Alfa Romeo ยืนยันแล้วว่า Giulia และ Stelvio จะยังคงอยู่ในสายการผลิตไปจนถึงสิ้นปี 2027 พร้อมการกลับมาของตัวแรง Quadrifoglio อันเลืองชื่อในปีหน้า โดยรถทั้งสองจะยังคงใช้งานวิศวกรรมพื้นฐาน Giorgio เช่นเดิม ก่อนที่รุ่นใหม่จะเปลี่ยนไปใช้งานวิศวกรรมพื้นฐานของ Stellantis พร้อมขุมพลัง Hybrid และไฟฟ้าเต็มรูปแบบในอนาคต

แม้ Giulia จะโลดแล่นในตลาดมานานเกือบสิบปี แต่มันคือสปอร์ตซีดานที่สวยไร้กาลเวลาแห่งวงการยุโรป เดิมที Alfa Romeo มีแผนจะยุติสายการผลิตภายในปี 2025 นี้ แต่ล่าสุดบริษัทกลับตัดสินใจขยายเวลาออกไปอีกสองปี โดยจะผลิตต่อที่โรงงาน Cassino ในอิตาลี ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของแบรนด์มายาวนาน

ขณะเดียวกัน Stelvio SUV รุ่นที่ขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐานเดียวกัน ก็จะเดินสายการผลิตต่อไปจนถึงปี 2027 เช่นเดียวกัน ทั้งคู่พัฒนาขึ้นบนโครงสร้าง Giorgio Platform ที่เกิดจากการลงทุนกว่า 1 พันล้านยูโรในยุคของ Sergio Marchionne อดีตซีอีโอ FCA ผู้ล่วงลับ ซึ่งถือเป็นมรดกสำคัญของยุคทอง Alfa Romeo

เหตุผลสำคัญที่ Giulia และ Stelvio ยังไม่ออกจากตลาดไป คือการที่ Stellantis ต้องปรับปรุงแพลตฟอร์ม STLA Large ให้รองรับเครื่องยนต์สันดาปได้ หลังจากแผนเดิมจะเปิดตัวรุ่นใหม่แบบ “EV Only” เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายแบรนด์ที่จะไฟฟ้าล้วนภายในปี 2027 แต่กระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของรถ EV ที่ช้ากว่าคาด ทำให้ Alfa Romeo ต้องยืดเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านออก

CEO คุณ Santo Ficili เผยว่า รุ่นต่อไปของทั้งสองจะยังมีเครื่องยนต์สันดาปให้เลือก โดยอาจใช้เครื่องยนต์ Hurricane Twin-Turbo Inline-6 จาก Dodge Charger รุ่นใหม่ หรืออาจเลือกขุมพลัง V6 จาก Maserati สำหรับรุ่น Quadrifoglio ก็เป็นได้ ซึ่งจะช่วยต่อยอดเอกลักษณ์ของรถสมรรถนะสูงสายพันธุ์อิตาเลียนให้คงอยู่ต่อไป

ในขณะที่หลายค่ายกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฟฟ้า Alfa Romeo กลับเลือกแนวทางรักษารากเหง้าและแต่งเติมอนาคตที่กำลังเข้ามา โดยให้ Giulia และ Stelvio อยู่รอดอย่างสง่างาม ด้วยสมดุลระหว่างอารมณ์สปอร์ตแบบคลาสสิกกับเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังมา วิญญาณของ Alfa ที่ไม่ยอมสยบให้ความจำเจของโลกยานยนต์ยุคใหม่
ที่มา :
Motor1
Alfa Romeo เตรียมกลับมาผลิต Giulia และ Stelvio Quadrifoglio อีกครั้งในปี 2026
แม้ Giulia จะโลดแล่นในตลาดมานานเกือบสิบปี แต่มันคือสปอร์ตซีดานที่สวยไร้กาลเวลาแห่งวงการยุโรป เดิมที Alfa Romeo มีแผนจะยุติสายการผลิตภายในปี 2025 นี้ แต่ล่าสุดบริษัทกลับตัดสินใจขยายเวลาออกไปอีกสองปี โดยจะผลิตต่อที่โรงงาน Cassino ในอิตาลี ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของแบรนด์มายาวนาน
ขณะเดียวกัน Stelvio SUV รุ่นที่ขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐานเดียวกัน ก็จะเดินสายการผลิตต่อไปจนถึงปี 2027 เช่นเดียวกัน ทั้งคู่พัฒนาขึ้นบนโครงสร้าง Giorgio Platform ที่เกิดจากการลงทุนกว่า 1 พันล้านยูโรในยุคของ Sergio Marchionne อดีตซีอีโอ FCA ผู้ล่วงลับ ซึ่งถือเป็นมรดกสำคัญของยุคทอง Alfa Romeo
เหตุผลสำคัญที่ Giulia และ Stelvio ยังไม่ออกจากตลาดไป คือการที่ Stellantis ต้องปรับปรุงแพลตฟอร์ม STLA Large ให้รองรับเครื่องยนต์สันดาปได้ หลังจากแผนเดิมจะเปิดตัวรุ่นใหม่แบบ “EV Only” เพื่อสอดคล้องกับเป้าหมายแบรนด์ที่จะไฟฟ้าล้วนภายในปี 2027 แต่กระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคของรถ EV ที่ช้ากว่าคาด ทำให้ Alfa Romeo ต้องยืดเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านออก
CEO คุณ Santo Ficili เผยว่า รุ่นต่อไปของทั้งสองจะยังมีเครื่องยนต์สันดาปให้เลือก โดยอาจใช้เครื่องยนต์ Hurricane Twin-Turbo Inline-6 จาก Dodge Charger รุ่นใหม่ หรืออาจเลือกขุมพลัง V6 จาก Maserati สำหรับรุ่น Quadrifoglio ก็เป็นได้ ซึ่งจะช่วยต่อยอดเอกลักษณ์ของรถสมรรถนะสูงสายพันธุ์อิตาเลียนให้คงอยู่ต่อไป
ในขณะที่หลายค่ายกำลังเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฟฟ้า Alfa Romeo กลับเลือกแนวทางรักษารากเหง้าและแต่งเติมอนาคตที่กำลังเข้ามา โดยให้ Giulia และ Stelvio อยู่รอดอย่างสง่างาม ด้วยสมดุลระหว่างอารมณ์สปอร์ตแบบคลาสสิกกับเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังมา วิญญาณของ Alfa ที่ไม่ยอมสยบให้ความจำเจของโลกยานยนต์ยุคใหม่
ที่มา : Motor1