#อุปมาเปรียบชีวิตมนุษย์_๗_ประการ
ชีวิตของมนุษย์เมื่อเกิดมาแล้วก็ย่อมต้องตาย เหมือนสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก
เมื่อมีการเกิดแล้ว ก็ย่อมมีการตายติดตามมาเป็นของคู่กัน ธรรมชาติของสิ่งทั้งหลาย คือ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
การตายจึงเป็นสภาพที่ใครๆ ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
ในปฏิจจสมุปบาท พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า สาเหตุ หรือปัจจัยแห่งการเกิด คืออวิชชา
และปัจจัยให้เกิดการตาย ก็คือการเกิดนั่นเอง
เพราะการเกิดเป็นบทเริ่มต้นแห่งชีวิต และในเวลาเดียวกัน การเกิด ก็นำไปสู่ความตาย
โดยผ่านความแก่ ความเจ็บ ซึ่งเป็นปัจจยาการปรากฏต่อเนื่องกันไปโดยไม่ขาดตอนของชีวิต
ในอังคุตรนิกาย ท่านได้อุปมาเปรียบชีวิตมนุษย์ไว้ ๗ ประการ
ซึ่งแสดงให้เห็นความจริงของชีวิต ที่จะต้องเกิด-ดับ เกิดมาแล้วย่อมต้องตาย
ช่วงแห่งการมีชีวิตอยู่นั้นสั้นนัก และเป็นของเล็กน้อยนิดหน่อยในปัจจยาการที่ชีวิตจะต้องผ่านวัฏวนต่อไป
๑
. เปรียบด้วยน้ำค้างบนยอดหญ้า
เมื่อพระอาทิตย์อุทัยขึ้นมาแล้ว น้ำค้างย่อมแห้งหายไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่อาจตั้งอยู่ได้นาน ชีวิตมนุษย์ ก็เปรียบเช่นเดียวกับหยาดน้ำค้าง เป็นชีวิตที่แสนสั้นมีประมาณนิดหน่อย เปลี่ยนแปลงเร็ว มีความทุกข์มาก คับแค้นมาก
๒
. เปรียบด้วยฟองน้ำเมื่อฝนตกหนักหนาเม็ด ฟองน้ำที่เกิดขึ้นจากหยาดฝน ย่อมตั้งขึ้น
แต่ก็แตกกระจายไปอย่างรวดเร็ว ชีวิต ก็เปรียบเป็นเช่นฟองน้ำไม่อาจตั้งอยู่ได้นาน เป็นชีวิตที่สั้น แตกดับง่าย มีประมาณนิดหน่อย มีความทุกข์มาก คับแค้นมาก
๓.
เปรียบด้วยรอยไม้ที่ขีดลงไปในน้ำ
เมื่อเราขีดไม้ลงไปในน้ำ รอยนั้น...ย่อมกลับเข้ามาหากันอย่างรวดเร็วในพริบตา ไม่ตั้งอยู่นาน เฉกเช่นชีวิตมนุษย์ทั้งหลาย อุปมาเปรียบได้เหมือนกับรอยไม้ที่ขีดลงไปในน้ำ ฉะนั้น
๔.
เปรียบด้วยน้ำที่ไหลลงภูเขา น้ำที่ไหลลงจากภูเขา ย่อมมีกระแสเชี่ยวกราก
พัดสรรพสิ่งที่พอจะพัดพาไปได้ ไม่มีเวลาแม้แต่ขณะจิตเดียวที่กระแสน้ำจากภูเขาจะหยุดชะงัก มีแต่จะไหลเรื่อยลงไปแต่ถ่ายเดียวไม่เคยหยุดยั้ง เหมือนชีวิตมนุษย์ที่จะล่วงไปทุกนาที
เช่นเดียวกับน้ำที่ไหลลงจากภูเขา ฉะนั้น
๕.
เปรียบเหมือนน้ำลายที่ถูกถ่มไป
เมื่อบุรุษผู้มีกำลังอมก้อนน้ำลายไว้ที่ปลายลิ้น
ความที่มีแรงกำลัง ทำให้เขาสามารถถ่มน้ำ
ลายไปได้โดยง่าย
ชีวิตมนุษย์ทั้งหลาย ก็มีอุปมาเหมือนก้อนน้ำลายที่จะพึงถ่มไปได้โดยง่าย เพราะตายง่ายดับง่าย
๖.
เปรียบเหมือนชิ้นเนื้อที่ถูกไฟเผาอยู่ตลอด ชิ้นเนื้อที่ใส่ลงนาบในกระทะเหล็ก
ถูกไฟเผาลนอยู่ตลอดวัน ย่อมจะถึงความย่อยยับแตกทำลายไปโดยเร็ว ไม่อาจจะตั้งอยู่ได้นาน ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย จึงมีอุปมาเปรียบเหมือนกับเนื้อ ที่ถูกไฟเผาอยู่ตลอดวันตลอดคืนเช่นกัน
๗.
เปรียบด้วยแม่โคที่ถูกเขาต้อนไปสู่ที่ฆ่า
แม่โคที่จะถูกเชือด.ย่อมถูกปฏักนายโคบาล
ไล่ต้อนให้ก้าวเท้าเดินเข้าไปสู่ที่ฆ่า ใกล้ความตายเข้าไปทุกขณะ ชีวิต ของมนุษย์ทั้งหลาย ก็มีอุปมาเหมือนแม่โคที่ถูกเขาต้อนไปสู่...ที่ฆ่าฉันนั้น
-------------------------------------------------------------------
#หลวงปู่ชอบ_ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ต.ผาน้อย
อ.วังสะพุง จ.เลย (พ.ศ.๒๔๔๔-๒๕๓๘)
ชีวิตมนุษย์ มี 7ประการ
ชีวิตของมนุษย์เมื่อเกิดมาแล้วก็ย่อมต้องตาย เหมือนสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก
เมื่อมีการเกิดแล้ว ก็ย่อมมีการตายติดตามมาเป็นของคู่กัน ธรรมชาติของสิ่งทั้งหลาย คือ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
การตายจึงเป็นสภาพที่ใครๆ ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
ในปฏิจจสมุปบาท พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า สาเหตุ หรือปัจจัยแห่งการเกิด คืออวิชชา
และปัจจัยให้เกิดการตาย ก็คือการเกิดนั่นเอง
เพราะการเกิดเป็นบทเริ่มต้นแห่งชีวิต และในเวลาเดียวกัน การเกิด ก็นำไปสู่ความตาย
โดยผ่านความแก่ ความเจ็บ ซึ่งเป็นปัจจยาการปรากฏต่อเนื่องกันไปโดยไม่ขาดตอนของชีวิต
ในอังคุตรนิกาย ท่านได้อุปมาเปรียบชีวิตมนุษย์ไว้ ๗ ประการ
ซึ่งแสดงให้เห็นความจริงของชีวิต ที่จะต้องเกิด-ดับ เกิดมาแล้วย่อมต้องตาย
ช่วงแห่งการมีชีวิตอยู่นั้นสั้นนัก และเป็นของเล็กน้อยนิดหน่อยในปัจจยาการที่ชีวิตจะต้องผ่านวัฏวนต่อไป
๑
. เปรียบด้วยน้ำค้างบนยอดหญ้า
เมื่อพระอาทิตย์อุทัยขึ้นมาแล้ว น้ำค้างย่อมแห้งหายไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่อาจตั้งอยู่ได้นาน ชีวิตมนุษย์ ก็เปรียบเช่นเดียวกับหยาดน้ำค้าง เป็นชีวิตที่แสนสั้นมีประมาณนิดหน่อย เปลี่ยนแปลงเร็ว มีความทุกข์มาก คับแค้นมาก
๒
. เปรียบด้วยฟองน้ำเมื่อฝนตกหนักหนาเม็ด ฟองน้ำที่เกิดขึ้นจากหยาดฝน ย่อมตั้งขึ้น
แต่ก็แตกกระจายไปอย่างรวดเร็ว ชีวิต ก็เปรียบเป็นเช่นฟองน้ำไม่อาจตั้งอยู่ได้นาน เป็นชีวิตที่สั้น แตกดับง่าย มีประมาณนิดหน่อย มีความทุกข์มาก คับแค้นมาก
๓.
เปรียบด้วยรอยไม้ที่ขีดลงไปในน้ำ
เมื่อเราขีดไม้ลงไปในน้ำ รอยนั้น...ย่อมกลับเข้ามาหากันอย่างรวดเร็วในพริบตา ไม่ตั้งอยู่นาน เฉกเช่นชีวิตมนุษย์ทั้งหลาย อุปมาเปรียบได้เหมือนกับรอยไม้ที่ขีดลงไปในน้ำ ฉะนั้น
๔.
เปรียบด้วยน้ำที่ไหลลงภูเขา น้ำที่ไหลลงจากภูเขา ย่อมมีกระแสเชี่ยวกราก
พัดสรรพสิ่งที่พอจะพัดพาไปได้ ไม่มีเวลาแม้แต่ขณะจิตเดียวที่กระแสน้ำจากภูเขาจะหยุดชะงัก มีแต่จะไหลเรื่อยลงไปแต่ถ่ายเดียวไม่เคยหยุดยั้ง เหมือนชีวิตมนุษย์ที่จะล่วงไปทุกนาที
เช่นเดียวกับน้ำที่ไหลลงจากภูเขา ฉะนั้น
๕.
เปรียบเหมือนน้ำลายที่ถูกถ่มไป
เมื่อบุรุษผู้มีกำลังอมก้อนน้ำลายไว้ที่ปลายลิ้น
ความที่มีแรงกำลัง ทำให้เขาสามารถถ่มน้ำ
ลายไปได้โดยง่าย
ชีวิตมนุษย์ทั้งหลาย ก็มีอุปมาเหมือนก้อนน้ำลายที่จะพึงถ่มไปได้โดยง่าย เพราะตายง่ายดับง่าย
๖.
เปรียบเหมือนชิ้นเนื้อที่ถูกไฟเผาอยู่ตลอด ชิ้นเนื้อที่ใส่ลงนาบในกระทะเหล็ก
ถูกไฟเผาลนอยู่ตลอดวัน ย่อมจะถึงความย่อยยับแตกทำลายไปโดยเร็ว ไม่อาจจะตั้งอยู่ได้นาน ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย จึงมีอุปมาเปรียบเหมือนกับเนื้อ ที่ถูกไฟเผาอยู่ตลอดวันตลอดคืนเช่นกัน
๗.
เปรียบด้วยแม่โคที่ถูกเขาต้อนไปสู่ที่ฆ่า
แม่โคที่จะถูกเชือด.ย่อมถูกปฏักนายโคบาล
ไล่ต้อนให้ก้าวเท้าเดินเข้าไปสู่ที่ฆ่า ใกล้ความตายเข้าไปทุกขณะ ชีวิต ของมนุษย์ทั้งหลาย ก็มีอุปมาเหมือนแม่โคที่ถูกเขาต้อนไปสู่...ที่ฆ่าฉันนั้น
-------------------------------------------------------------------
#หลวงปู่ชอบ_ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ต.ผาน้อย
อ.วังสะพุง จ.เลย (พ.ศ.๒๔๔๔-๒๕๓๘)