ผ่านไปแล้วสำหรับ อัคลาก ตัวตน อุปนิสัยที่ดี 12 ข้อ คือ ความซื่อสัตย์ มีความรับผิดชอบ ความสุขุม ใจเย็น กล้าหาญ รักษาบุคลิกภาพให้ดูดี มีความรักให้กัน อดทน ทำดีกับผู้อื่น ยุติธรรม ใจบุญ และเป็นคนสบายๆ มองคนในแง่ดี มาถึงนิสัยอีก 3 ข้อต่อไปนี้ ที่ถ้าเรามี ก็ดีกับตัวเรานี่แหล่ะ
ถ้าคนเราพัฒนาตัวตนไปเรื่อยๆ จนเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้น สิ่งดีๆ ก็จะตามมา นอกจากงาน อิบาดะฮฺ เช่น ละหมาด จะมีคุณภาพขึ้น เราก็จะได้สิ่งที่ดีกว่าเดิมนั้น เช่น ได้งานที่ดีกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเรามีความรับผิดชอบสูงขึ้น ก็ได้ตำแหน่งที่สูงตาม เพราะต้องอาศัยความรับผิดชอบมาใช้ในการทำงาน จะไม่เหมาะกับคนจับจด เพราะมีผลกระทบกับงาน หรือถ้าเราเป็นคนที่ใจเย็น ก็จะได้เพื่อนใจเย็น เจอคนใจเย็นเข้ามาในชีวิตมากขึ้น งานที่ดีจะเหมาะกับคนที่มีตัวตนภายในดี ซึ่งงานที่ดีรวมถึงการมีสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วย เช่น เพื่อนร่วมงาน หรือเป็นงานที่ไม่กินเวลาส่วนตัว มีเวลาให้ครอบครัวได้ เป็นต้น
13. ให้อภัยคนอื่น ต้องมีการอภัยซึ่งกันและกัน
ให้อภัยคนอื่น หัวอกไม่บรรจุความเคียดแค้นใคร ถ้าโกรธเกิน 3 วันนี่อยู่ไม่สุขแล้ว แต่แค่วันเดียวก็อึดอัดแล้ว ต้องเคลียร์ เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงเมื่อไหร่ ถ้าจะเสียชีวิตไปก็ไม่ควรจากไปโดยที่มีปัญหากับใคร
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “พวกท่านจงอย่าโกรธกัน อย่าอิจฉากัน อย่าหันหลังให้กัน อย่าตัดสัมพันธ์กัน และจงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺฉันท์พี่น้อง ไม่อนุญาตให้มุสลิมคนใดหมางเมินพี่น้องของเขาเกินกว่าสาม(วัน)” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวว่า เมื่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิ วะสัลลัม ถูกเสนอให้เลือกระหว่างสองสิ่ง ท่านจะเลือกสิ่งที่ง่ายกว่าเสมอ ตราบใดที่สิ่งนั้นไม่เป็นบาป เพราะหากสิ่งนั้นเป็นบาปท่านจะเป็นคนที่ห่างไกลจากมันมากกว่าใครๆ และท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่เคยแก้แค้นเอาคืนให้กับตัวเอง นอกจากเมื่อเกียรติของอัลลอฮฺถูกลบหลู่ ท่านก็จะแก้แค้นเพื่อเรียกร้องเกียรติของอัลลอฮฺกลับคืนมา (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3560 และมุสลิม เลขที่ 2327)
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวแก่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า ‘โอ้ ท่านรอซูล ท่านเคยเจอวันใดที่หนักยิ่งกว่าวันสงครามอุฮุดไหม?’ ท่านตอบว่า “แท้จริงแล้ว ฉันเคยเจอกับ (การต่อต้าน) จากเผ่าพันธุ์ (กุเรชมักกะฮฺที่ปฏิเสธศรัทธา) พวกของเจ้า และที่รุนแรงที่สุดที่ฉันได้รับ (การต่อต้าน) จากพวกเขาก็คือในวันอัล-อะเกาะบะฮฺ ตอนที่ฉันเสนอตัวฉันต่อบุตรอิบนุ อับดิยาลีล บินอับดิกุลาล (คือ ผู้กว้างขวางแห่งเมืองฏออิฟคนหนึ่ง เป็นชาวอาหรับเผ่าษะกีฟ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนเชาวาล ปีที่ 10 ของการประกาศศาสนาอิสลามที่มักกะฮฺ หลังจากการเสียชีวิตของอบูฏอลิบ และท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ภริยาผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่อิสลาม, ดู ฟัตหุล บารีย์ : 6/363 – ผู้แปล) แล้วเขาไม่ตอบรับต่อข้อเรียกร้องของฉัน แล้วฉันก็ผละตัวออกไปด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง แล้วฉันก็มาหยุดที่ควน “ก็อรนุลซะอาลิบ” ฉันจึงเงยศีรษะขึ้นและพบว่าฉันได้ถูกเมฆก้อนหนึ่งลอยมาบัง ฉันจึงเพ่งมองออกไป ปรากฏว่ามีมลาอิกะฮฺญิบรีลอยู่ในนั้น ท่านเรียกฉันและบอกว่า ‘แท้จริง อัลลอฮฺทรงได้ยินคำพูดของกลุ่มชนพวกท่าน (พวกกุเรชที่ปฏิเสธศรัทธา) ต่อท่าน และสิ่งที่พวกเขาต่อต้านท่าน และพระองค์ทรงส่งมลาอิกะฮฺที่คอยดูแลภูเขาเพื่อให้ท่านสั่งการให้เขาทำสิ่งที่ท่านประสงค์ต่อพวกเขาเหล่านั้น‘” ท่านรอซูลเล่าต่อว่า “แล้วมลาอิกะฮฺภูเขาก็เรียกฉันและให้สลามแก่ฉัน แล้วกล่าวว่า ‘โอ้ มุฮัมมัด แท้จริงอัลลอฮฺทรงได้ยินคำพูดของกลุ่มชนของท่านต่อท่าน และข้าคือมลาอิกะฮฺที่คอยดูแลภูเขา ซึ่งพระผู้อภิบาลของท่านได้ส่งตัวข้าให้ท่านสั่งข้าในงานของท่าน แล้วท่านต้องการอะไร? หากท่านต้องการให้ฉันนำสองภูเขามาทับพวกเขา (ฉันก็จะทำ)’ ท่านรอซูลตอบว่า : “ทว่าฉันหวังว่าอัลลอฮฺจะให้กำเนิดทายาทของพวกเขาที่กราบไหว้อัลลอฮฺแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ตั้งภาคีใดๆ กับพระองค์ออกมาจากก้นหลัง (หมายถึงที่กำเนิดอสุจิในร่างกายมนุษย์-ผู้แปล) ของพวกเขา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 3231 และมุสลิม เลขที่ 1795) เหตุการณ์นี้นบีมุฮัมมัด โดนทำร้ายจนเลือดไหลลงรองเท้า แต่ก็ยังให้อภัย และขอดุอาอฺให้ชนรุ่นหลังที่ทำร้ายเขาเป็นคนดี จนวันนี้ลูกหลานกลายเป็นคนที่ดีจริงๆ และต่างก็ขออภัยโทษให้แทนบรรพบุรุษที่ทำไม่ดีกับท่านนบีมุฮัมมัด อัลฮัมดุลิลลาฮฺ
14. ความอ่อนโยน
ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า “โอ้ อาอิชะฮ์ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้อ่อนโยนและทรงโปรดปรานความอ่อนโยน และทรงประทานบนความอ่อนโยนในสิ่งที่ไม่ประทานบนความแข็งกร้าว และสิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากมัน” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกบุคอรี เลขที่ 6927 และมุสลิม เลขที่ 2593)
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “แท้จริงความอ่อนโยนจะไม่ปรากฏอยู่ในสิ่งใด เว้นแต่จะทำให้สิ่งนั้นงดงามขึ้น และจะไม่ถูกดึงออกจากสิ่งใด เว้นแต่จะทำให้สิ่งนั้นมีตำหนิ” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 2594)
15. มีความละอาย (อัลฮะยาอ์)
ความละอายของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม
จากอบูสะอีด อัลคุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นผู้ที่ละอายยิ่งกว่าหญิงสาวที่อยู่หลังม่านเสียอีก ซึ่งเมื่อท่านเห็นสิ่งใดที่ไม่พอใจ เราจะทราบได้จากสีหน้าของท่าน (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 6102 และมุสลิม เลขที่ 2320)
วัลลอฮุอะอฺลัม อัลลอฮฺเท่านั้นที่รู้
- - -
ที่มา
เนื้อหาจากการบรรยายในยูทูบ
หัวข้อ “การพัฒนานิสัยตนเอง แบบทำได้จริง (อัคลาก นิสัย ตัวตนที่พัฒนาได้ ตอนที่ 5)” สอนโดย อ.อิลยาส วารีย์
ให้อภัย อ่อนโยน มีความละอาย (การพัฒนานิสัยตนเอง แบบทำได้จริง ตอน9)
ถ้าคนเราพัฒนาตัวตนไปเรื่อยๆ จนเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้น สิ่งดีๆ ก็จะตามมา นอกจากงาน อิบาดะฮฺ เช่น ละหมาด จะมีคุณภาพขึ้น เราก็จะได้สิ่งที่ดีกว่าเดิมนั้น เช่น ได้งานที่ดีกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเรามีความรับผิดชอบสูงขึ้น ก็ได้ตำแหน่งที่สูงตาม เพราะต้องอาศัยความรับผิดชอบมาใช้ในการทำงาน จะไม่เหมาะกับคนจับจด เพราะมีผลกระทบกับงาน หรือถ้าเราเป็นคนที่ใจเย็น ก็จะได้เพื่อนใจเย็น เจอคนใจเย็นเข้ามาในชีวิตมากขึ้น งานที่ดีจะเหมาะกับคนที่มีตัวตนภายในดี ซึ่งงานที่ดีรวมถึงการมีสิ่งแวดล้อมที่ดีด้วย เช่น เพื่อนร่วมงาน หรือเป็นงานที่ไม่กินเวลาส่วนตัว มีเวลาให้ครอบครัวได้ เป็นต้น
จากอบูสะอีด อัลคุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นผู้ที่ละอายยิ่งกว่าหญิงสาวที่อยู่หลังม่านเสียอีก ซึ่งเมื่อท่านเห็นสิ่งใดที่ไม่พอใจ เราจะทราบได้จากสีหน้าของท่าน (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 6102 และมุสลิม เลขที่ 2320)
วัลลอฮุอะอฺลัม อัลลอฮฺเท่านั้นที่รู้
- - -
ที่มา เนื้อหาจากการบรรยายในยูทูบ
หัวข้อ “การพัฒนานิสัยตนเอง แบบทำได้จริง (อัคลาก นิสัย ตัวตนที่พัฒนาได้ ตอนที่ 5)” สอนโดย อ.อิลยาส วารีย์