🐕 หมวดสัตว์เลี้ยง (คู่มือเอาชีวิตรอด)
สัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่ “ของรัก” แต่คือ “ชีวิตหนึ่ง” ที่ผูกพันกับเราเหมือนครอบครัว
ในยามปกติ พวกมันเติมเต็มความสุข แต่ในยามวิกฤติ สัตว์เลี้ยงกลับกลายเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ — เพราะการช่วยชีวิตพวกมันคืออีกหนึ่งภารกิจที่ต้องทำพร้อมกับเอาตัวรอดของเราเอง
⚔️ กรณีสงคราม
🧭 การเตรียมตัวก่อนเกิดเหตุ
- เตรียมกระเป๋าฉุกเฉินสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
ใส่ของพื้นฐานที่จำเป็น เช่น
อาหารแห้ง (อย่างน้อย 7 วัน)
น้ำสะอาด (แยกจากของคน)
ถ้วยพับได้
ยาประจำตัว
ผ้าห่มหรือผ้าที่มีกลิ่นเจ้าของ (ช่วยลดความเครียด)
สมุดวัคซีน + ป้ายชื่อ + หมายเลขโทรศัพท์
- ฝึกให้สัตว์เลี้ยงคุ้นกับการเดินทาง
เช่น การอยู่ในกรง, เดินในที่มีเสียงดัง, หรือขึ้นรถ/ลงบันไดหนีภัย เพื่อไม่ให้ตกใจจนหนีหายเวลาจำเป็นต้องอพยพ
- จัดเตรียมที่หลบภัยที่สัตว์เข้าได้
เพราะบางที่พักพิง “ห้ามนำสัตว์เข้า” ต้องรู้ล่วงหน้าว่ามีศูนย์ไหนรับสัตว์เลี้ยงได้ หรือมีใครสามารถฝากดูแลแทน
🔥 ระหว่างเกิดเหตุ
- เก็บสัตว์เลี้ยงไว้ใกล้ตัวที่สุด
เสียงระเบิดหรือไซเรนทำให้สัตว์กลัวและพยายามหนี ควรจับขังในกรงหรือใช้สายจูงตลอดเวลา
- สร้างพื้นที่สงบในที่หลบภัย
ใช้ผ้าคลุมกรงหรือเปิดเสียงเจ้าของพูดเบา ๆ เพื่อช่วยให้พวกมันรู้สึกปลอดภัย
- แบ่งอาหารอย่างมีสติ
ถ้าเสบียงเริ่มขาด ให้ลดปริมาณแต่เพิ่มจำนวนมื้อ เช่น แทนที่จะให้วันละ 2 มื้อใหญ่ → เปลี่ยนเป็น 3 มื้อเล็ก ๆ
- อย่าปล่อยให้ออกนอกอาคารเด็ดขาด
พื้นนอกรั้วอาจมีเศษแก้ว เศษโลหะ หรือสารพิษจากการระเบิด
🌅 หลังเหตุการณ์
- ตรวจสุขภาพเบื้องต้น
สังเกตแผลไหม้ ฝุ่นในตา หู หรืออาการหอบเหนื่อย ถ้ามีให้เช็ดด้วยน้ำสะอาดและรีบหาสัตวแพทย์
- อย่ารีบปล่อยให้เดินนอกอาคาร
อาจยังมีระเบิดหลงเหลือ หรือพื้นที่ปนเปื้อน
- ปลอบโยนและสร้างความคุ้นเคยใหม่
สัตว์บางตัวจะมีภาวะเครียด (เหมือน PTSD ของคน) ให้พูดคุย ลูบเบา ๆ และอย่าดุแม้จะทำผิด
🌪️ กรณีภัยธรรมชาติ
☀️ ก่อนเกิดเหตุ
- เตรียมเสบียงและของใช้ล่วงหน้าอย่างน้อย 3–5 วัน
น้ำ อาหาร ผ้าขนหนู ผ้าห่ม และกล่องพกพา
- ติดป้ายชื่อและรูปไว้กับตัวสัตว์
เขียนชื่อ-เบอร์โทรในกระดาษใส่ถุงกันน้ำผูกที่ปลอกคอ
- ซ้อมอพยพพร้อมสัตว์เลี้ยง
ฝึกให้รู้ทางขึ้น-ลงบ้าน หรือทางไปจุดหลบภัย
🌧️ ระหว่างเหตุการณ์
- ยกสัตว์ไว้ในที่สูง
ถ้าน้ำเริ่มท่วม ใช้ลังโฟมหรือกล่องพลาสติกแข็งเป็นแพชั่วคราว
- ห้ามมัดสัตว์ไว้กับเสา เพราะถ้าน้ำสูงขึ้น พวกมันจะหนีไม่ได้
- พาไปอยู่ในที่มีหลังคาและอากาศถ่ายเท ไม่ควรปล่อยไว้กลางแจ้ง
- สัตว์จะไวต่อเสียงและกลิ่นกว่าคน หากฟ้าผ่าหรือมีลมแรงมาก ควรปิดหูหรือคลุมผ้าไว้ช่วยลดความเครียด
🌤️ หลังเหตุการณ์
- เช็กอาการป่วยหรือบาดเจ็บ เช่น แผลตามเท้า ผื่น เห็บหมัด หรืออาการอาเจียนจากน้ำสกปรก
- อย่าให้อาหารที่เปียกน้ำหรือบูด เพราะอาจมีเชื้อราและแบคทีเรีย
- ให้เวลาในการฟื้นฟูจิตใจ สัตว์ที่ผ่านเหตุการณ์ใหญ่จะหวาดกลัวและอาจก้าวร้าวชั่วคราว อย่าเร่งให้กลับมาปกติ
- หากพื้นที่มีหน่วยกู้ภัยสัตว์ (เช่น มูลนิธิ The Voice หรือกรมปศุสัตว์) ให้ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทันที
💡 หมายเหตุ
ถ้า “จำเป็นต้องทิ้งสัตว์ไว้” เพราะอพยพไม่ได้จริง ๆ ให้ เปิดกรงไว้และวางอาหาร-น้ำไว้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อให้มันมีโอกาสรอดเอง
แม้ในภาวะที่ต้องเอาชีวิตรอด อย่าลืมว่า “ความเมตตา” คือสิ่งที่ทำให้เรายังเป็นมนุษย์
คู่มือเอาชีวิตรอดในยามสงคราม หรือภัยธรรมชาติ ตอนที่5 หมวดสัตว์เลี้ยง
สัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่ “ของรัก” แต่คือ “ชีวิตหนึ่ง” ที่ผูกพันกับเราเหมือนครอบครัว
ในยามปกติ พวกมันเติมเต็มความสุข แต่ในยามวิกฤติ สัตว์เลี้ยงกลับกลายเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนอย่างรอบคอบ — เพราะการช่วยชีวิตพวกมันคืออีกหนึ่งภารกิจที่ต้องทำพร้อมกับเอาตัวรอดของเราเอง
⚔️ กรณีสงคราม
🧭 การเตรียมตัวก่อนเกิดเหตุ
- เตรียมกระเป๋าฉุกเฉินสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ
ใส่ของพื้นฐานที่จำเป็น เช่น
อาหารแห้ง (อย่างน้อย 7 วัน)
น้ำสะอาด (แยกจากของคน)
ถ้วยพับได้
ยาประจำตัว
ผ้าห่มหรือผ้าที่มีกลิ่นเจ้าของ (ช่วยลดความเครียด)
สมุดวัคซีน + ป้ายชื่อ + หมายเลขโทรศัพท์
- ฝึกให้สัตว์เลี้ยงคุ้นกับการเดินทาง
เช่น การอยู่ในกรง, เดินในที่มีเสียงดัง, หรือขึ้นรถ/ลงบันไดหนีภัย เพื่อไม่ให้ตกใจจนหนีหายเวลาจำเป็นต้องอพยพ
- จัดเตรียมที่หลบภัยที่สัตว์เข้าได้
เพราะบางที่พักพิง “ห้ามนำสัตว์เข้า” ต้องรู้ล่วงหน้าว่ามีศูนย์ไหนรับสัตว์เลี้ยงได้ หรือมีใครสามารถฝากดูแลแทน
🔥 ระหว่างเกิดเหตุ
- เก็บสัตว์เลี้ยงไว้ใกล้ตัวที่สุด
เสียงระเบิดหรือไซเรนทำให้สัตว์กลัวและพยายามหนี ควรจับขังในกรงหรือใช้สายจูงตลอดเวลา
- สร้างพื้นที่สงบในที่หลบภัย
ใช้ผ้าคลุมกรงหรือเปิดเสียงเจ้าของพูดเบา ๆ เพื่อช่วยให้พวกมันรู้สึกปลอดภัย
- แบ่งอาหารอย่างมีสติ
ถ้าเสบียงเริ่มขาด ให้ลดปริมาณแต่เพิ่มจำนวนมื้อ เช่น แทนที่จะให้วันละ 2 มื้อใหญ่ → เปลี่ยนเป็น 3 มื้อเล็ก ๆ
- อย่าปล่อยให้ออกนอกอาคารเด็ดขาด
พื้นนอกรั้วอาจมีเศษแก้ว เศษโลหะ หรือสารพิษจากการระเบิด
🌅 หลังเหตุการณ์
- ตรวจสุขภาพเบื้องต้น
สังเกตแผลไหม้ ฝุ่นในตา หู หรืออาการหอบเหนื่อย ถ้ามีให้เช็ดด้วยน้ำสะอาดและรีบหาสัตวแพทย์
- อย่ารีบปล่อยให้เดินนอกอาคาร
อาจยังมีระเบิดหลงเหลือ หรือพื้นที่ปนเปื้อน
- ปลอบโยนและสร้างความคุ้นเคยใหม่
สัตว์บางตัวจะมีภาวะเครียด (เหมือน PTSD ของคน) ให้พูดคุย ลูบเบา ๆ และอย่าดุแม้จะทำผิด
🌪️ กรณีภัยธรรมชาติ
☀️ ก่อนเกิดเหตุ
- เตรียมเสบียงและของใช้ล่วงหน้าอย่างน้อย 3–5 วัน
น้ำ อาหาร ผ้าขนหนู ผ้าห่ม และกล่องพกพา
- ติดป้ายชื่อและรูปไว้กับตัวสัตว์
เขียนชื่อ-เบอร์โทรในกระดาษใส่ถุงกันน้ำผูกที่ปลอกคอ
- ซ้อมอพยพพร้อมสัตว์เลี้ยง
ฝึกให้รู้ทางขึ้น-ลงบ้าน หรือทางไปจุดหลบภัย
🌧️ ระหว่างเหตุการณ์
- ยกสัตว์ไว้ในที่สูง
ถ้าน้ำเริ่มท่วม ใช้ลังโฟมหรือกล่องพลาสติกแข็งเป็นแพชั่วคราว
- ห้ามมัดสัตว์ไว้กับเสา เพราะถ้าน้ำสูงขึ้น พวกมันจะหนีไม่ได้
- พาไปอยู่ในที่มีหลังคาและอากาศถ่ายเท ไม่ควรปล่อยไว้กลางแจ้ง
- สัตว์จะไวต่อเสียงและกลิ่นกว่าคน หากฟ้าผ่าหรือมีลมแรงมาก ควรปิดหูหรือคลุมผ้าไว้ช่วยลดความเครียด
🌤️ หลังเหตุการณ์
- เช็กอาการป่วยหรือบาดเจ็บ เช่น แผลตามเท้า ผื่น เห็บหมัด หรืออาการอาเจียนจากน้ำสกปรก
- อย่าให้อาหารที่เปียกน้ำหรือบูด เพราะอาจมีเชื้อราและแบคทีเรีย
- ให้เวลาในการฟื้นฟูจิตใจ สัตว์ที่ผ่านเหตุการณ์ใหญ่จะหวาดกลัวและอาจก้าวร้าวชั่วคราว อย่าเร่งให้กลับมาปกติ
- หากพื้นที่มีหน่วยกู้ภัยสัตว์ (เช่น มูลนิธิ The Voice หรือกรมปศุสัตว์) ให้ติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทันที
💡 หมายเหตุ
ถ้า “จำเป็นต้องทิ้งสัตว์ไว้” เพราะอพยพไม่ได้จริง ๆ ให้ เปิดกรงไว้และวางอาหาร-น้ำไว้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อให้มันมีโอกาสรอดเอง
แม้ในภาวะที่ต้องเอาชีวิตรอด อย่าลืมว่า “ความเมตตา” คือสิ่งที่ทำให้เรายังเป็นมนุษย์