สมาชิกหลายท่านอ่านหัวข้อแล้วอาจจะสงสัยนะครับ
มันก็เลือกได้อยุ่แล้วนี่ แต่ในความหมายของผมคือถ้ารถยนต์ทุกรุ่นบนโลกนี้ ถ้าสามารถเลือกเครื่องยนต์จะให้เป็นเบนซินหรือดีเซลก็ได้ เพื่อนๆ จะเลือกแบบไหน เพราะอะไรครับ ?
แล้ววันนี้ผมก็มีเรื่อง
รถยนต์ 1 รุ่น ทำไมบางค่ายถึงทำออกมาทั้งเบนซินและดีเซล มันมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง มาฝากกันครับ แล้วก็มีตังอย่างของรุ่นรถยนต์ที่ทำออกมาทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล มาให้ดูด้วยครับ
ความแตกต่างหลักๆ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องพละกำลังและความประหยัด
ถ้าเรามองหาสมรรถนะ จะพบว่าเครื่องยนต์ทั้งสองประเภทเน้นจุดแข็งที่ต่างกัน:
- เบนซิน เน้นการสร้าง แรงม้า (Horsepower) สูงสุดเป็นหลัก เครื่องยนต์เบนซินสามารถทำรอบเครื่องยนต์ (RPM) ได้สูงกว่ามาก ทำให้รถมีอัตราเร่งที่หวือหวาและต่อเนื่อง เหมาะกับการขับขี่ที่ต้องการความกระฉับกระเฉงหรือการใช้ความเร็วสูง
- ดีเซล เน้นการสร้าง แรงบิด (Torque) สูงสุดเป็นหลัก แรงบิดนี้คือแรงบิดมหาศาลที่ช่วยในการฉุดลาก ทำให้รถดีเซลมีแรงดึงที่หนักแน่นตั้งแต่ออกตัว หรือแม้แต่ในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำมาก ๆ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานบรรทุกหนัก การลากจูง หรือการขับขึ้นทางชันที่ต้องการกำลังฉุดลากอย่างต่อเนื่อง
นอกจากเรื่องของกำลังแล้ว คุณสมบัติอื่น ๆ ก็มีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค:
- ความนุ่มนวลและเสียงรบกวน: โดยพื้นฐานแล้ว เครื่องยนต์เบนซินจะมี ความเงียบกว่า และ สั่นสะเทือนน้อยกว่า ให้ความรู้สึกนุ่มนวลในการขับขี่ที่เหนือกว่าดีเซลอย่างชัดเจน ทำให้เป็นที่นิยมในรถยนต์นั่งที่เน้นความสบาย
- ประสิทธิภาพเชื้อเพลิง: เครื่องยนต์ดีเซลมีประสิทธิภาพทางความร้อนที่สูงกว่าในการเปลี่ยนพลังงานไปเป็นแรงขับ ทำให้โดยรวมแล้ว ประหยัดน้ำมันกว่า อย่างชัดเจน สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่าเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่เติมเข้าไป
- ต้นทุนบำรุงรักษา: เครื่องยนต์เบนซินมักจะมีโครงสร้างที่เรียบง่ายกว่า (เช่น แรงอัดต่ำกว่า) ทำให้ต้นทุนการบำรุงรักษาพื้นฐานค่อนข้างต่ำ ในขณะที่ดีเซลซึ่งต้องทนต่อแรงอัดสูงและมีระบบที่ซับซ้อนกว่าเพื่อควบคุมมลพิษ อาจมีต้นทุนในการซ่อมบำรุงบางรายการที่สูงกว่าเบนซิน
เริ่มที่ TOYOTA
Toyota Land Cruiser (น่าจะเฉพาะตัวที่เป็น 250 นะครับ)
Toyota Fortuner
Toyota Hilux
ดีเซล: เครื่องยนต์ตระกูล GD (เช่น 2.4L, 2.8L)
เบนซิน: เครื่องยนต์ตระกูล TR (เช่น 2.7L) และเครื่องยนต์ V6 (เช่น 4.0L ในตลาดบางประเทศ)
ต่อด้วย Ford
Ford Ranger
Ford Everest
ดีเซล: เครื่องยนต์ EcoBlue (เช่น 2.0L Bi-Turbo หรือ 3.0L V6)
เบนซิน: เครื่องยนต์ EcoBoost ในบางรุ่น/บางตลาด
Chevrolet
Chevrolet Colorado
Chevrolet Trailblazer
หมายเหตุสำหรับ Chevrolet ก็คือ
ดีเซล: เครื่องยนต์ Duramax
เบนซิน: เครื่องยนต์ Ecotec
Mitsubishi
Mitsubishi Triton
Mitsubishi Pajero Sport
หมายเหตุสำหรับ Mitsubishi ก็คือ
ดีเซล: เครื่องยนต์ MIVEC
เบนซิน: เครื่องยนต์เบนซิน 2.4L หรือ 3.0L V6 ในบางตลาด
เบนซิน (Petrol/Gasoline): ตระกูลเครื่องยนต์ 'i' (เช่น 330i, X5 xDrive40i)
ดีเซล (Diesel): ตระกูลเครื่องยนต์ 'd' (เช่น 320d, X3 xDrive20d)
เบนซิน: ตระกูลเครื่องยนต์ 'C' (เช่น C 200)
ดีเซล: ตระกูลเครื่องยนต์ 'd' (เช่น C 220d, GLC 220d)
เบนซิน: ตระกูลเครื่องยนต์ TFSI
ดีเซล: ตระกูลเครื่องยนต์ TDI
มักจะเสนอเครื่องยนต์ Ingenium ทั้งแบบเบนซิน (P) และดีเซล (D) ควบคู่กัน
เบนซิน: SKYACTIV-G
ดีเซล: SKYACTIV-D
นอกเหนือจากรุ่นรถยนต์ที่ยกตัวอย่างมา มีใครนึกรุ่นอื่นๆ ออก หรืออยากให้รุ่นนั้นๆ มีเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลเพิ่มขึ้นมา ก็คอมเม้นมาคุยกันได้นะครับ ส่วนตัวผมเอง อยากได้ TOYOTA Land Cruiser FJ ที่เป็นดีเซลน่ะฮะ อยากได้เป็นขนเพื่อนไปแคมปิ้งครับ 5555
เครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล ถ้าเลือกได้ คุณจะเลือกอะไรดี
แล้ววันนี้ผมก็มีเรื่อง รถยนต์ 1 รุ่น ทำไมบางค่ายถึงทำออกมาทั้งเบนซินและดีเซล มันมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง มาฝากกันครับ แล้วก็มีตังอย่างของรุ่นรถยนต์ที่ทำออกมาทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล มาให้ดูด้วยครับ
เบนซิน: เครื่องยนต์ EcoBoost ในบางรุ่น/บางตลาด
ดีเซล: เครื่องยนต์ Duramax
เบนซิน: เครื่องยนต์ Ecotec
หมายเหตุสำหรับ Mitsubishi ก็คือ
ดีเซล: เครื่องยนต์ MIVEC
เบนซิน: เครื่องยนต์เบนซิน 2.4L หรือ 3.0L V6 ในบางตลาด