ชวนรู้จัก " นกพรานผึ้ง " เพื่อนคู่ใจคนหิวในอดีตกาล พาคนไปหาน้ำผึ้ง ถึงที่หมายเป๊ะกว่า Google Maps



SUS: ชวนรู้จัก ‘นกพรานผึ้ง’
เพื่อนคู่ใจคนหิวในอดีตกาล
พาคนไปหาน้ำผึ้ง ถึงที่หมายเป๊ะกว่า Google Maps
.
นับเนื่องมาเนิ่นนานที่มนุษย์เราใช้ประโยชน์จากสัตว์กันมาอย่างมากมายหลายรูปแบบ ทั้งใช้กันแบบง่ายๆ เพื่อประโยชน์ของฉันอย่างเดียว โดยการล่าพวกมันเป็นอาหาร ก่อนค่อยๆ พัฒนามาเป็นการทำปศุสัตว์ หรือนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง เป็นเพื่อน
.
แต่นอกจากที่ว่า ก็ยังมีการใช้ประโยชน์อีกรูปแบบ ที่หากอธิบายเป็นหมวดแตกแขนงแยกย่อยแล้ว การใช้งานนี้นับว่ามีความพิเศษแตกต่างจากสิ่งที่กล่าวมาอยู่ไม่น้อย เพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตที่หยิบมาเล่าในคราวนี้ถูกมนุษย์ใช้เป็นเสมือน ‘เข็มทิศ’ นำทางเพื่อพาเราไปหาอาหาร
.
ประหนึ่งคล้ายเป็นมิชลินไกด์ในยุคโบราณและมีความแม่นยำในการพาไปยังจุดหมายชนิดที่ไม่มีหลง ต่างจากการใช้แผนที่บนสมาร์ทโฟนที่พาหลงแล้วหลงอีก
.
นี่คือเรื่องราวของนกที่ถูกเรียกว่า ‘นกพรานผึ้ง’ หรือ ‘Honeyguide’ นกป่าที่กระจายพันธุ์ในเขตร้อน พบมากที่สุดในแอฟริกา ซึ่งจริงๆ นกพรานผึ้งมีอยู่ด้วยกันหลายสปีชีส์ แต่สปีชีส์ที่มนุษย์เรารักมากที่สุดคือ ‘Greater honeyguide’ หรือชื่อวิทยาศาสตร์คือ Indicator indicator และที่มาของชื่อมาจากพฤติกรรมในการนำพามนุษย์เราไปหาน้ำผึ้งมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล ก่อนเราจะอยู่ในโลกที่ร่ำรวยเทคโนโลยีดังปัจจุบัน
.
โดยเจ้า ‘นกพรานผึ้ง’ มักจะคอยส่งเสียงร้องนำทางมนุษย์ (ชนพื้นเมืองในป่า) ไปหารังผึ้งได้ และนอกจากเสียงแล้ว มนุษย์ในอดีตยังสังเกตการบินโผไปเกาะยังกิ่งไม้เป็นสเต็ปๆ เปรียบได้กับเสียง AI ที่บอกว่า อีก 100 1เมตรเลี้ยวซ้ายไปยังต้นไม้ต้นนั้น มนุษย์เราก็จะเดินตามไปเรื่อยๆ จนพบต้นที่มีรังผึ้ง
.
ที่น่าสนใจคือ พฤติกรรมที่ว่านี้ไม่ได้เกิดจากการฝึก และคาดว่าเป็นวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณเสียมากกว่า นกอาจเรียนรู้ว่าคนต้องการอะไร และเมื่อมนุษย์เจอสิ่งที่ต้องการแล้วก็ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่างตอบแทน กล่าวคือเมื่อนกนำพาหรือหลอกคนมาเจอรังผึ้งแล้ว คนก็จะจัดการไล่ผึ้งเปิดรังเอาน้ำผึ้ง ส่วนพวกนกก็รออย่างใจเย็นเพื่อกินไขผึ้งที่เหลืออยู่เป็นอาหารต่อไปโดยไม่ต้องรบรากับผึ้งที่เฝ้ารัง
.
อย่างไรก็ดี ในการศึกษาเรื่องความสัมพันธ์อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยของคนกับนกยังพบด้วยว่า ต่อมาเมื่อคนรู้ว่านกชนิดนี้นำพาไปหาอาหารได้ ก็เริ่มฝึกการร้องเลียนเสียงนก เช่นการผิวปากเลียนเสียงนก เพื่อสื่อสารหรือเรียกกันให้มาปรากฏตัว
.
แต่สิ่งที่ชวนเจ็บช้ำน้ำใจมากกว่า คงเป็นเรื่องที่มีชนพื้นเมืองบางกลุ่มพยายามเอาเปรียบนก แทนที่จะแบ่งกันกิน กับเลือกทำลายรังผึ้งเสียหมดไม่เหลืออะไรให้นกเลย โดยหวังกดดันนกให้ต้องออกหาอาหารบ่อยกว่าเก่า ซึ่งหมายถึงมนุษย์เราจะได้ใช้ประโยชน์จากนกบ่อยขึ้น
.
เจอแบบนี้เข้าไป ก็ไม่รู้ว่าจะนิยามคำว่า ‘SUS’ ให้กับฝ่ายไหนเหมือนกัน
.

แหล่งที่มา : Brandthink
https://www.facebook.com/photo/?fbid=1388367456184920&set=a.811136580574680
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่