ทลายโกดังพัสดุเถื่อน ลวงส่งของเก็บเงินปลายทาง พบฐานข้อมูลส่วนบุคคลนับหมื่นรายชื่อ
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568
นำกำลังหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ ตรวจค้นเป้าหมายและโกดังแพ็กพัสดุ โกดังขนถ่ายพัสดุภัณฑ์ 3 แห่งในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
เข้าจับกุม
📌นายรัศมิ์ธศิลป์ ไชยเสนา อายุ 19 ปี
📌น.ส.รัชฎาภรณ์ มีศิริ อายุ 25 ปี
📌นายชัยวัฒน์ หย่ารัมย์ อายุ 33 ปี
พร้อมตรวจยึด
📍คอมพิวเตอร์ 26 เครื่อง
📍สมุดบัญชีธนาคาร 57 เล่ม
📍รถยนต์กระบะทึบ 3 คัน
📍โทรศัพท์ 10 เครื่อง
📍แท็บเล็ต 3 เครื่อง
📍ไอแพด 1 เครื่อง
📍เครื่องพิมพ์ลาเบล 1 เครื่อง
📍เครื่องบรรจุแพ็กพัสดุ อัตโนมัติ 2 เครื่อง
📍กล่องพัสดุจำนวนมาก
รวมทั้งอายัดพัสดุ สินค้า เพื่อเป็นพยานหลักฐานเชื่อมโยงในการกระทำผิด
สืบเนื่องจาก ตำรวจชุดสืบสวน กก.2 บก.สอท.2 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายราย มีการโพสต์เตือนภัย จากการรับพัสดุที่ตนเองไม่ได้สั่งซื้อ และมีการเก็บเงิน จากผู้รับพัสดุปลายทาง (COD) ประมาณ 200-300 บาท
โดยกลุ่มคนร้ายได้ส่งสินค้าคุณภาพต่ำ เช่น เสื้อเก่า, ก้อนฆ่าเชื้อในชักโครกสีฟ้า, ทิชชู่เปียก, น้ำยาล้างห้องน้ำ มาในกล่องพัสดุ ทำให้ได้รับความเสียหาย และความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง
จึงทำการสืบสวน พบข้อมูลความเชื่อมโยงว่ามีขบวนการส่งสินค้าโดยที่ประชาชนไม่ได้มีการสั่งซื้อถูกจัดส่งมาจากโกดัง 2 แห่ง และบ้านที่พักอาศัย ในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
โดยพบว่าตั้งแต่วันที่ 1-16 ก.ย.68 มีการส่งพัสดุไปให้กับประชาชนทั่วไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย จำนวนประมาณ 22,500 ชิ้น
ซึ่งพัสดุทุกชิ้นจะเป็นการจัดส่งในรูปแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง และระบุราคาที่ต้องชำระเฉลี่ยชิ้นละ 200-300 บาท
โดยในช่วงระยะเวลา 15 วัน
เฉลี่ยยอดส่งพัสดุ 1,500-2,000 ชิ้นต่อวัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,500,000 บาท
อีกทั้งมีการเปิดเพจหลอกขายสินค้าส่งสินค้า ไม่ตรงปก ส่งสินค้าคุณภาพต่ำไปให้ผู้ซื้อสินค้าจากเพจหลายราย มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก และสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล
จึงรวบรวมพยานหลักฐานผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิด เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดทั้ง 3 ราย ก่อนเข้าตรวจค้นและจับกุม
นอกจากนี้สามารถติดตามจับกุมผู้ที่มีส่วนรู้เห็นร่วมกระทำผิด อาทิ ผู้เช่าโกดัง ทำหน้าที่แพ็กสินค้า จัดส่งสินค้า และอื่นๆ อีก 12 ราย รวมทั้งหมด 15 ราย
เบื้องต้นสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพทำมานาน 1 ปี ตรวจสอบพบว่ามีฐานข้อมูลที่อยู่บุคคลนับหมื่นรายชื่อ
โดยตำรวจดำเนินคดีในความผิดฐาน ”ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน“
ที่มา : ไทยรัฐ
ทลายโกดังพัสดุเถื่อน เก็บเงินปลายทาง
ทลายโกดังพัสดุเถื่อน ลวงส่งของเก็บเงินปลายทาง พบฐานข้อมูลส่วนบุคคลนับหมื่นรายชื่อ
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568
นำกำลังหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ ตรวจค้นเป้าหมายและโกดังแพ็กพัสดุ โกดังขนถ่ายพัสดุภัณฑ์ 3 แห่งในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
เข้าจับกุม
📌นายรัศมิ์ธศิลป์ ไชยเสนา อายุ 19 ปี
📌น.ส.รัชฎาภรณ์ มีศิริ อายุ 25 ปี
📌นายชัยวัฒน์ หย่ารัมย์ อายุ 33 ปี
พร้อมตรวจยึด
📍คอมพิวเตอร์ 26 เครื่อง
📍สมุดบัญชีธนาคาร 57 เล่ม
📍รถยนต์กระบะทึบ 3 คัน
📍โทรศัพท์ 10 เครื่อง
📍แท็บเล็ต 3 เครื่อง
📍ไอแพด 1 เครื่อง
📍เครื่องพิมพ์ลาเบล 1 เครื่อง
📍เครื่องบรรจุแพ็กพัสดุ อัตโนมัติ 2 เครื่อง
📍กล่องพัสดุจำนวนมาก
รวมทั้งอายัดพัสดุ สินค้า เพื่อเป็นพยานหลักฐานเชื่อมโยงในการกระทำผิด
สืบเนื่องจาก ตำรวจชุดสืบสวน กก.2 บก.สอท.2 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายราย มีการโพสต์เตือนภัย จากการรับพัสดุที่ตนเองไม่ได้สั่งซื้อ และมีการเก็บเงิน จากผู้รับพัสดุปลายทาง (COD) ประมาณ 200-300 บาท
โดยกลุ่มคนร้ายได้ส่งสินค้าคุณภาพต่ำ เช่น เสื้อเก่า, ก้อนฆ่าเชื้อในชักโครกสีฟ้า, ทิชชู่เปียก, น้ำยาล้างห้องน้ำ มาในกล่องพัสดุ ทำให้ได้รับความเสียหาย และความเดือดร้อนแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง
จึงทำการสืบสวน พบข้อมูลความเชื่อมโยงว่ามีขบวนการส่งสินค้าโดยที่ประชาชนไม่ได้มีการสั่งซื้อถูกจัดส่งมาจากโกดัง 2 แห่ง และบ้านที่พักอาศัย ในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
โดยพบว่าตั้งแต่วันที่ 1-16 ก.ย.68 มีการส่งพัสดุไปให้กับประชาชนทั่วไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย จำนวนประมาณ 22,500 ชิ้น
ซึ่งพัสดุทุกชิ้นจะเป็นการจัดส่งในรูปแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง และระบุราคาที่ต้องชำระเฉลี่ยชิ้นละ 200-300 บาท
โดยในช่วงระยะเวลา 15 วัน เฉลี่ยยอดส่งพัสดุ 1,500-2,000 ชิ้นต่อวัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,500,000 บาท
อีกทั้งมีการเปิดเพจหลอกขายสินค้าส่งสินค้า ไม่ตรงปก ส่งสินค้าคุณภาพต่ำไปให้ผู้ซื้อสินค้าจากเพจหลายราย มีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก และสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาล
จึงรวบรวมพยานหลักฐานผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิด เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดทั้ง 3 ราย ก่อนเข้าตรวจค้นและจับกุม
นอกจากนี้สามารถติดตามจับกุมผู้ที่มีส่วนรู้เห็นร่วมกระทำผิด อาทิ ผู้เช่าโกดัง ทำหน้าที่แพ็กสินค้า จัดส่งสินค้า และอื่นๆ อีก 12 ราย รวมทั้งหมด 15 ราย
เบื้องต้นสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพทำมานาน 1 ปี ตรวจสอบพบว่ามีฐานข้อมูลที่อยู่บุคคลนับหมื่นรายชื่อ
โดยตำรวจดำเนินคดีในความผิดฐาน ”ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน“
ที่มา : ไทยรัฐ