คุณคือใคร คำพระพุทธเจ้าตรัส

กระทู้สนทนา
ข้าพเจ้า ได้ศึกษาธรรม และเข้าใจความจริงในการหลุดพ้นและเข้าใจง่ายตามภาษาเราๆท่านๆให้ง่ายข้าพเจ้าได้เข้าใจความจริงทั้งหมดและทางหลุดพ้นที่เราท่านหาพยายามต่างๆนาๆ เป็นแบบนั้นแบบนี้แท้จริงท่านจะเห็นและรู้และส่งสารจิตที่ทรมานกับสิ่งต่างที่เราท่านทำร้ายเขาโดยความไม่รู้

วิธี ปฎิบัติ ท่านทั้งหลายควรรู้ว่า  สังขารหรือใจ ที่ปรุงความสุขความทุกข์ ที่เกิดจากเราท่านไม่รู้

ท่านต้องเข้าใจการทำสมาธิเพื่อจะไปให้ถึงความจริง คือจิตว่าง แต่จะบอกอีกที่
การปฎิบัติ เริ่มทำสมาธิ  โดยการรู้ลมเข้าออกการรู้ลมไม่ใช่กำหนดให้เราเป็นลมรู้เข้ารู้ออกมีสติอยู่ ทำไปเรื่อยๆจะรู้จะเห็นสิ่งใดอย่าใส่ใจพยายามมีสติดูลมเข้าออกเท่าไหร่อย่าวอกแวกดูไปเรื่อยๆจนมันดีดออกมาจากขันค์5อาการเริ่มปรากฎอารมณ์เริ่มจะดับไปอย่าสนใจมีสติกับลมใว้ดูรู้ใว้อย่าเป็นคนบังคับมีสติไปเรื่อยๆผู้รู้จะพาไปเองเขารู้ทางและจะบอกเราเอง เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาจะหยุดเองและไม่ไปไหนนิ่ง เห็นแต่ความว่างไม่มีอะไรเลยเพราะอะไร นี้คือบ้านของเขาและอารมณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นเบาสงบเย็นไม่อารมณ์สุขหรือทุกข์แต่เป็นกลางๆเกิดเอง นี้คือความจริงของเขา เขาพยายามบอกให้เขาใจแต่พูดไม่ได้เพราะเขาเป็นผู้รับรู้อยากสื่อกับคุณว่า ไม่ใช่เพราะสงบจึงหายแต่เป็นเพราะเขาไม่ใช่ขัน5เเละเพราะหลุดออกมาจึงไม่มีสุขหรือทุกข์อารมณ์มันเลยดับไป เหตุที่เลือกความว่างเปล่าเพราะเขาพยายามบอกคุณเขาไม่มีตัวตนอยู่จริงมีแต่เพียงอาการรับรู้ทางกาย
ผู้รู้แท้จริงคือเราท่านนี้เอง แต่เพราะเราท่านไม่รู้หน้าที่ และเราท่านหลงกายว่าเป็นท่าน
เพราะอะไร ปกติอาการรับรู้เนี้ยมันคือท่านจึงมองไม่เห็น ไม่มีตัวตน แต่ท่านนะไปหลงกายว่าเป็นท่านจึงสร้างสุขทุกข์แก่ผู้รู้แกตัวเองเพราะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นผู้รู้ เมื่อเกิดมาเราจึงยึดกายเป็นหลัก ปกติผู้รู้รับรู้อาการทางกายส่งมาตามองเห็นกายมีอายตนะ ตาหูจมูกลิ้นกาย เราผู้รู้ รับรูปเสียงกลิ่นรสสำผัส เพียงแค่นี้เกิดและดับไปตามธรรมชาติ  แต่เพราะเราไม่รู้นึกว่ากายนี้ของเรา เราจึงยึดเอาสิ่งต่างๆมาให้กาย ยกตัวอย่างเห็นภาพสวยงามเราจึงยินดีมีสุข ผู้รู้ปกติมันไม่มีสุขหรือทุกขนะครับ
เพราะเราเริ่มยึดสิ่งดีๆมาใจปรุงส่งมาให้ผู้รู้เราก็ยินดีมีสุข แต่ลืมไปว่า เมื่อมีสวยงาม ความไม่สวยงามก็เกิดตาม ที่มาขาวดำกองสุขทุกข์บาปบุญเราจะเรียกว่ากองกิเลตตัณหาเราไม่รู้ว่ากายไม่ใช่เราจึงหามาให้เมื่อไม่ได้จึงเกิดทุกข์ แต่เราลืมว่าผู้รู้คือเราร้อนรนขนาดไหนเรายังนึกไม่ออก ยินดีมีสุขในทางโลกสนุกสนานเลี้ยงกายไปส่วนความทุกเกิดตามตลอดจิตผู้รู้ทนทุกข์ทรมาน เพราะเราหาสุขให้กายจนลืมว่าจิตเราเองต้องรับทุกข์ทั้งเกลียดโกรธ แค้นอยากได้อยากมีฟุ้งไปหมดจิตผู้รู้ต้องทนอยู่ในกองกิเลตที่เราทำเพื่อกาย

จนในที่สุดจึงได้รู้ว่า ผู้รู้คือเราเอง  เหตุที่เขาพ้นทุกข์ไม่ได้เพราะเราปรุงยึดตลอดเวลาเขาจึงกลับที่เดิมไม่ได้สักทีจมอยู่ในกองกิเลตทนทุกข์เพราะเราไม่รู้หน้าที่ของตัวเองไม่รู้ว่าผู้รู้คือตัวเอง
พอฟังธรรมก็ปฎิบัติต่างๆนามั่วอะไรมากมาย
เมื่อผมได้ฟังฟังอนัตตา ท่านพุทธทาส กับคิริมานนทสูตรเป็นประจำ บวชเคยบวขมาแล้วสายกรรมฐาน ท่านก็สอนดีครับ

ตอนเป็นพระกรรมฐานทำสมาธิก็ไม่ค่อยเข้ายอมรับโง่และ แต่ทำสมาธิได้ถึงจิตสว่างแล้วเดินปัญญาไม่เป็นเพราะไม่เข้าใจขันค์5คืออะไร จบพรรษาก็สึกมาศึกษาธรรม

จนได้ฟังอนัตตา ความว่าง บวกกับคำสอนพระศาสดาจน วันนี้เข้าใจธรรมโดยง่ายไม่ต้องเดินปัญญา

1นั้งสมาธิมีสติ ดูลมรู้เขาออกพอ ดูไปผู้รู้มันคือเรานะแต่ที่ให้ดูลมเพราะเราจะให้เขาพาเรากลับบ้านของเขาที่ๆความจริงเขาจะบอกและรู้ได้เอง ดูลมไปเรื่อยๆอย่าเป็นคนบังคับแค่มีสติดูลมใว้ ผู้รู้จะพาเราออกจากใจคือขันค์5นั้นเองอย่าสนใจแสงสีภาพที่ปรากฎระหว่างทางเขากำลังเดินทางกลับ สติเราดูลมพอ เขาจะพาจนหลุดออกจากกองกิเลตคือใจอารมณ์จะค่อยๆดับไปแท้จริงไม่ใช่เพราะสงบคือเขาพยายามบอกเราว่าเขาไม่ใช่ขันค์5ไม่มีอารมณ์ แต่เราดูลมมีสติแค่นี้ พอถึงจุดหนึ่งเขาจะหยุดที่ความว่าง หลายคนบอกจิตรวมจิตว่างจิตใสอะไรก็แล้วแต่แท้จริงเขาให้เรารู้ว่าเขาไม่มีตัวตน  เป็นแต่เพียงอาการรับรู้ที่กายส่งมา และกายดับไปเพราะกายไม่ใข่เขาแต่ผู้รู้คือเรา  เราไม่มีตัวตนจิตเพียงรับรู้ กายเนี้ยไม่ใช่เราเกิดแก่เจ็บตายบังคับไม่ได้เวลาเจ็บป่วยบังคับให้หายไม่ได้ ที่ทนทุกข์เพราะเรายึดในสิ่งต่างที่รับรู้ทางกายส่งมาปกติผู้รู้รู้แล้วดับจบไม่แต่ท่านไม่รู้ว่าเราเป็นท่านจึงหาสุขให้กายใจปรุงจิตทนทรมานมาตลอด จึงพาเดินกลับมาดูจึงเห็นว่าเราไม่มีอารมณ์สุขหรือทุกข์ธรรมชาติจะกลางๆว่างๆเบาสบายคือสุขจะปรากฎ เองเมื่อถึงจุดที่จิตว่าง ต่อไปรับรู้ตามธรรมของเขาไม่หลงปรุงให้เกิดมีกูตามความเป็นจริง  สภาะจิตเวลาใกล้ตายก็พาเขากลับมาที่เดิมจะได้หลุดพ้นจากการเกิดเสียทีและจะได้ไม่ทรมารตัวเองเพื่อเลี้ยงกาย
ก่อนกายดับต้องพาจิตเราออกจากกายให้ได้จิตไม่มีอะไรให้ปรุงหลุดพ้น  ขันค์ก็ปรุงไม่ได้ถ้าไม่มีผู้รู้ไปรับ ใจดับกายดับจิตก็หลุดพ้นสู่ธร่รมฃาติเดิมเขาเบาสบายสุขธรรมชาติของเขาคือการไม่ต้องแบกไม่ต้องเกิดสภาวนิพพานดับกิเลตได้ จิตไม่สิ่งใดปรุงมีจิตอยู่แต่ไม่มีตัวตน ผมหวังว่าท่านทั้งหลายจะทำตามเห็นตามเพื่อประโยชน์คนหมู่มาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่