีพหลายนายเพื่อปกป้องอธิปไตย ไม่เห็นรัฐบาลจะยกเลิกได้ทันที กลับโยนให้เป็นภาระของประชาชน ตัดสินใจให้ลงประชามติ

ก่อนจะไปเซ็น MOU แรร์เอิร์ธ กับ ทรัมป์ “หนู” ทำไมไม่ทำประชามติถามประชาชนบ้างล่ะ ว่ายินยอมมั้ย ?
เรื่องนี้มีเสียงด่ากันขรม ระคนอิดหนาระอาใจกับนายกฯหนู กระหึ่มในโลกโซเชียลฯ

ความวัวเรื่องแรร์เอิร์ธ ยังไม่ทันจางหาย “อนุทิน” ก็ปล่อยความควายต่อ โลกโซเชียลฯ เดือดอีกครั้ง เมื่อ “หนู” ท็อปฟอร์มโชว์สกิล “ปากไว” ตามนิสัยส่วนตัว คงจะมั่นใจในตัวเองสูง ใครจะคิดอะไรไม่รู้ "เสียงในหัว" ใจคิดอยากพูด...พูดอะไรก็ได้

งานนี้จะแก้ตัวแก้ต่าง ก็คงไม่ได้ เพราะ “ดิจิทัลฟุตปริ้นซ์” ไม่เคยโกหก บันทึกเอาไว้เรียบโร้ยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ประเทศมาเลเซีย ถึงกรณีไทย-กัมพูชา ว่า...

“ส่วนที่กัมพูชารุกล้ำเราก็มี และต้องยอมรับว่าส่วนที่ประเทศไทยไปรุกล้ำพื้นที่เขาก็มี”

ไม่ว่าใครก็ตามขอให้เป็นคนไทย ได้ฟังแบบนี้มีของขึ้นแน่นอน

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์

ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากนายกฯไทย ชนิดที่ว่า กรณีคลิปบทสนทนาระหว่าง “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร กับ “อังเคิล” ฮุนเซน ของเขมร “อังเคิลอยากได้อะไรหลานจัดให้” จะช็อกความรู้สึกคนไทยแล้ว คำพูดของ “อนุทิน” ก็ไม่ได้แพ้กันเลย

เรียกได้ว่า ตัวเป็นไทยใจอยู่เขมรตลอดเวลา เป็นนายกฯปากไว ใจเขมร ที่แม้ตอนหลังอีกนั่นแหละจะสั่งให้โฆษกรัฐบาล มาแก้ตัวแทนว่า ความหมายของคำพูดนายกฯ เป็นลักษณะเชิงเปรียบเทียบก็ตาม

ว่ากันว่า นิสัยพูดไปเรื่อย แบบไม่คิด ถือเป็น “ปกติธุระ”ของ “หนู”ซึ่งรับรู้กันในพรรคภูมิใจไทย ตัวตนที่แก้ไม่หายแม้ว่า “เนวิน ชิดชอบ” เจ้าของพรรคจะพยายามหาที่ปรึกษามาประกบใกล้ชิดแล้วก็ตาม

ปากแบบนี้ของ “อนุทิน” ขนาดพวกเดียวกันอย่าง “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” รมว.กลาโหม ยังตีกรรเชียงหนี ไม่กล้าจะให้สัมภาษณ์สื่อ กรณีคำพูดประโยคนี้ของนายกฯ “บิ๊กเล็ก” กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “รอถามตอนนายกรัฐมนตรีกลับมา”ก่อนจะชิ่งหนีนักข่าว

นี่แหละตัวตนที่แท้ทรูของ “อนุทิน” กับประโยคเสียงในหัวสั่งอย่างไรก็พูดอย่างนั้นว่า “ไทยก็ล้ำแดนกัมพูชา”

ฟังยังไง "หนู" ก็พูดแทนคนเขมร ได้ใจ “ฮุน เซน” มิน่าละคนเขมรเข้ามากดไลก์กันตรึม เป็นนายกฯไทยใจเขมรของแทร่!.

นันทนา นันทวโรภาส

++ บูลลี่ “คนขายหมู” สว.นันทนา โดนเชือด!

“นันทนา นันทวโรภาส” สมาชิกวุฒิสภา จาก “กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่” สายสีส้ม ถูกที่ประชุมวุฒิสภา ลงมติด้วยข้อหาหนัก ฝ่าฝืน จริยธรรมร้ายแรง จากเรื่องร้องเรียนว่า ดูหมิ่น สว.ที่มีอาชีพขายหมู

“นันทนา” นักพูดปากแจ๋ว ที่สะสมวาทกรรม คำพูดเชือดเฉือน ไว้ในสมองมาค่อนชีวิต ลงสมัคร สว.ในกลุ่ม 18 สื่อสารมวลชน เขตพระนคร กรุงเทพฯ ประกาศภารกิจชัด ว่ามาเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ผลการเลือกผ่านรอบระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ และได้เป็น สว.ตัวจริง เป็น 1 ใน 200 คน ด้วยคะแนน 33 คะแนน

เมื่อได้เป็น สว.ก็รวบรวมสมาชิกตั้งกลุ่มขึ้นมา ชื่อว่า "กลุ่มสว.พันธุ์ใหม่" ได้รับการสถาปนาตัวเป็นหัวหน้ากลุ่ม เข้าชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา โดยในทีม มี “แล ดิลกวิทยรัตน์” เป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 และ “อังคณา นีละไพจิตร” รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2

แต่แพ้ “มงคล สุระสัจจะ” จากสายสีน้ำเงิน หลุดลุ่ย โดยมงคลได้159 คะแนน ส่วนนันทนา ได้ 19 คะแนน อารมณ์นั้น “นันทนา” แสดงความไม่พอใจ ถึงกับกล่าวหาว่าเป็น “เดจาวู”

ต่อมาในขั้นตอนการเลือก สว.เข้าทำงานในคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ซึ่ง “นันทนา” หมายมั่นว่าจะเข้าทำงานในคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองการมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แต่ไม่ได้เป็น เนื่องจากมีผู้สมัครเกิน จึงต้องใช้วิธีโหวตออก และ “นันทนา” เป็นหนึ่ง ในผู้ที่ถูกโหวตออก

“นันทนา” ปากสั่นออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองว่าไปเอา “สว.ที่มีอาชีพขายหมู” เข้ามาเป็นกมธ.พัฒนาการเมืองฯ
ซึ่งตามประวัติของ “นันทนา” ที่แจ้งไว้ในการสมัคร สว.คือ คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก จบการศึกษา ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (ประวัติศาสตร์) ม.ธรรมศาสตร์, ปริญญาโท รัฐศาสตร์บัณฑิต (การปกครอง) ม.ธรรมศาสตร์ และ ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (สื่อสารมวลชน) ม.ธรรมศาสตร์

ความรู้มากมายขนาดนี้ ทำไมไม่ได้เป็น กมธ.พัฒนาการเมืองฯ

ส่วน “สว.ขายหมู”ที่ถูกเอ่ยถึงนั้นคือ “แดง กองมา” สว.กลุ่ม 10 กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นๆ นอกเหนือจาก กลุ่มที่ 9 (กลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อม) จาก จ.อำนาจเจริญ ที่ระบุประวัติการทำงานของตัวเองว่า...

“ขายหมูตั้งแต่ปี 2541 เป็นคนหนึ่ง ที่ร่วมพัฒนาตลาดสดเอกชนวิชิตสิน จนได้รับรางวัลระดับ 5 ดาว เมื่อก่อนขายหมูราคาถูกมาก หมูสามชั้น กก.ละ 45 บาท ทุกวันนี้ราคาหมูสามชั้นกก.ละ150-180 บาท ต้นทุนสูง กำไรน้อย ต่างจากเมื่อก่อน ได้กำไร กก.ละ10 เท่ากัน”

จากคำให้สัมภาษณ์สื่อของ “นันทนา” ทำให้ชาวอำนาจเจริญ ไม่พอใจมาก ถือว่าเป็นคำพูดที่ ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ “บูลลี่” สว.ของจังหวัดตัวเอง จึงเข้าร้องเรียนกับกลุ่มธรรมาภิบาลเครือข่ายภาคประชาชนต่อต้านทุจริตและคอร์รัปชัน ยื่นหนังสือถึง “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา

แดง กองมา

ขอให้ตรวจสอบ “สว.นันทนา นันทวโรภาส” ว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดฐานดูหมิ่น ตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ และขอให้ตรวจสอบว่าเป็นพฤติการณ์ที่อาจขัดต่อข้อบังคับ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการหมวดที่ว่าด้วยจริยธรรมหรือไม่

ประธานวุฒิสภา จึงให้คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ที่มี “พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์” รองประธานวุฒิสภา เป็นประธาน ทำการพิจารณาเรื่องร้องเรียนนี้ ซึ่งผลการพิจารณาเห็นว่า “สว.นันทนา” มีพฤติกรรมฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของวุฒิสภา จึงส่งเรื่องให้ที่ประชุมวุฒิสภา พิจารณาลงมติ ไปเมื่อวานนี้ (28 ต.ค.)
ก่อนการลงมติ ที่ประชุมได้ใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมง ในการ “พิจารณาลับ” เรื่องนี้ โดยลงมติเป็นคำถาม 2 ครั้ง

มติแรก ถามว่า การกระทำของ “นันทนา” ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ พ.ศ.2563 หรือไม่ มีจำนวนผู้ลงมติ 166 คน เห็นด้วย 130 เสียง ไม่เห็นด้วย 23 เสียง งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนนเสียง 2

มติที่สอง ถามว่า การกระทำของ “นันทนา” ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ 2563 อันเกี่ยวกับมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ เห็นด้วย130 เสียง ไม่เห็นด้วย 26 เสียง งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนนเสียง 2

เมื่อผลการออกเสียงไม่น้อยกว่าสามในห้า ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่หรือ 119 คน ประธานวุฒิสภา จึงส่งเรื่องให้คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป

ขั้นตอนหลังจากนี้ หากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้วส่งศาลฎีกา พิจารณา ถึงที่สุดถ้าถูกตัดสินว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ก็จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

นอกจากคำร้องเรื่องมาตรฐานจริยธรรมแล้ว ยังมีคดีอาญา ที่ “สว.แดง กองมา” ฟ้องหมิ่นประมาท ไว้ที่ศาลแขวงดุสิต ด้วย
ปัญหาอันเกิดแต่ “วจีกรรม” ของนันทนา จะเป็นอย่างไร ก็ต้องติดตามกันยาวๆ ไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่