ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่สนามหลวง ตรวจความพร้อมอำนวยความสะดวกประชาชน
.
.
ผู้ว่าฯ กทม.ลงพื้นที่ท้องสนามหลวง ตรวจความพร้อมเส้นทางและการอำนวยความสะดวกประชาชนร่วมพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
.
เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 26 ต.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อตรวจความพร้อมและสำรวจเส้นทางโดยรอบพื้นที่ เตรียมอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมพิธีถวายน้ำสรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระบรมมหาราชวัง
.
การลงพื้นที่ครั้งนี้ มี นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม., นายณรงค์ เรืองศรี ปลัด กทม., นายไทวุฒิ ขันแก้ว และนายธนิต ตันบัวคลี่ รองปลัด กทม. รวมถึงนายโกศล สิงหนาท ผู้อำนวยการเขตพระนคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตพระนคร ร่วมลงพื้นที่และรายงานผลการเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
.
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม. มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักการจราจรและขนส่ง สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักเทศกิจ สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขตพระนคร บูรณาการดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ ดูแลความสะอาด ความปลอดภัย การจราจร และการให้บริการประชาชนให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
.
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กทม. กำชับให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมด้านสาธารณูปโภค การจัดตั้งจุดบริการประชาชน รวมถึงการจัดทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่กู้ชีพฉุกเฉินประจำพื้นที่ เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที กรุงเทพมหานครจะมุ่งมั่นดำเนินการอย่างเต็มกำลังในการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาร่วมรับเสด็จ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมพระเกียรติ และแสดงออกถึงความจงรักภักดีสูงสุดแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
.
.
“อันวาร์” กล่าวกลางเวทีอาเซียน ขอบคุณ “ไทย-กัมพูชา” ร่วมลงนามสันติภาพ
.
มาเลเซีย 26 ต.ค.- “นายกฯ อันวาร์” กล่าวกลางเวทีประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ขอบคุณ “ไทย - กัมพูชา” ที่จะลงนามสันติภาพ ประกาศรับ “ติมอร์-เลสเต” เป็นสมาชิกอาเซียนลำดับที่ 11 อย่างเป็นทางการ
.
การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และ การประชุมสุดยอดเกี่ยวข้อง อย่างเป็นทางการ เริ่มขึ้นแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการประชุม พร้อมกับ 9 ประเทศสมาชิกอาเซียน
.
โดย ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ อาเซียนยังคงยืนหยัด ความแข็งแกร่ง แม้ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่อยู่ที่ความเชื่อมั่นว่าความเคารพและความเชื่อมโยงเราเข้าด้วยกัน วันนี้ จะมีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา โดยโลกจะได้เห็นว่าความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ได้บรรลุขึ้นแล้ว ย้ำเตือนว่าการไกล่เกลี่ยระหว่างกัน ไม่ใช่การยินยอม แต่เป็นการกระทำที่กล้าหาญ และความสันติภาพนั้น จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของประเทศชาติ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้กล่าวขอบคุณ นายกรัฐมนตรีไทย และกัมพูชา
.
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมลงนามในปฏิญญาการเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเต ซึ่งถือเป็นประเทศสมาชิกอาเซียน ลำดับที่ 11 อย่างเป็นทางการ ด้วย.-319 -สำนักข่าวไทย
.
.
BAFS เตือน 'บาทแข็ง' ซ้ำเติมท่องเที่ยว จี้รัฐรีเซ็ตเศรษฐกิจ ฟื้น EEC
.
BAFS เตือนเศรษฐกิจไทย “เปราะบางเชิงโครงสร้าง” ทั้งด้านความสามารถในการแข่งขัน การท่องเที่ยวที่ชะลอตัว และภาพลักษณ์ประเทศที่ถดถอย แนะรัฐปฏิรูปเศรษฐกิจเชิงลึก ดึงดูดการลงทุนใหม่ ฟื้นความเชื่อมั่นในโครงการ EEC
.
• BAFS ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยมี “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ที่ฉุดรั้งศักยภาพ ทำให้ตามหลังเวียดนามที่กำลังเร่งพัฒนาและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้ดีกว่า
• เรียกร้องให้รัฐบาลนำโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) กลับมาเป็นยุทธศาสตร์ชาติอีกครั้ง เพื่อสร้างความต่อเนื่องของนโยบายและฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน
• ชี้ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นกว่า 7% เมื่อเทียบกับภูมิภาค ประกอบกับภาพลักษณ์ด้านความไม่ปลอดภัยและธุรกิจสีเทา เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งการท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน
• เสนอให้รัฐ "รีเซ็ต" เศรษฐกิจโดยเริ่มจากการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยาน เพื่อลดราคาตั๋วเครื่องบินในประเทศ และกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง
.
เศรษฐกิจไทยกำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่เปราะบางกว่าที่เห็นในตัวเลข GDP เรื่องนี้ ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS มองว่า “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” คือรากฐานที่ฉุดรั้งศักยภาพของประเทศ ขณะที่ภูมิภาคเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเวียดนาม กำลังเร่งสปีดขึ้นแท่น “แม่เหล็กใหม่” ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก
.
“วันนี้เราต้องยอมรับว่าเวียดนามไปเร็วมาก เขามีทั้งการพัฒนาทรัพยากรบุคคล การเชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยกับเอกชน และความชัดเจนในทิศทางเศรษฐกิจ เช่น กรณี Nvidia ที่เลือกเวียดนาม แสดงให้เห็นว่าเขาเตรียมพร้อมกว่าประเทศไทย”
.
ฟื้น “EEC” จุดยุทธศาสตร์การลงทุน
.
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานและภูมิรัฐศาสตร์ แต่สิ่งที่ขาดคือ “ความต่อเนื่องของนโยบาย” โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ถูกออกแบบให้เป็นฐานการลงทุนแห่งอนาคตของประเทศ
.
“EEC ต้องกลับมาอยู่บนโต๊ะยุทธศาสตร์ระดับชาติ เพราะถ้าเราปล่อยให้ภาพลักษณ์ของโครงการจางหายไป นักลงทุนต่างชาติจะยิ่งลังเล และไทยจะยิ่งเสียโอกาสในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค”
.
นอกจากนี้ หากรัฐบาลสามารถเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบินอู่ตะเภา และระบบเชื่อมต่อท่าเรือ–สนามบิน จะช่วยกระจายการลงทุนจากกรุงเทพฯ และสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ครบวงจร
.
ลดภาษีน้ำมันอากาศยาน–ฟื้นท่องเที่ยวเมืองรอง
.
ทั้งนี้ อีกหนึ่งประเด็นที่อยากเสนออย่างตรงไปตรงมา คือ การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยานในประเทศ ที่ปัจจุบันเก็บที่ 4.726 บาทต่อลิตร (คิดเป็น 23% ของราคาน้ำมัน) ซึ่งสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก เช่น เวียดนามเก็บเพียง 1.2 บาท การลดลงเหลือต่ำกว่า 2 บาท หรือ 1.40 บาท จะทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินภายในประเทศถูกลง จะช่วยลดต้นทุนสายการบินและราคาตั๋วโดยสารได้มาก
.
นอกจากนี้ จะกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศได้ถึง 5-6% ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คุ้มค่า เนื่องจากรายได้ที่สูญเสียจากภาษีสรรพสามิตจะถูกชดเชยด้วย ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีรายได้นิติบุคคล จากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยว
.
“ปัจจุบันต้นทุนเชื้อเพลิงคิดเป็นกว่า 30% ของต้นทุนสายการบิน การลดภาษีจะช่วยให้ตั๋วเครื่องบินในประเทศราคาถูกลง ประชาชนเดินทางมากขึ้น เมืองรองจะได้ประโยชน์โดยตรง”
ปัญหาภาพลักษณ์–ค่าเงินบาทแข็งฉุดซ้ำ
.
นอกจากต้นทุนเชื้อเพลิง ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ยังชี้ว่าค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นกว่า 7% เมื่อเทียบกับภูมิภาค รวมถึงปัญหาความไม่ปลอดภัยและธุรกิจสีเทาในสายตาชาวต่างชาติ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวที่เวียดนามโต 44% สวนทางกับไทยที่ลดลง 35% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าทั้งปีไทยอาจมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 7-9% จากปีก่อน
.
“ถ้าเราไม่เร่งจัดการปัญหาธุรกิจสีเทาอย่างจริงจัง ภาพลักษณ์ประเทศจะเสียหายยิ่งกว่าเศรษฐกิจ เพราะความรู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นสิ่งที่ยากจะฟื้น จึงอยากเสนอให้รัฐสร้างกลไกประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีน"
.
ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนทางการเมือง มุมมองของ BAFS สะท้อนภาพ “โครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่ต้องการรีเซ็ต” อย่างเร่งด่วน
.
การลดภาษีน้ำมันอากาศยานอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมใหญ่ในภาคท่องเที่ยวและภูมิภาค ขณะที่การรื้อฟื้น EEC และสร้างความต่อเนื่องของนโยบายระยะยาว จะเป็นกุญแจสำคัญในการพาประเทศกลับสู่เส้นทางการเติบโตอย่างยั่งยืน
JJNY : ผู้ว่าฯ กทม. ตรวจความพร้อม│“อันวาร์” ขอบคุณ “ไทย-กัมพูชา”│BAFS เตือน 'บาทแข็ง'│ผู้นำญี่ปุ่นร่วมถวายความอาลัย
.
.