มิติย้อนรอย: จุมจัง 2537
1: แสงวาบจากโลกอนาคต
ปีพุทธศักราช 2568, เปา อลงกรณ์ วัย 25 ปี นักศึกษาปริญญาโทด้านเทคโนโลยีดิจิทัล กำลังนั่งอยู่ในห้องแล็บที่สลัวของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่สะท้อนแสงสีฟ้าสว่างจ้าบนใบหน้าของเขา
“อีกนิดเดียว... โครงการ ‘ไทม์แคปซูลข้อมูล’ ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว” เปาพึมพำกับตัวเอง เหงื่อผุดที่ขมับภายใต้ความตึงเครียด โครงการของเขาคือการทดลองส่งข้อมูลดิจิทัลย้อนเวลากลับไปในอดีต โดยใช้สนามพลังงานควอนตัมที่เขาพัฒนาขึ้น
จู่ๆ... เครื่องมือทั้งหมดก็ส่งเสียงหวีดแหลมรุนแรง แสงสีฟ้าอ่อนที่ล้อมรอบตัวเก็บประจุพลังงานก็เปลี่ยนเป็นสีขาวจ้าจนบาดตา เปารู้สึกเหมือนถูกแรงดึงดูดมหาศาลฉุดกระชาก ร่างกายของเขาลอยขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถูกกลืนหายไปในแสงสว่างนั้น พร้อมกับเสียงระเบิดที่ไม่ดังมากนักแต่ทำให้หูอื้อ
...
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เปารู้สึกเหมือนร่างกายถูกทุบตีด้วยของแข็งทั้งตัว กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า และกลิ่นอับชื้นของอากาศยามเช้าโชยเข้าจมูก เขาไม่ใช่ในห้องแล็บที่เย็นเฉียบอีกแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมอง ท้องฟ้าเหนือหัวเป็นสีครามสดใส แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าส่องลอดกิ่งไม้ใหญ่ เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่ข้างทางลูกรังสายหนึ่ง ข้างๆ มีกระเป๋าเป้ใบเก่าที่เขาใช้ใส่โน้ตบุ๊กและอุปกรณ์วิจัยตกอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?” เปาสับสน มือควานหาโทรศัพท์มือถือ แต่ก็พบเพียงซากเศษแก้วและแผงวงจรที่พังยับเยิน
เขาลุกขึ้นยืน มองสำรวจรอบตัว สองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจีกว้างไกล มีกระท่อมเล็กๆ ปลูกห่างๆ กัน ถนนเป็นดินแดงขรุขระ ไม่มีการลาดยาง ไม่มีเสาไฟฟ้าแรงสูงที่คุ้นตา มีแต่เสาไม้ต้นเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะติดตั้งสายโทรศัพท์
เขาเห็นป้ายบอกทางทำจากไม้เก่าๆ สลักด้วยสีแดงจางๆ ว่า: “หมู่บ้านจุมจัง”
เปาหน้าซีดเผือด “จุมจัง?
เขานั่งลงกอดเข่า แล้วเหลือบไปเห็นป้ายไม้เล็กๆ อีกอันที่เสียบไว้ตรงพื้นดินใกล้เสาหลัก “บ้านจุมจัง หมู่ที่ 11 ตำบลอุ่มเม่า อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด”
เขาหยิบเศษซากโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง จอที่แตกละเอียดสะท้อนภาพใบหน้าตัวเองที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง และเมื่อเหลือบไปเห็นเศษปฏิทินเปียกน้ำที่หลุดร่วงจากกระเป๋าข้างใน...
“วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2537”
“ปี... 2537! บ้าไปแล้ว! ฉันย้อนกลับมาเกือบ 31 ปีเลยเหรอเนี่ย!?”
นิยาย
1: แสงวาบจากโลกอนาคต
ปีพุทธศักราช 2568, เปา อลงกรณ์ วัย 25 ปี นักศึกษาปริญญาโทด้านเทคโนโลยีดิจิทัล กำลังนั่งอยู่ในห้องแล็บที่สลัวของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ หน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่สะท้อนแสงสีฟ้าสว่างจ้าบนใบหน้าของเขา
“อีกนิดเดียว... โครงการ ‘ไทม์แคปซูลข้อมูล’ ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว” เปาพึมพำกับตัวเอง เหงื่อผุดที่ขมับภายใต้ความตึงเครียด โครงการของเขาคือการทดลองส่งข้อมูลดิจิทัลย้อนเวลากลับไปในอดีต โดยใช้สนามพลังงานควอนตัมที่เขาพัฒนาขึ้น
จู่ๆ... เครื่องมือทั้งหมดก็ส่งเสียงหวีดแหลมรุนแรง แสงสีฟ้าอ่อนที่ล้อมรอบตัวเก็บประจุพลังงานก็เปลี่ยนเป็นสีขาวจ้าจนบาดตา เปารู้สึกเหมือนถูกแรงดึงดูดมหาศาลฉุดกระชาก ร่างกายของเขาลอยขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถูกกลืนหายไปในแสงสว่างนั้น พร้อมกับเสียงระเบิดที่ไม่ดังมากนักแต่ทำให้หูอื้อ
...
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เปารู้สึกเหมือนร่างกายถูกทุบตีด้วยของแข็งทั้งตัว กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า และกลิ่นอับชื้นของอากาศยามเช้าโชยเข้าจมูก เขาไม่ใช่ในห้องแล็บที่เย็นเฉียบอีกแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นมอง ท้องฟ้าเหนือหัวเป็นสีครามสดใส แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าส่องลอดกิ่งไม้ใหญ่ เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่ข้างทางลูกรังสายหนึ่ง ข้างๆ มีกระเป๋าเป้ใบเก่าที่เขาใช้ใส่โน้ตบุ๊กและอุปกรณ์วิจัยตกอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?” เปาสับสน มือควานหาโทรศัพท์มือถือ แต่ก็พบเพียงซากเศษแก้วและแผงวงจรที่พังยับเยิน
เขาลุกขึ้นยืน มองสำรวจรอบตัว สองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจีกว้างไกล มีกระท่อมเล็กๆ ปลูกห่างๆ กัน ถนนเป็นดินแดงขรุขระ ไม่มีการลาดยาง ไม่มีเสาไฟฟ้าแรงสูงที่คุ้นตา มีแต่เสาไม้ต้นเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะติดตั้งสายโทรศัพท์
เขาเห็นป้ายบอกทางทำจากไม้เก่าๆ สลักด้วยสีแดงจางๆ ว่า: “หมู่บ้านจุมจัง”
เปาหน้าซีดเผือด “จุมจัง?
เขานั่งลงกอดเข่า แล้วเหลือบไปเห็นป้ายไม้เล็กๆ อีกอันที่เสียบไว้ตรงพื้นดินใกล้เสาหลัก “บ้านจุมจัง หมู่ที่ 11 ตำบลอุ่มเม่า อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด”
เขาหยิบเศษซากโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง จอที่แตกละเอียดสะท้อนภาพใบหน้าตัวเองที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง และเมื่อเหลือบไปเห็นเศษปฏิทินเปียกน้ำที่หลุดร่วงจากกระเป๋าข้างใน...
“วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2537”
“ปี... 2537! บ้าไปแล้ว! ฉันย้อนกลับมาเกือบ 31 ปีเลยเหรอเนี่ย!?”