การเสนอให้เปลี่ยนชื่อจาก "ประเทศไทย" กลับไปเป็น "ประเทศสยาม" แบบเดิม

ซึ่งได้รับความสนใจจากนักวิชาการจำนวนมาก โดยมีเหตุผลสนับสนุนหลัก ๆ ๔ ข้อ ที่ช่วยลดความขัดแย้งและสร้างความเป็นธรรมทางชาติพันธุ์

๑. ยุติการผูกขาดคำว่า "ไทย" กับเชื้อชาติ (Depoliticizing the Name)

ปัญหาปัจจุบัน: ชื่อ "ประเทศไทย" สร้างความรู้สึกว่า ชนชาติไทย (Thai Race) เป็นเจ้าของประเทศแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งหมายถึงการ เคลม (Claim) อัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไท/ไตทั้งหมดในภูมิภาค (เช่น ไตลื้อ ยอง เขิน ไตใหญ่ ) และสร้างความเหลื่อมล้ำให้กับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ไทในประเทศ (เช่น มอญ เขมร ว้า มลายู จีน ลาว ฯลฯ) ส่วนใครที่ตามสายชาติพันธุ์บรรพบุรุษตัวเองไม่เจอก็ให้กลับไปใช้ ชาติพันธุ์สยามแบบเดิม

เหตุผลสนับสนุนการเปลี่ยนชื่อ: การใช้คำว่า "สยาม" (Siam) เป็นการกลับไปใช้คำที่เน้น ความเป็นรัฐ-อาณาจักร ที่หลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม โดยไม่ผูกติดกับเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่ง คำว่า "สยาม" จึงเป็น คำกลาง (Neutral Term) ที่เปิดกว้างและไม่เป็นเครื่องมือในการกีดกันหรือเหยียดชาติพันธุ์

๒. สะท้อนความเป็นจริงทางประชากรศาสตร์ (Reflecting Demographic Reality)

ความจริงทางประชากร: ดังที่เราได้สนทนากันมา กลุ่มคนที่เรียกว่า "คนไทย" ในปัจจุบันนั้นเป็น ชนชาติลูกผสม (Admixed Group) ซึ่งมีบรรพบุรุษจากหลากหลายกลุ่ม เช่น มอญ เขมร จีน แขก (อินเดีย) ไต และ ลาว
เหตุผลสนับสนุนการเปลี่ยนชื่อ: คำว่า "สยาม" เป็นคำที่ใช้เรียก อาณาจักร ที่ประกอบด้วยประชากรหลากหลายกลุ่มที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชสำนักลุ่มน้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่โบราณ การกลับไปใช้ชื่อนี้จึงสะท้อนความเป็นจริงทางพันธุกรรมและประวัติศาสตร์ของคนในประเทศได้อย่างเที่ยงตรงกว่า

๓. ยุติการสร้างอัตลักษณ์เทียมกับกลุ่มไต/ไทอื่น (Ending Identity Claims)

การสร้างความขัดแย้งในภูมิภาค: การใช้ชื่อ "ประเทศไทย" ทำให้รัฐบาลไทยมีแนวโน้มที่จะ เคลม หรือ อ้างสิทธิ์ ในความเป็นเจ้าของวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของกลุ่มไท/ไตอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น ล้านนา (คนเมือง) หรือกลุ่มไทใหญ่ (Shan) และคนลาว
เหตุผลสนับสนุนการเปลี่ยนชื่อ: การใช้ชื่อ "สยาม" เป็นการ ปลดเปลื้อง คำว่า "ไทย" ให้กลับไปเป็นคำเรียกเชื้อชาติโดยบริสุทธิ์ของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ไท" หรือ "ไต" ในพื้นที่ของตนเองเท่านั้น (เช่น ไทใหญ่ก็คือไต ไม่ใช่คนไทย) สิ่งนี้ช่วยส่งเสริม การอยู่ร่วมกันโดยเคารพอัตลักษณ์ ของกลุ่มชาติพันธุ์ไท/ไต ที่มีวิถีปฏิบัติและภาษาที่แตกต่างกันในภูมิภาค

๔. ขจัดมรดกทางอุดมการณ์ชาตินิยม (Dismantling Nationalist Ideology)

รากเหง้าของปัญหา: การเปลี่ยนชื่อจาก "สยาม" เป็น "ไทย" ในปี พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็นส่วนหนึ่งของการ สร้างรัฐชาติแบบเบ็ดเสร็จ (Totalitarian Nationalism) ในยุคจอมพล ป. เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่และผูกขาดอำนาจ
เหตุผลสนับสนุนการเปลี่ยนชื่อ: การกลับไปใช้ชื่อ "สยาม" เป็นการ สละ (Renounce) อุดมการณ์ชาตินิยมที่รุนแรงและผูกขาดเชื้อชาติในอดีต และเป็นการเปิดทางให้ประเทศก้าวไปสู่การเป็น รัฐพลเมือง (Civic State) ที่ยอมรับและเฉลิมฉลองความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ศาสนา และภาษาทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็นประเทศ
การเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อ "ประเทศสยาม" จึงเป็นการแก้ไขความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ ที่จะช่วยส่งเสริมความเท่าเทียมและลดการถูกเอาเปรียบทางเชื้อชาติของพลเมืองทุกคนในประเทศได้


มันถึงจะอยู่กันได้แบบไม่เบียดเบียนกัน เคลมกันมั่วไปเรื่อยแบบปัจจุบัน ซึ่ง DNA ของคนสยามส่วนใหญ่ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มเขมรมอญ คราวนี้ถ้าไม่อยากเป็นเขมรมอญก็แค่เปลี่ยนเป็นเรียกตัวเองว่าเป็นสยาม เชื้อชาติสยาม แบบในอดีตก็แค่นั้นเอง และไม่ต้องไปเคลมชาติพันธุ์คนอื่นเขา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่