ขี่แมงกะไซค์ไปสะพานมอญ สังขละบุรี กาญจนบุรี (Version ไร้ผู้คน) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568

จัดไป!! กับทริปท่องเที่ยวกาญจนบุรี ในช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ของเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นำโดยผมกับเพื่อน ที่นัดกันแหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตี 4.00 น. เพื่อหลีกหนีจากการจราจรอันคับคั่งและอาศัยความเย็นกายสบายใจในช่วงใกล้รุ่ง บิดพุ่งไปเที่ยวกาญนะจ๊ะบุรี

จุดนัดพบ ผมและเพื่อนเก่าได้นัดพบกันที่ปั้ม ปตท.แห่งหนึ่งแถวๆ ศาลายา หลังจากนั้นพอได้เวลาประมาณ 5.30 น. พวกเราก็เลยออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกของประเทศไทย

ระหว่างทาง พวกเราตื่นเช้าขนาดนี้ แต่ไม่สามารถหลีกหนีความวุ่นวายได้ ในช่วงเวลาเช้ามืด มีรถตุ๊กๆบรรทุกถ่าน รถขึ้นสะพาน รถลงสะพาน รถสิบล้อ รถขนผัก รถขนปลา ประเดประดังกันแก่งแย่งชิงเลนในเส้นทางศาลายามุ่งหน้าสู่นครปฐมที่เต็มไปด้วยความมืดมิด และด้วยความไวที่ 100 km/h มันช่างหนาวเหน็บข้างในหัวใจเหลือเกิน!!#% หลังจากผ่านนครปฐมมาได้ซักระยะ แต่ความมืดมิดยังคงปกคลุมมอร์ดอร์แบบไม่เสื่อมคลาย ดวงตาอันโฉดชั่วของเซารอนธ์จะคอยค้นหาพวกเจ้า เดี๋ยวๆๆคนละเรื่อง!!
ทันใดนั้นเอง!! ซึ่งแน่นอนว่าแสงสว่างยังไม่ปรากฏชัด ทำให้เพื่อนผมที่ขี่นำหน้าอยู่มองเห็นได้แค่รางๆ ไม่ได้ทันสังเกตุถึงภัยยันตรายที่คืบคลานเข้ามา เปรี๊ยะ!!!! รางรถไฟ!!  มันซ่อนอยู่ในเงามืดมิดอำหิตเบื้องหน้า เป็นเหตุให้เพื่อนผมพร้อมลูกกระจ๊อกหมาป่า Vulcan 650 จั้มยกล้อก้นสะบัด เหมือนม้าพยศยังไงอย่างงั้น ดีที่ว่าเพื่อนผมเก่งกล้าสามารถ ประคองไอ้หมาป่าพยศให้กลับมาเข้าที่เข้าทางได้
โชคแตกสาแหรกขาดกันเลยทีเดียว

ถึงตัวเมืองกาญฯ ตอนนี้บอกได้เลยว่าโคตรหิว เพราะพวกเราไม่มีอะไรตกถึงท้องมาสักพัก เลยตัดสินใจแวะร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง พร้อมกับแสงสว่างและรังสีความร้อนที่ค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อย และสัญญาณต่อไปนี้เป็นเวลาเจ็ดนาฬิกาศูนย์นาทีศูนย์วินาที หลังจากได้เติมเสบียงแล้ว ก็แวะมาดูสภาพรถกันหน่อย รถผมสภาพตกกะปิ แต่เพื่อนผมนี่สิ เจ้าหมาป่า Vulcan650 บาดเจ็บสาหัส เนื่องจากการจั้มรางรถไฟที่ผ่านมา ทำให้โช็คอัพคู่หน้าอันทรงพลังต้องแตกออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำมันที่คอยหล่อเลี้ยงแกนภายในเกิดความบรรลัยหมดแล้ว กระฉูด กระเซน ทะลักออกมาข้างนอกเลยทีเดียว ผมได้จับรถของเพื่อนทดสอบโดยการขย่มรถ โยกขึ้น โยกลง ปรากฏว่า...ความสามารถของโชคอัพได้สูญหายไปกว่า 50 เปอร์เซนต์ เหลือเพียงสปริงเด้งดึ๋งไปวันๆ เท่านั้น ตกลงพวกเราจะไปต่อหรือพอซำนี่..
Skywalk กาญจนบุรี ค่าเข้าชม 40.- (ปี 2568)
วิวทิวทัศน์บน Skywalk พร้อมกับบ้านเรือนแพที่จอดแน่นิ่งจำนวนหลายหลัง
โครงสร้าง Skywalk ริมตลิ่งแม่น้ำแคว
จอด Check In หน้าแลนด์มาร์กใหม่
ลุยต่อดิวะ สถานที่แรกที่เราจะแวะไปคือ Skywalk กาญจนบุรี เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกาญจนบุรี เวลาเปิด 08.00 น. ค่าเข้าชม 40 บาท ถือว่าคุ้มค่ามาก วิวสวยสดงดงาม บรรยากาศยามเช้าควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม หลังจากนั้นพวกเราเติมน้ำมัน เติมเสบียงแล้วออกเดินทางผ่านตัวเมืองกาญจนบุรีขึ้นไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไทย
จนกระทั้งเวลา 11.00 น. พวกเราตะบี้ตะบันกันมาถึงสถานที่ ที่เรียกว่า ช่องเขาขาด ช่องไฟนรก (Hellfire Pass) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ไทย-พม่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในเป็นศูนย์การเรียนรู้ ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวในอดีตที่ค่อนข้างหดหู่ใจ บอกเล่าถึงความโหดร้ายของสงครามที่ได้เกิดขึ้นในเส้นทางแห่งนี้ และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติไปยังสถานที่จริง ซึ่งเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ควรค่ากับการมาเยี่ยมเยือน
ช่องเขาขาด
ภายในเป็นศูนย์การเรียนรู้ และฟรี (ปี 2568) พร้อมซาว์เบ้าว์และหูฟังเดินไป ฟังไป ตามจุดสำคัญต่างๆ
เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3 กิโลเมตร เตรียมน้ำมาด้วยหละ

มุ่งหน้าสู่สังขละบุรี ในเมื่อก้นอันด้านชาไม่ได้มีสิทธิเลือก มันจึงต้องโดนกดทับและอับเฉ๋าต่อไป บรื้อนนนน!!
พวกเราน้ำไม่อาบ และตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้วด้วย "เห้ยเพื่อนกรูว่า พวกเราไปหาน้ำตกเพื่ออาบน้ำเล่นสักหน่อยดีกว่าหวะ" ระหว่างทางผ่านเราเจอกับน้ำตกเกริงกระเวีย เป็นน้ำตกขนาดเล็ก มีร้านกาแฟรสชาติดี มีห้องน้ำ ค่าเข้าน้ำตก 20 บาท พวกเราเลยนอนแช่อยู่ชั่วโมงกว่า เป็นสถานที่ที่ผ่อนคลายและสวยงาม
นอนแช่น้ำไปเลย 1 ชม. กว่า ผ่อนคลายสักหน่อย
กาแฟก็มี อร่อย ผ่าน บรรยาการดีเย็นสบาย
น้ำตกขนาดเล็ก ไม่รองรับคนจำนวนมาก
มีอ่างจากุ๊จชี่ธรรมชาติไว้บริการ

หลังจากนั้นก็เป็นเวลาบ่าย 2 พวกเราแน่นิ่งหมดช่วงเวลาคึกคะนอง อารมณ์สงบนิ่งไร้การวิ่งของสมอง ร่างกายอ่อนแรงใครจะแซงก็แซงไป
เรามาจนถึงสะพานรันตี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทางชั้นข้ามเขาไปยังสังขละบุรี โดยจุดนี้เป็นเส้นทางที่เพิ่มอรรถรสในการขับขี่เป็นอย่างดี ต้องระมัดระวังและไม่ประมาท เพราะ ขาไป-ขากลับ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตลอดเลย ช่วงนี้คุณจะได้กลิ่นเหม็นไหม้ของผ้าเบร็คอยู่เนืองๆ เป็นกลิ่นรถของเราเองหรือป่าวก็ไม่รู้
และแล้วในวันนี้พวกเราก็มาถึงที่พักอย่างปลอดภัย
มาแบบโล่งมาก งงในงง ปกติมันไม่ใช่แบบนี้ 555+
สะพานมอญ2 ทำจากไม้ไผ่เป็นแพลอยน้ำ ลงไปเดินเล่นได้อย่างชิว
ที่พักริมเขื่อนมองเห็นตะพานอยู่ไกลๆ กลางคืนวิวดีมาก
สะพาญมอญ เป็นจุดหมายสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ปรุงแต่งและหอบสังขารมายังดินแดนนี้ พวกผมเองก็เช่นกัน จึงได้พบว่ามันสวยงาม คลาสิค และน่าประทับใจมาก พวกเราเข้าที่พักให้ไว อาบน้ำชุดใหญ่ เมื่อถึงตอนเย็นจึงออกจากที่พักและเดินทางไปเยี่ยมชมสะพานมอญ ชื่นชมบรรยากาศและวิวทิวทัศน์ อากาศค่อนข้างเย็นสบาย สายลมบางๆ อากาศกำลังดีไม่ร้อน ไม่หนาว พวกเราหยุดนิ่งชมบรรยากาศ ชมวิถีชาวเรือ โครงสร้างของสะพาน การสัญจรของเรือ วิถีชีวิตริมเขื่อน วิถีชาวบ้านในย่านนี้
น้อนหมาเดินนำทางแบบชิลๆ เราคงจะเป็นลูกค้ากลุ่มแรกของน้อน

โดยในทริปนี้ ผมขอไม่เล่าถึงขากลับ กทม. นะ เพราะมันทรมานทรกรรมใช้ได้เลยทีเดียว ทั้งนี้ เพื่อนผมกับลูกกระจ๊อก Vulcan 650 ได้หกคะเมนหัวทิ่มบ่อ ที่ความเร็วไม่มาก เนื่องจากมีการทำถนน บวกกับโชคอัพคู่หน้าที่สูญเสียประสิทธิภาพมาตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด สามารถกลับ กทม. ได้ในทีสุด ขอบคุณครับ สวัสดี

เพิ่มรูปภายหลัง กรุณารอซักแป๊ปปครับ/ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่