แร่แรร์เอิร์ธ คืออะไร? เปิด 10 ประเทศที่มีปริมาณสำรอง "Rare Earth" มากที่สุดในโลก


แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) คืออะไร? เปิดรายชื่อ 10 ประเทศ ที่มีปริมาณสำรอง "แรร์เอิร์ธ" มากที่สุดในโลก
กลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงเศรษฐกิจโลก หลังเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับไทยและมาเลเซีย เพื่อพัฒนา “ห่วงโซ่อุปทานแร่หายาก” หรือ แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ที่กำลังกลายเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ของโลกยุคใหม่

แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) คืออะไร?

     Rare Earth หรือ แร่หายาก (Rare Earth Elements : REEs) คือกลุ่มโลหะพิเศษจำนวน 17 ชนิด ได้แก่ สแกนเดียม (Sc), อิตเทรียม (Y) และกลุ่มธาตุแลนทาไนด์อีก 15 ตัว ได้แก่ แลนทานัม (La) ซีเรียม (Ce) เพรซีโอดิเมียม (Pr) นีโอดิเมียม (Nd) โพรมีเทียม (Pm) ซาแมเรียม (Sm) ยูโรเพียม (Eu) แกโดลิเนียม (Gd) เทอร์เบียม (Tb) ดิสโพรเซียม (Dy) โฮลเมียม (Ho) เออร์เบียม (Er) ทูเลียม (Tm) อิตเทอร์เบียม (Yb) และลูทีเชียม (Lu)
แม้ชื่อจะฟังดูว่า “หายาก” แต่จริง ๆ แล้วแร่เหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในเปลือกโลก เพียงแต่กระจายตัวปะปนกับหินและแร่อื่น ๆ ทำให้การแยกสกัดเป็นเรื่องยุ่งยาก ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและต้นทุนสูงมาก ที่สำคัญกระบวนการผลิตยังทิ้งของเสียและสารพิษ ซึ่งอาจกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหากไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสม




ทำไม แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ถึงสำคัญ?

ด้วยคุณสมบัติพิเศษในการนำไฟฟ้าและสร้างสนามแม่เหล็ก แร่หายากจึงเป็นวัสดุหลักในอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น สมาร์ตโฟน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) แผงโซลาร์เซลล์ และระบบอาวุธทางทหาร ตัวอย่างเช่น

นีโอดิเมียม (Nd): ใช้สร้างแม่เหล็กแรงสูงในมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม
ซีเรียม (Ce): ใช้ในกระบวนการกลั่นน้ำมันและผลิตน้ำมันดีเซลสะอาด
แลนทานัม (La): ส่วนประกอบสำคัญในแบตเตอรี่นิกเกิล-เมทัลไฮไดรด์ของรถไฮบริด
ยูโรเพียม (Eu) และอิตเทรียม (Y): ให้สีสดใสในหน้าจอทีวีและสมาร์ตโฟน
เทอร์เบียม (Tb): เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพลังงานของแผงโซลาร์เซลล์


จากรายงานของ U.S. Geological Survey (USGS) ปี 2566 อุตสาหกรรมที่ใช้แรร์เอิร์ธมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ และความต้องการยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากกระแสรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดทั่วโลก

10 ประเทศที่มี แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) มากที่สุดในโลก
อันดับประเทศปริมาณสำรอง (ล้านตัน)
1. จีน  44
2. บราซิล 21
3. อินเดีย 6.9
4. ออสเตรเลีย  5.7
5. รัสเซีย   3.8
6. เวียดนาม  3.5
7.  สหรัฐอเมริกา  1.9
8. กรีนแลนด์  1.5
9. แทนซาเนีย 0.9
10.  แอฟริกาใต้ 0.9


อันดับ 1 จีน : 44 ล้านตัน
จีนครองส่วนแบ่งตลาดแร่หายากของโลก ด้วยปริมาณสำรองแร่มากถึง 44 ล้านตัน คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของปริมาณสำรองทั้งหมดทั่วโลก ตัวเลขดังกล่าวยังมากกว่าประเทศที่มีปริมาณสำรองแร่หายากเป็นอันดับ 2 ถึง 2 เท่า
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนต้องพึ่งพาการนำเข้าแร่ธาตุหายากจากเมียนมา ซึ่งกฎระเบียบที่หละหลวมทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงจากการทำเหมือง

อันดับ 2 บราซิล : 21 ล้านตัน
บราซิลอยู่อันดับ 2 ด้วยปริมาณ 21 ล้านตัน แต่การผลิตของบราซิลยังคงมีจำกัด และยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ แม้จะไม่ได้เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ณ ปี 2024 แต่ก็เริ่มมีการผลิตเชิงพาณิชย์จากแหล่งแร่ Pela Ema และตั้งเป้าที่จะผลิต 5,000 เมตริกตันต่อปีภายในปี 2026

อันดับ 3 อินเดีย : 6.9 ล้านตัน
อินเดียมีปริมาณสำรองมากเป็นอันดับ 3 โดยผลิตได้ 2,900 เมตริกตันในปี 2024 อินเดียยังเป็นมีสัดส่วนประมาณ 35% ของแหล่งแร่ชายหาดและทรายทั่วโลก ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของแรร์เอิร์ธเหล่านี้ การผลิตของอินเดียเพิ่มขึ้น และรัฐบาลกำลังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมแร่แรร์เอิร์ธต่อไป

อันดับ 4 ออสเตรเลีย : 5.7 ล้านตัน
ออสเตรเลียอยู่ในอันดับที่ 4 ของปริมาณสำรองแร่ธาตุหายากของโลก ผลิตได้ 13,000 เมตริกตันในปี 2024 เริ่มทำเหมืองในปี 2007 และคาดว่าผลผลิตจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

อันดับ 5 รัสเซีย : 3.8 ล้านตัน
ปริมาณสำรองแร่ธาตุหายากของรัสเซียมีมากมายมหาศาล แต่ตัวเลขลดลงจากการประมาณการก่อนหน้านี้ รัสเซียยังคงอยู่ระหว่างสำรวจและพัฒนาแหล่งทรัพยากรต่อไป โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างตำแหน่งของตนในตลาดโลก

อันดับ 6 เวียดนาม : 3.5 ล้านตัน
ปริมาณสำรองของเวียดนามเทียบเคียงได้กับรัสเซีย มีรายงานว่าเวียดนามมีแหล่งแร่ธาตุหายากจำนวนมากใกล้ชายแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือติดกับจีนและตามแนวชายฝั่งตะวันออก

อันดับ 7 สหรัฐอเมริกา : 1.9 ล้านตัน
แม้จะมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า แต่สหรัฐอเมริกาก็มีปริมาณสำรองแร่ธาตุหายากจำกัด โดยการทำเหมืองจำกัดอยู่ที่เหมือง Mountain Pass ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

อันดับ 8 กรีนแลนด์ : 1.5 ล้านตัน
กรีนแลนด์มีปริมาณสำรองแร่ธาตุหายาก 1.5 ล้านเมตริกตัน แต่ปัจจุบันยังไม่มีการผลิต แต่โครงการ Tanbreez และ Kvanefjeld ถือเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูงสำหรับการพัฒนาในอนาคต

อันดับ 9 แทนซาเนีย : 0.9 ล้านตัน
แทนซาเนียถูกมองว่าเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพสูงสำหรับการพัฒนาแร่ธาตุหายาก มีแหล่งแร่ที่น่าสนใจรอการสำรวจ ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคได้ หากได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

อันดับ 10 แอฟริกาใต้ : 0.9 ล้านตัน
แอฟริกาใต้ซึ่งมีแหล่งแร่หายากสำรอง 0.9 ล้านตัน กำลังใช้ประโยชน์จากความร่วมมือระดับโลกเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากร โครงการต่าง ๆ เช่น Phalaborwa มีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพาจีนและกระตุ้นอุปทานในภูมิภาค


สรุป

แร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) กำลังกลายเป็น “ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์” ที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีโลกยุคใหม่ ตั้งแต่พลังงานสะอาดไปจนถึงอุตสาหกรรมอวกาศ แม้จะพบได้ทั่วโลก แต่จีนยังคงเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตและควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจและการแข่งขันทางเทคโนโลยีในระดับโลก
U.S. Geological Survey (USGS)
Investing News Network
Statista

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่