JJNY : “วรภัค”แจงอีกรอบ│จับตา กมธ.แก้รธน.ถกสูตร ส.ส.ร.│15 จังหวัด ยังท่วม│ติมอร์ตะวันออก “ฝันเป็นจริง” เข้าร่วมอาเซียน

“วรภัค”แจงอีกรอบ เคยลงทุนธุรกิจเดียวกันกับ “เบน สมิธ ” ไม่เกิน 2 บริษัทในธุรกิจสตาร์ทอัพ
.
.
“วรภัค”แจงอีกรอบ สายสัมพันธ์ เบน สมิธ ยืนยันเคยลงทุนธุรกิจเดียวกันไม่เกิน 2 บริษัทในธุรกิจสตาร์ทอัพ ลั่นไม่เคยเห็นธุรกรรม “เบน”เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์
.
วันที่ 26 ต.ค. 2568 นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ เบน สมิธ ว่า จริงๆไม่อยากออกมาตอบโต้ให้ข่าวอะไรแล้วเพราะทนายกำชับไว้ แต่เมื่อวาน (25 ต.ค. 2568) ก็มีคนมาพาดพิงตน เอารูปมาลง และมีกัลยาณมิตรซึ่งรู้จักตนดี แสดงความเป็นห่วงมา ก็เลยจำเป็นต้องชี้แจงเพิ่มเติม
.
ย้ำอีกรอบรู้จัก เบน นานแล้ว
.
นายวรภัค ยืนยันว่า ตอนที่แถลงข่าวได้บอกแล้วว่ารู้จัก เบน สมิธ มานานแล้ว เพราะลูกเรียนโรงเรียนเดียวกัน ครอบครัวก็เคยไปทานข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน แต่ผมกับเขาไม่เคยทำธุรกิจร่วมกัน คำว่าทำธุรกิจร่วมกันคืออย่างเช่นลงทุนตั้งธนาคารด้วยกัน ลงทุนทำโครงการอสังหาริมทรัพย์ด้วยกันเป็นต้น หรือลงทุนทำโรงแรมร่วมกัน เช่นนี้ ไม่เคยมี ไม่เคยทำร่วมกัน
.
เคยลงทุนสตาร์ทอัพเดียวกัน
.
นายวรภัค กล่าวด้วยว่า นายเบนเป็นคนชอบการลงทุน เช่นเดียวกับตน หลังผมเกษียณจากกรุงไทย ก็มีโอกาสได้พบกันพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการลงทุนเป็นหลัก ผมกับเขาไม่เคยทำธุรกิจร่วมกัน แต่ถ้าเป็นการลงทุน เคยมีการลงทุนในสตาร์ทอัพเดียวกัน ก็อาจจะมีบ้าง ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคสตาร์ทอัพ อย่างเช่นบริษัทที่ลงเป็นข่าว เป็นสตาร์ทอัพบริษัทผลิตกัญชามีนักวิจัยชาวสเปนที่เคยได้รับรางวัลระดับโลกเป็นพาร์ตเนอร์หลัก และตัว CEO คนไทย เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยมาก่อน ตอนตัดสินใจไปลงทุนในบริษัทนี้ก็เพราะฟังดูน่าเชื่อถือดี ผมไปดูแล้วก็ตัดสินใจลงทุน แต่ไม่แน่ใจว่าคุณเบนลงทุนในบริษัทนี้ด้วยหรือเปล่า แต่เดินทางไปดูสถานที่ดำเนินการด้วยกัน นายวรภัค กล่าวและว่า
....
มีนักธุรกิจไทยร่วมลงทุนเพียบ
.
บริษัทสตาร์ทอัพกัญชานี้มีนักธุรกิจไทยมาลงทุนร่วมกันจำนวนมาก รวมทั้งนักธุรกิจจากตระกูลเจ้าสัวใหญ่ ๆ ในเมืองไทยก็มาลงกันหลายตระกูล รวมทั้งเข้ามานั่งเป็นกรรมการบริษัทนี้ด้วย เพราะขณะนั้นเป็นช่วงที่ธุรกิจกัญชาร้อนแรง ตนไปลงทุนซื้อหุ้นไว้เพียงหลักล้านบาท “สมัยผมไปลงทุนชื่อบริษัทเป็นอีกชื่อหนึ่ง ไปลงทุนได้ไม่นานผมก็ขายหุ้นออกไป ตอนขายหุ้นออกยังเป็นชื่อบริษัทเดิมอยู่ ไม่ใช่ชื่อตามในข่าว” นายวรภัค กล่าวและว่า
.
รูปที่นักข่าวฝรั่งนำมาเผยแพร่ก็คือตอนที่มีโอกาสเดินทางไปดูสถานที่ดำเนินการ ที่เป็นห้องปฏิบัติการในการวิจัยและพัฒนากัญชา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งถ้าจะมีรูปที่ผมเดินทางไปกับคุณเบนที่โน่นที่นี่คงมีอีกหลายรูปครับ คุณเบนอยู่เมืองไทยมา 20 กว่าปี
.
ลงทุนธุรกิจเดียวกันไม่เกิน 2 บริษัท
.
นายวรภัค กล่าวด้วยว่า แต่ที่ตนลงทุนแล้ว นายเบนไม่ลงทุนด้วย มีเยอะกว่ามาก ขอเน้นว่าที่ตนกับเขาเคยไปลงทุนในบริษัทเดียวกันนี้ น่าจะมีอย่างมากก็แค่สองบริษัทสตาร์ทอัพ และแต่ละบริษัทมีนักธุรกิจหรือกองทุนอื่น ๆ มาร่วมลงทุนด้วยหลายราย ไม่ใช่ว่ามีเฉพาะตนและนายเบนมาลงทุน แต่ถ้าเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อาทิเช่น ตนซื้อหุ้นกู้ของปูนซิเมนต์ไทย แล้วบังเอิญเขาเข้ามาซื้อด้วย ยืนยันว่าไม่ทราบเหมือนกัน เพราะไม่เคยคุยกัน
.
หากรู้เกี่ยวสแกมเมอร์ ไม่คบด้วย
.
นายวรภัค กล่าวตอนท้ายด้วยว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า ตอนที่ตนคุยกับนายเบน เจอหน้ากันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ตนไม่เคยเห็นธุรกรรมอะไรที่นายเบนเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจสแกมเมอร์ เพราะถ้ามีตนคงไม่กล้าพบปะด้วย ทุกครั้งที่คุยกันจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจเรื่องการลงทุนเป็นหลัก แต่ข้อเท็จจริงก็คงต้องให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบ
.

.
จับตา กมธ.แก้รธน.ถกสูตร ส.ส.ร. 30 ต.ค.นี้ จ่อผสมสูตร ปชน.-ภท. คนละครึ่ง
.
จับตา กมธ.แก้รธน. ถกสูตร ส.ส.ร. 30 ต.ค.นี้ จ่อผสมสูตร ปชน.-ภท. คนละครึ่ง เพื่อไม่ให้ขัดคำวินิจฉัยศาล ปชช.สมัครก่อน รัฐสภาแบ่งกลุ่มละ 20 คน คัดเลือก 1 รายชื่อ
.
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ให้สัมภาษณ์ถึงวาระการประชุมของ กมธ.ในครั้งต่อไปว่า กมธ.จะมีการประชุมนัดถัดไปในวันที่ 30 ตุลาคม โดยจะเป็นการพิจารณารายมาตรา อย่างไรก็ตาม กมธ.ได้ตกลงกันในการประชุมครั้งแรกว่าจะนำประเด็นที่มีข้อขัดแย้งมาคุยกันในเชิงหลักการก่อน โดยเฉพาะรูปแบบที่มาของ ส.ส.ร. แบบใดที่ กมธ.เห็นชอบที่สุด ก่อนจะลงรายละเอียดในแต่ละมาตรา
.
น.ส.พนิดา กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังมีการตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ กมธ. ยังเห็นไม่ตรงกันว่า รูปแบบที่พรรคประชาชนเสนอ เป็นการเลือกทางตรงหรือทางอ้อม จึงต้องมีการพูดคุยกัน แต่หาก กมธ.เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าสุ่มเสี่ยง ก็อาจจะต้องมีการปรับในรายละเอียด
.
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการใช้สูตรของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยผสมกันคนละครึ่ง ตามที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะ กมธ. เป็นผู้เสนอ คือให้ผู้ที่ต้องการจะเป็น ส.ส.ร. สมัครเข้ามา และให้สมาชิกรัฐสภาแบ่งกลุ่มละ 20 คน เพื่อเลือกมา 1 คน ซึ่งดูแล้วยังไม่มีใครขัดข้อง แต่ยืนยันว่ายังไม่ใช่มติของ กมธ.
.
น.ส.พนิดา กล่าวอีกว่า ใน กมธ. ยังมีความกังวลเรื่องไทม์ไลน์ เพราะหากใช้เกณฑ์วันยุบสภา 31 ม.ค. 69 เป็นตัวตั้ง ก็จะต้องทำให้เสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน และจะต้องผ่านวาระสามภายในเดือนธันวาคม เพื่อให้ทันการประกาศยุบสภา และสามารถทำประชามติได้ทันเวลา
.

.
15 จังหวัด ยังท่วม กระทบกว่า 1.3 แสนครัวเรือน ดับรวม 13 ราย ปภ.เร่งช่วยเหลือประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5428003
.
15 จว.ยังท่วม กระทบกว่า 1.3 แสนครัวเรือน ดับรวม 13 ราย ปภ.ย้ำหน่วยปฏิบัติช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ ส่งเครื่องจักรกลฯ ลงพื้นที่ภาคใต้ – กลาง เร่งระบายน้ำบรรเทาความเดือดร้อน
.
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่าปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยจากฝนตกหนักและน้ำตลิ่งในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม อุบลราชธานี และอุดรธานี รวม 56 อำเภอ 464 ตำบล 2,892 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 132,995 ครัวเรือน 456,096 คน และมีผู้เสียชีวิตรวม 13 ราย (พิษณุโลก 1 ราย พิจิตร 1 ราย และพระนครศรีอยุธยา 11 ราย) ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประสานงานกับจังหวัดในการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตเข้าปฏิบัติงานทั้งในเชิงป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้กับประชาชนในพื้นที่
.
สำหรับบริเวณภาคกลาง โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 16 ชัยนาท ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่ใระบายน้ำเน่าเสียคงค้างในพื้นที่บริเวณป่ายางหลังวัดมะปราง ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ออกสู่ทางระบายน้ำหลัก ขณะที่การแก้ไขปัญหาน้ำท่วทภาคเหนือ ทีม ปภ. ยังทำงานกันต่อเนื่อง โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 8 กำแพงเพชร ได้ส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยรวมกว่า 25 รายการ ได้แก่ รถบรรทุกขนาดเล็ก จำนวน 4 คัน รถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัย จำนวน 2 คัน รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย จำนวน 2 คัน เครื่องสูบน้ำขนาดท่อส่ง 12 นิ้ว จำนวน 4 เครื่อง สูบน้ำขนาดท่อสูง 14 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง เครื่องสูบน้ำขนาด 24 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง รถบรรทุกเครื่องสูบ-ส่งน้ำระยะไกล จำนวน 2 คัน รถบรรทุกเครื่องสูบน้ำท่วม-ขัง จำนวน 2 คัน รถบรรทุกเทท้ายขนาด 6 ตัน 6 ล้อ จำนวน 1 คัน รถบรรทุก 6 ตัน 6 ล้อ จำนวน 1 คัน รถบรรทุก 10 ล้อติดตั้งเครน จำนวน 1 คัน และรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงจำนวน 3 คัน กระจายกำลังปฏิบัติงานสูบระบายน้ำในพื้นที่ อ.ตะพานหิน และ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ซึ่งต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัยตามวงรอบ มีรายงนเกิดฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนหมู่ที่ 5 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร ประชาชนได้รับผลกระทบ 45 ครัวเรือน 167 คน ซึ่งศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี ได้สนับสนุนผ้าใบส่งน้ำ ขนาด 14 นิ้ว ความยาว 75 เมตร พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 1 ชุด ให้กับจังหวัดเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซล อัตราการสูบ 28,000 ลิตร/นาที เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี ด้วย
.
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและสนับสนุนการทำงานของจังหวัดในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของให้กับประชาชนอย่างเต็มกำลัง โดยหากประชาชนพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง “ไลน์ ปภ. รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อนผ่าน LINE ID @1784DDPM หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่