เราและสามีทำงานประจำอยู่คนละจังหวัด ส่วนลูกอยู่กับยายอีกจังหวัด เรากลับทุกเสาร์-อาทิตย์ สามีพักกลับบ้านเดือนละ 10 วัน เราคบกันตั้งแต่สมัยเรียน จนตอนนี้แต่งงานกันมาเกือบๆ 3 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุ 1 ขวบ 2 เดือน ชีวิตก่อนมีลูกเรามีความสุขด้วยกันดีมาก ไม่ใช่ว่าเพราะลูกนะคะ เพราะเราสองคนนี่แหละค่ะ มีทะเลาะกันบ้างเวลาทะเลาะกันก็จะเป็นเรื่องเล็กๆ แบบไม่สนใจกันบ้าง นอยกันไปมา แต่สามีจะเป็นคนที่เงียบ หาย ไม่มีการง้อใดๆทั้งสิ้น เราก็เงียบ ต่างคนต่างเงียบ จนหายนอยหายโกรธ เราจะเป็นคนไปคุยก่อน หรือมีธุระอะไรเขาก็มาคุยแล้วก็ดีกัน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ด้วยความที่ไม่มีเรื่องผู้หญิงและเขาเป็นคนรักครอบครัวเขามาก เราเลยคิดว่าเขารักเรา ถ้ามีครอบครัวด้วยกันเขาก็คงจะรักและมันจะดีมากๆแน่ๆ
ไม่รู้จุดเริ่มต้นความเปลี่ยนแปลงคืออะไร และเป็นตอนไหน จนรู้ตัวอีกทีตอนนี้คือไม่มีความสุขแล้ว
หลังแต่งงานเรามีความสุขด้วยกันดีและจำได้ดีเลยค่ะวันที่คลอดแม่เราต้องเลี้ยงลูกของพี่สาวสองคนซึ่งยังเล็ก แม่สามีต้องดูแลพ่อสามีที่ป่วยติดเตียง เราไปคลอดกันสองคน เราอยู่ห้องพิเศษ เขาเฝ้าเรา ดูแลเราดูแลลูก ทำทุกอย่างได้ดีมากๆ เลี้ยงลูกกันสองคนจนออกจากโรงพยาบาล ก็กลับบ้านกันสามคนพ่อแม่ลูก กลับมาอยู่บ้านเรา ซึ่งมี พ่อ แม่เรา หลาน 2 คน ทุกอย่างก็ดีมาเรื่อยๆ เขาช่วยเราเลี้ยงลูก ซักผ้า หาทำเมนูเสริมน้ำนม จนมาระยะหลังๆ เราทะเลาะกันบ่อยมาก เรื่องความไม่เข้าใจ การเอาใจใส่ เหมือนเขาก็มองว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ภรรยาให้กับเขา ส่วนเราก็มองว่าเขาไม่ทำเคยซัพพอร์ตทางจิตใจเราและทำร้ายจิตใจเรามาตลอด เขาเป็นคนมีความต้องการค่อนข้างสูง เริ่มจากเรื่องบนเตียงที่น่าจะมีส่วน เนื่องจากเราคลอดธรรมชาติ มันเจ็บและกว่าแผลจะหายและกล้ายอมมีก็ตอนสองเดือนกว่าๆ ซึ่งหลังคลอดประมาณสองเดือนเขาก็ขอมาตลอด และค่อยๆมีถี่ขึ้นเวลาเขาพักกลับบ้าน แต่ทุกครั้งเขาจะเป็นคนเริ่มก่อนเสมอ จนถึงตอนนี้ บางครั้งเราเหมือนเหนื่อย ไม่อยากมี แต่ก็มีเพื่อให้เขาได้สบายใจ เรากลับเสาร์-อาทิตย์ เรื่องกับข้าวงานบ้านทางแม่เราจะเป็นคนทำ ส่วนเราทันหุงข้าวก็หุง ทันล้างจานก็ล้าง กวาดขยะเวลาลูกหลับ้าง เลี้ยงลูกเอง 24 ชม. นมแม่ล้วน เข้าเต้าตลอดเวลาอยู่ด้วย แรกคลอดนะคะแค่ได้ออกไปตลาดนี้คือโล่งมาก จำได้ว่าช่วง2เดือนแรก ได้ออกไปเซเว่นนี้น้ำตาไหล เราต้องอยู่กับลูกตลอดส่วนเขาก็ดูแลลูกนะคะ เล่นกับลูก อุ้มลูก พาเดินเล่นแต่นึกจะออกไปไหนก็ได้ไป ตอนค่ำๆเขาจะนั่งเล่นโทรศัพท์ นั่งกินเบียร์ชิวๆหน้าบ้านช่วงค่ำๆ ซึ่งเราต้องพาลูกนอน กว่าลูกจะนอน บางครั้งปวดฉี่ก็ต้องรีบวิ่งไป หิวก็ต้องรอลูกหลับ เคยเตือนแล้วแรกๆ ก็ดีขึ้นได้พักนึง และเขาก็ทำร้ายจิตใจเราอยู่เรื่อยๆ ส่วนแม่สามีไม่เคยรับขวัญหลานแม้แต่สตางค์แดงเดียว ของ ชุดหลานไม่เคยมี มาดูหลานแต่ละครั้งไม่เคยมีอะไรติดไม้ติดมือมาเลย หลังคลอดส้มสักกิโลไม่เคยได้กิน เข้าใจโมเม้น เขาอยู่ในตลาด ส่วนเราอยู่ห่างไกลมั้ยค่ะ แล้วช่วงคลอดใหม่ๆอยากกินนุ้นนี้นั้น เคยน้อยใจนะว่าทำไมไม่มีแม้แต่อะไรติดไม้ติดมือมาสักนิดเลย หรือเขาไม่ชอบอะไรเราคะ และจนถึงทุกวันนี้หลานขวบกว่าก็ไม่เคยมีอะไรให้หลาน หรืออะไรมาฝากเราเลยค่ะ ทั้งๆที่เวลาเราไปเราก็ซื้อของฝากไปทุกครั้ง เทศกาลไปก็มีของไปไม่เคยขาดมือ ควรรู้สึกยังไงดีคะ และมีเรื่องนึงจำได้ดีมากๆคือ ตอนพ่อเขาเสีย เราซัพพอร์ตเขาทุกอย่าง ตั้งแต่ไปซื้อกับข้าวเตรียมกับข้าวให้เพื่อนๆหัวหน้าที่ทำงานเขาในวันที่ยังไม่เริ่มงาน บ้านเขาเชื่อว่าจะไม่เปิดครัวถ้ายังไม่เริ่มงาน นี่สู้ขาดใจ ยังไงก็ต้องทำเพราะเจ้านายเพื่อนๆเขามาไกลมาก จะให้ไปแวะกินข้าวข้างทางคงไม่เหมาะ เขายอม เราไปช่วยกันหาซื้อกับข้าวกันสองคน ช่วยเตรียมหลายๆอย่าง ที่ทำงานเราก็มาเป็นเจ้าภาพสวดกันเยอะ ฝากซองมาก็เยอะ เราช่วยเตรียมช่วยดูทุกอย่างเนื่องจากแม่สามีไม่ค่อยทราบอะไรมาก น้องๆเขายังไม่เป็นงาน เสร็จวันงานเขาให้เราเอาตังค์ซองงานมาช่วยนับให้ เพราะเราเป็นคนถือตังค์ เรานั่งนับกับแม่และน้องเราจนตี2 เขานอนกรนอยู่บนเตียง เข้าใจว่าเหนื่อยล้า พอเสร็จงานวันเผาศพ เราแทบจะเป็นลม เหนื่อย สั่นไปหมด เราจัดแจงเคลียร์ค่าใช้จ่ายทุกอย่างหมด ส่วนที่เหลือก็เยอะพอสมควรเราก็ให้เขาไปทั้งหมดไปเคลียร์กันเองแม่ลูก แต่เนื่องจากมีการโอนเงินจากบช.เราไปด้วยแล้วเราจำยอดคงเหลือตอนนั้นไม่ได้ คิดว่าจะทำยังไงโอนเข้าออกไปเท่าไหร่ จนเขาคิดได้ว่าโอนหักล้างกันยังไงสักอย่างนี่แหละและพูดต่อว่า “เธอสับสนอะไรเธออยากได้เงินนี้ด้วยใช่มั้ย“ นาทีนั้นเหมือนโดนตบอย่างแรง ชาไปหมด ที่ทำมา ที่หวังดี ดีช่วยเหลือ ที่ทุ่มเทเพื่อเขาไปทั้งหมดคืออะไร จากเหตุการณ์นี้เราก็ห่างกันอยู่พักนึง แล้วเขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและค่อยๆทำดี จนกลับมาดีกันเหมือนเดิม ณ ตอนนั้นคิดว่าไม่ใช่แล้ว เราจะอยู่กับคนที่มองเราแบบนี้ได้ยังไง เห็นเราเป็นคนยังไง ต่อมาก็ทะเลาะกันมาเรื่อยๆค่ะ จนตอนนี้ก็ทะเลาะกัน เราบอกว่าเราไม่มีความสุข เขาจะสวนกลับทันทีว่าเขาก็เหมือนกัน พอเราบอกเราทำอะไรให้หรอถึงเป็นแบบนี้ เขาบอกว่าเขาทำอะไรก็ผิดไปหมด เขาทำอะไรไม่เคยดีในสายตาเรา เราเป็นคนว่าเขาบ่อยจริงค่ะ เวลาขัดใจเวลาเขาทำอะไรแบบไม่เหมาะสม เช่น ญาติเรามาอยู่กันหลังบ้านเต็มเลย เขาจะอุ้มลูกไปอยู่หน้าบ้าน เราก็ถามว่าทำไม หรือเขานั่งเล่นโทรศัพท์ เรา พี่เขย แม่ ป้าคุยกันเรื่องทั่วๆไปเขาไม่สนใจเลย ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาพูด ขนาดพี่เขยถามเขายังไม่สนใจ เราก็ว่าไปว่าอยู่คนละโลกกันหรอ เขาก็โมโห ว่ากูทำอะไรก็ผิดหมด หรือพ่อคุยกับตาเรื่องปั่นจักรยาน ซ่อมจักรยาน แล้วเขาก็นั่งอยู่ตรงกลาง พ่อคุยว่าคันที่ลูก…ปั่นอยู่ลูกปลายแตกอยู่ด้วย น่าจะต้องซ่อม แล้วหันไปที่ลูกเขย ก็เงียบไม่มีการพูดคุยอะไร หรือเออ ออ อะไรทั้งสิ้น เราก็จะว่าเขาตลอดจริงค่ะ อารมณ์เหมือนมีลูกอีกคนที่ต้องคอยสอน ไม่อยากให้คนอื่นมาว่า ไม่อยากให้คนอื่นมองเขาไม่ดี ทำอะไรไม่เหมาสม ควรไม่ควร แต่ไม่ว่าไม่ได้จริงๆค่ะ รถจักรยานทั้งๆที่ตัวเองปั่นของพ่ออยู่ เคยพาไปยางแบน บอกให้ซื้อยางข้างในมาสำรองไว้บ้าง ซื้อมาคืนพ่อบ้าง ก็ไม่ เวลาอยู่บ้านเราอยู่ไหนเขาจะอยู่อีกที เหมือนว่ามีเราจะไม่มีเขาประมาณนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะหรือยังไงไม่รู้เหมือนกัน ล่าสุดเราทำลูกพลัดตก ลูกนั่งอึใส่แพมเพิสอยู่ข้างล่างเตียง เรานั่งดูอยู่ห่างๆ ลูกพลัดกลิ้งบนพื้นดีที่เป็นพื้นกระเบื้องยาง เขายืนชมวิวริมหน้าต่างอยู่หันกลับมาพร้อมยกมือจะตบและตะคอกใส่เราดังมากว่า “กูตบคว่ำกุว่า ดูลูกเปรตพรือ“ นี่รีบโดดไปอุ้มลูกพร้อมกับน้ำตาที่จุกไปหมด ทำไมไม่ช่วยดูละตอนนั้น ทำไมต้องว่า เราก็ห่วงลูก ไม่อยากให้เกิด ระหว่างนั่งรถเลยถามว่าทำไมทำกับเราแบบนี้ เขาไม่พูดอะไร เราบอกเราไม่ขอทนอยู่นะถ้าเป็นแบบนี้ เราไปหย่ากันเลยมั้ย เขาบอกได้ เขาก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน เบื่อ เหนื่อย ล่าสุดไปไหนมาไหนไม่ค่อยบอก อยากจะไปก็ไป บอกไปบ้านแม่ แต่ก็ไม่ได้ไป กลับไปทำงานช้ากว่าเวลาที่ควรจะถึงที่ทำงานชั่วโมงครึ่ง ทุกอย่างมันแย่ไปหมด พอเราเริ่มพูดมากเขาก็บอกว่าทุกอย่างเป็นเพราะเรา เพราะเขาไม่เคยถูกในสายตาเราอยู่แล้ว รำคาญ คือเอาจริงๆเราไม่อยากให้ครอบครัวพัง ไม่อยากให้พ่อแม่เราเสียใจ ไม่อยากให้ลูกขาดพ่อ และไม่เคยเล่าเรื่องทั้งนี้ให้ใครฟังเลย ได้แต่เก็บเอาไว้คนเดียว เครียด นอนไม่หลับ คิดมากทุกวัน เดิมเขาก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ ทุกอย่างมาถึงจุดนี้ได้ยังไง เขาเป็นพ่อที่ดีของลูกมากๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นสาทีที่ดีของเราเลย เหมือนจะเอาแค่ลูก อยู่ไปก็ยากที่จะมีความสุข คุยกันดีๆไม่ได้เลยค่ะ ทำยังไงดีค่ะ
ควรไปต่อหรือพอแค่นี้ ชีวิตหลังมีลูกที่ไม่ได้เป็นดั่งหวัง
ไม่รู้จุดเริ่มต้นความเปลี่ยนแปลงคืออะไร และเป็นตอนไหน จนรู้ตัวอีกทีตอนนี้คือไม่มีความสุขแล้ว
หลังแต่งงานเรามีความสุขด้วยกันดีและจำได้ดีเลยค่ะวันที่คลอดแม่เราต้องเลี้ยงลูกของพี่สาวสองคนซึ่งยังเล็ก แม่สามีต้องดูแลพ่อสามีที่ป่วยติดเตียง เราไปคลอดกันสองคน เราอยู่ห้องพิเศษ เขาเฝ้าเรา ดูแลเราดูแลลูก ทำทุกอย่างได้ดีมากๆ เลี้ยงลูกกันสองคนจนออกจากโรงพยาบาล ก็กลับบ้านกันสามคนพ่อแม่ลูก กลับมาอยู่บ้านเรา ซึ่งมี พ่อ แม่เรา หลาน 2 คน ทุกอย่างก็ดีมาเรื่อยๆ เขาช่วยเราเลี้ยงลูก ซักผ้า หาทำเมนูเสริมน้ำนม จนมาระยะหลังๆ เราทะเลาะกันบ่อยมาก เรื่องความไม่เข้าใจ การเอาใจใส่ เหมือนเขาก็มองว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ภรรยาให้กับเขา ส่วนเราก็มองว่าเขาไม่ทำเคยซัพพอร์ตทางจิตใจเราและทำร้ายจิตใจเรามาตลอด เขาเป็นคนมีความต้องการค่อนข้างสูง เริ่มจากเรื่องบนเตียงที่น่าจะมีส่วน เนื่องจากเราคลอดธรรมชาติ มันเจ็บและกว่าแผลจะหายและกล้ายอมมีก็ตอนสองเดือนกว่าๆ ซึ่งหลังคลอดประมาณสองเดือนเขาก็ขอมาตลอด และค่อยๆมีถี่ขึ้นเวลาเขาพักกลับบ้าน แต่ทุกครั้งเขาจะเป็นคนเริ่มก่อนเสมอ จนถึงตอนนี้ บางครั้งเราเหมือนเหนื่อย ไม่อยากมี แต่ก็มีเพื่อให้เขาได้สบายใจ เรากลับเสาร์-อาทิตย์ เรื่องกับข้าวงานบ้านทางแม่เราจะเป็นคนทำ ส่วนเราทันหุงข้าวก็หุง ทันล้างจานก็ล้าง กวาดขยะเวลาลูกหลับ้าง เลี้ยงลูกเอง 24 ชม. นมแม่ล้วน เข้าเต้าตลอดเวลาอยู่ด้วย แรกคลอดนะคะแค่ได้ออกไปตลาดนี้คือโล่งมาก จำได้ว่าช่วง2เดือนแรก ได้ออกไปเซเว่นนี้น้ำตาไหล เราต้องอยู่กับลูกตลอดส่วนเขาก็ดูแลลูกนะคะ เล่นกับลูก อุ้มลูก พาเดินเล่นแต่นึกจะออกไปไหนก็ได้ไป ตอนค่ำๆเขาจะนั่งเล่นโทรศัพท์ นั่งกินเบียร์ชิวๆหน้าบ้านช่วงค่ำๆ ซึ่งเราต้องพาลูกนอน กว่าลูกจะนอน บางครั้งปวดฉี่ก็ต้องรีบวิ่งไป หิวก็ต้องรอลูกหลับ เคยเตือนแล้วแรกๆ ก็ดีขึ้นได้พักนึง และเขาก็ทำร้ายจิตใจเราอยู่เรื่อยๆ ส่วนแม่สามีไม่เคยรับขวัญหลานแม้แต่สตางค์แดงเดียว ของ ชุดหลานไม่เคยมี มาดูหลานแต่ละครั้งไม่เคยมีอะไรติดไม้ติดมือมาเลย หลังคลอดส้มสักกิโลไม่เคยได้กิน เข้าใจโมเม้น เขาอยู่ในตลาด ส่วนเราอยู่ห่างไกลมั้ยค่ะ แล้วช่วงคลอดใหม่ๆอยากกินนุ้นนี้นั้น เคยน้อยใจนะว่าทำไมไม่มีแม้แต่อะไรติดไม้ติดมือมาสักนิดเลย หรือเขาไม่ชอบอะไรเราคะ และจนถึงทุกวันนี้หลานขวบกว่าก็ไม่เคยมีอะไรให้หลาน หรืออะไรมาฝากเราเลยค่ะ ทั้งๆที่เวลาเราไปเราก็ซื้อของฝากไปทุกครั้ง เทศกาลไปก็มีของไปไม่เคยขาดมือ ควรรู้สึกยังไงดีคะ และมีเรื่องนึงจำได้ดีมากๆคือ ตอนพ่อเขาเสีย เราซัพพอร์ตเขาทุกอย่าง ตั้งแต่ไปซื้อกับข้าวเตรียมกับข้าวให้เพื่อนๆหัวหน้าที่ทำงานเขาในวันที่ยังไม่เริ่มงาน บ้านเขาเชื่อว่าจะไม่เปิดครัวถ้ายังไม่เริ่มงาน นี่สู้ขาดใจ ยังไงก็ต้องทำเพราะเจ้านายเพื่อนๆเขามาไกลมาก จะให้ไปแวะกินข้าวข้างทางคงไม่เหมาะ เขายอม เราไปช่วยกันหาซื้อกับข้าวกันสองคน ช่วยเตรียมหลายๆอย่าง ที่ทำงานเราก็มาเป็นเจ้าภาพสวดกันเยอะ ฝากซองมาก็เยอะ เราช่วยเตรียมช่วยดูทุกอย่างเนื่องจากแม่สามีไม่ค่อยทราบอะไรมาก น้องๆเขายังไม่เป็นงาน เสร็จวันงานเขาให้เราเอาตังค์ซองงานมาช่วยนับให้ เพราะเราเป็นคนถือตังค์ เรานั่งนับกับแม่และน้องเราจนตี2 เขานอนกรนอยู่บนเตียง เข้าใจว่าเหนื่อยล้า พอเสร็จงานวันเผาศพ เราแทบจะเป็นลม เหนื่อย สั่นไปหมด เราจัดแจงเคลียร์ค่าใช้จ่ายทุกอย่างหมด ส่วนที่เหลือก็เยอะพอสมควรเราก็ให้เขาไปทั้งหมดไปเคลียร์กันเองแม่ลูก แต่เนื่องจากมีการโอนเงินจากบช.เราไปด้วยแล้วเราจำยอดคงเหลือตอนนั้นไม่ได้ คิดว่าจะทำยังไงโอนเข้าออกไปเท่าไหร่ จนเขาคิดได้ว่าโอนหักล้างกันยังไงสักอย่างนี่แหละและพูดต่อว่า “เธอสับสนอะไรเธออยากได้เงินนี้ด้วยใช่มั้ย“ นาทีนั้นเหมือนโดนตบอย่างแรง ชาไปหมด ที่ทำมา ที่หวังดี ดีช่วยเหลือ ที่ทุ่มเทเพื่อเขาไปทั้งหมดคืออะไร จากเหตุการณ์นี้เราก็ห่างกันอยู่พักนึง แล้วเขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและค่อยๆทำดี จนกลับมาดีกันเหมือนเดิม ณ ตอนนั้นคิดว่าไม่ใช่แล้ว เราจะอยู่กับคนที่มองเราแบบนี้ได้ยังไง เห็นเราเป็นคนยังไง ต่อมาก็ทะเลาะกันมาเรื่อยๆค่ะ จนตอนนี้ก็ทะเลาะกัน เราบอกว่าเราไม่มีความสุข เขาจะสวนกลับทันทีว่าเขาก็เหมือนกัน พอเราบอกเราทำอะไรให้หรอถึงเป็นแบบนี้ เขาบอกว่าเขาทำอะไรก็ผิดไปหมด เขาทำอะไรไม่เคยดีในสายตาเรา เราเป็นคนว่าเขาบ่อยจริงค่ะ เวลาขัดใจเวลาเขาทำอะไรแบบไม่เหมาะสม เช่น ญาติเรามาอยู่กันหลังบ้านเต็มเลย เขาจะอุ้มลูกไปอยู่หน้าบ้าน เราก็ถามว่าทำไม หรือเขานั่งเล่นโทรศัพท์ เรา พี่เขย แม่ ป้าคุยกันเรื่องทั่วๆไปเขาไม่สนใจเลย ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาพูด ขนาดพี่เขยถามเขายังไม่สนใจ เราก็ว่าไปว่าอยู่คนละโลกกันหรอ เขาก็โมโห ว่ากูทำอะไรก็ผิดหมด หรือพ่อคุยกับตาเรื่องปั่นจักรยาน ซ่อมจักรยาน แล้วเขาก็นั่งอยู่ตรงกลาง พ่อคุยว่าคันที่ลูก…ปั่นอยู่ลูกปลายแตกอยู่ด้วย น่าจะต้องซ่อม แล้วหันไปที่ลูกเขย ก็เงียบไม่มีการพูดคุยอะไร หรือเออ ออ อะไรทั้งสิ้น เราก็จะว่าเขาตลอดจริงค่ะ อารมณ์เหมือนมีลูกอีกคนที่ต้องคอยสอน ไม่อยากให้คนอื่นมาว่า ไม่อยากให้คนอื่นมองเขาไม่ดี ทำอะไรไม่เหมาสม ควรไม่ควร แต่ไม่ว่าไม่ได้จริงๆค่ะ รถจักรยานทั้งๆที่ตัวเองปั่นของพ่ออยู่ เคยพาไปยางแบน บอกให้ซื้อยางข้างในมาสำรองไว้บ้าง ซื้อมาคืนพ่อบ้าง ก็ไม่ เวลาอยู่บ้านเราอยู่ไหนเขาจะอยู่อีกที เหมือนว่ามีเราจะไม่มีเขาประมาณนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะหรือยังไงไม่รู้เหมือนกัน ล่าสุดเราทำลูกพลัดตก ลูกนั่งอึใส่แพมเพิสอยู่ข้างล่างเตียง เรานั่งดูอยู่ห่างๆ ลูกพลัดกลิ้งบนพื้นดีที่เป็นพื้นกระเบื้องยาง เขายืนชมวิวริมหน้าต่างอยู่หันกลับมาพร้อมยกมือจะตบและตะคอกใส่เราดังมากว่า “กูตบคว่ำกุว่า ดูลูกเปรตพรือ“ นี่รีบโดดไปอุ้มลูกพร้อมกับน้ำตาที่จุกไปหมด ทำไมไม่ช่วยดูละตอนนั้น ทำไมต้องว่า เราก็ห่วงลูก ไม่อยากให้เกิด ระหว่างนั่งรถเลยถามว่าทำไมทำกับเราแบบนี้ เขาไม่พูดอะไร เราบอกเราไม่ขอทนอยู่นะถ้าเป็นแบบนี้ เราไปหย่ากันเลยมั้ย เขาบอกได้ เขาก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน เบื่อ เหนื่อย ล่าสุดไปไหนมาไหนไม่ค่อยบอก อยากจะไปก็ไป บอกไปบ้านแม่ แต่ก็ไม่ได้ไป กลับไปทำงานช้ากว่าเวลาที่ควรจะถึงที่ทำงานชั่วโมงครึ่ง ทุกอย่างมันแย่ไปหมด พอเราเริ่มพูดมากเขาก็บอกว่าทุกอย่างเป็นเพราะเรา เพราะเขาไม่เคยถูกในสายตาเราอยู่แล้ว รำคาญ คือเอาจริงๆเราไม่อยากให้ครอบครัวพัง ไม่อยากให้พ่อแม่เราเสียใจ ไม่อยากให้ลูกขาดพ่อ และไม่เคยเล่าเรื่องทั้งนี้ให้ใครฟังเลย ได้แต่เก็บเอาไว้คนเดียว เครียด นอนไม่หลับ คิดมากทุกวัน เดิมเขาก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ ทุกอย่างมาถึงจุดนี้ได้ยังไง เขาเป็นพ่อที่ดีของลูกมากๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นสาทีที่ดีของเราเลย เหมือนจะเอาแค่ลูก อยู่ไปก็ยากที่จะมีความสุข คุยกันดีๆไม่ได้เลยค่ะ ทำยังไงดีค่ะ