
นี่คือการจัดอันดับกองเรือรบผิวน้ำ (เฉพาะที่มี ปภอ./ASW) และเรือดำน้ำใหม่ อัปเดตจำนวนที่แน่นอน (รวมที่กำลังต่อและอนุมัติแล้ว) พร้อมระวางขับน้ำ (โดยประมาณ) เรียงจากมากไปน้อย:
อันดับ 1: อินโดนีเซีย (TNI-AL)
กองทัพเรือที่มีแผนการขยายกองเรือ (ทั้งผิวน้ำและใต้น้ำ) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอย่างชัดเจน
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 17 ลำ
* 2 x Martadinata (FFG): ~2,365 ตัน (VLS, ASW)
* 3 x Bung Tomo (Corvette): ~1,940 ตัน (VLS, ASW)
* 4 x Diponegoro (Corvette): ~1,700 ตัน (ASW)
* 2 x Merah Putih (FFG): ~6,000 ตัน (กำลังต่อ)
* 2 x PPA-class (FFG): ~6,000 ตัน (อนุมัติ/โอนย้าย)
* 6 x FREMM-class (FFG): ~6,500 ตัน (อนุมัติ/สั่งซื้อ)
* กองเรือดำน้ำ (รวมอนาคต): 10 ลำ
* 5 x Cakra/Nagapasa (Type 209): ~1,220-1,285 ตัน
* 3 x Nagapasa Batch II: ~1,285 ตัน (กำลังต่อ/ทยอยส่งมอบ)
* 2 x Scorpène Evolved (AIP): ~2,000 ตัน (อนุมัติ/สั่งซื้อ)
อันดับ 2: สิงคโปร์ (RSN)
กองเรือที่ทันสมัยและมีคุณภาพทางเทคโนโลยีสูงที่สุดในภูมิภาค
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 12 ลำ
* 6 x Formidable (FFG): ~3,200 ตัน (VLS Aster 15/30, ASW)
* 6 x MRCV (เรือรบอเนกประสงค์): ~10,000 ตัน (กำลังต่อ - จะมีขีดความสามารถ ปภอ./ASW สูง)
* กองเรือดำน้ำ (รวมอนาคต): 4 ลำ
* 4 x Invincible (Type 218SG - AIP): ~2,000 ตัน (ทยอยเข้าประจำการ)
อันดับ 3: เวียดนาม (VPN)
ยังคงเป็นมหาอำนาจด้านเรือดำน้ำในปัจจุบัน
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 6 ลำ
* 4 x Gepard 3.9 (FFG): ~2,100 ตัน (ASW, ปภอ. พิสัยใกล้)
* 2 x Pohang-class (Corvette): ~1,220 ตัน (เน้น ASW)
* กองเรือดำน้ำ : 6 ลำ
* 6 x Kilo (Project 636): ~2,350 ตัน (ผิวน้ำ)
อันดับ 4: มาเลเซีย (RMN)
อนาคตขึ้นอยู่กับความสำเร็จของโครงการเรือฟริเกตชุดใหม่ (Gowind)
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 7-8 ลำ
* 2 x Lekiu (FFG): ~2,390 ตัน (VLS Sea Wolf, ASW)
* 5-6 x Maharaja Lela (Gowind LCS): ~3,100 ตัน (กำลังต่อ/แก้ปัญหา - VLS MICA, ASW)
* กองเรือดำน้ำ : 2 ลำ
* 2 x Scorpène (AIP): ~1,565 ตัน (ผิวน้ำ)
อันดับ 5: ฟิลิปปินส์ (PN)
กองทัพเรือที่กำลัง "ก้าวกระโดด" ในการสร้างกองเรือสมัยใหม่
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 8 ลำ
* 2 x Jose Rizal (FFG): ~2,600 ตัน (ASW, เตรียมติด VLS)
* 2 x Pohang-class (Corvette): ~1,220 ตัน (เน้น ASW)
* 2 x Teresa Magbanua (OPV): ~2,260 ตัน (ASW ผ่าน ฮ.)
* 2 x HDC-3100 (Corvette): ~3,200 ตัน (กำลังต่อ - VLS, ASW)
* กองเรือดำน้ำ (รวมอนาคต): 2 ลำ
* 2 x Scorpène (AIP): ~2,000 ตัน (อนุมัติโครงการ/รอเซ็นสัญญา)
อันดับ 6: เมียนมาร์ (MN)
กองเรือที่มีความสมดุล (ปภอ./ASW/เรือดำน้ำ) และพึ่งพาตนเองในการต่อเรือ
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 6 ลำ
* 2 x Kyan Sittha (FFG): ~3,000 ตัน (ลำที่ 2 มี VLS Shtil-1, ASW)
* 1 x Aung Zeya (FFG): ~2,500 ตัน (ASW)
* 2 x Anawrahta (Corvette): ~1,200 ตัน (ASW)
* 1 x Kyan Sittha-class (FFG): ~3,000 ตัน (กำลังติดอาวุธ)
* กองเรือดำน้ำ : 2 ลำ
* 1 x UMS Minye Theinkhathu (Kilo 877): ~2,325 ตัน (ผิวน้ำ)
* 1 x UMS Minye Kyaw Htin (Type 035 Ming): ~1,584 ตัน (ผิวน้ำ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับกองทัพเรือประชาชนเวียดนาม (Vietnam People's Navy - VPN) ถือว่ามี "หมัดหนัก" ที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะกองเรือดำน้ำครับ พวกเขามีเรือรบหลักที่ทันสมัยซึ่งจัดหาจากรัสเซียเป็นส่วนใหญ่ และได้รับเรือมือสองจากเกาหลีใต้
นี่คือสรุปเรือรบหลักที่ประจำการ (ณ ตุลาคม 2025) ครับ:
1. เรือดำน้ำ (Submarines)
นี่คือกำลังรบที่น่าเกรงขามที่สุดของเวียดนาม และถือว่าใหญ่ที่สุดในอาเซียน:
* ชั้น (Class): Improved Kilo (Project 636.1)
* สถานะ: 6 ลำ (ประจำการครบทั้งหมดแล้ว)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 3,100 - 3,950 ตัน (ขณะดำ)
* ความสามารถ: เป็นเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าที่เงียบมาก (ฉายา "หลุมดำ") และที่สำคัญคือ สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีร่อน Kalibr (Klub-S) โจมตีได้ทั้งเป้าหมายเรือรบและเป้าหมายบนฝั่งได้จากระยะไกล
2. เรือฟริเกต (Frigates)
เป็นเรือรบผิวน้ำที่ทันสมัยที่สุดของเวียดนาม:
* ชั้น (Class): Gepard 3.9 (Project 11661E)
* สถานะ: 4 ลำ (ประจำการ)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 2,100 - 2,200 ตัน
* ความสามารถ: แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย:
* Batch 1 (2 ลำ): เน้นการรบผิวน้ำ (ASuW) เป็นหลัก
* Batch 2 (2 ลำ): เป็นรุ่นที่อัปเกรดให้มีความสามารถในการ "ปราบเรือดำน้ำ" (ASW) ที่สูงขึ้น โดยติดตั้งระบบโซนาร์และตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำ
* อาวุธหลัก: ทั้ง 4 ลำติดตั้งอาวุธปล่อยฯ ต่อต้านเรือรบ Kh-35 (Uran-E) และระบบ ปภอ. ระยะประชิด (CIWS) แบบ Palma (ปืน+จรวด)
3. เรือคอร์เวต (Corvettes)
เวียดนามมีเรือคอร์เวตที่หลากหลาย ทั้งที่ต่อเอง (โดยใช้แบบเรือรัสเซีย) และรับมอบมือสอง:
* ชั้น (Class): Pohang (เรือมือสองจากเกาหลีใต้)
* สถานะ: 2 ลำ (ประจำการ)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 1,200 ตัน (ต่ำกว่า 2,000 ตัน)
* ความสามารถ: เป็นเรือตรวจการณ์ปราบเรือดำน้ำ (ASW Corvette)
* ชั้น (Class): Tarantul-V / Molniya (Project 1241.8)
* สถานะ: 8 ลำ (ต่อเองในประเทศ 6 ลำ, รับจากรัสเซีย 2 ลำ)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 540 ตัน (ไม่ถึง 2,000 ตัน)
* ความสามารถ: "เรือเร็วโจมตีติดอาวุธปล่อยนำวิถี" (Missile Boat) ที่มีความเร็วสูง และติดอาวุธปล่อยฯ Kh-35 (Uran-E)
"กำลังต่ออะไร" (New Projects)
เวียดนามมีความพยายามที่จะต่อเรือรบเองมากขึ้น แต่โครงการใหญ่ๆ ยังไม่ชัดเจนเท่ามาเลเซียหรืออินโดนีเซีย:
* โครงการ Gepard 3.9 (Batch 3): มีข่าวว่าเวียดนามสนใจสั่งต่อเรือชั้น Gepard เพิ่มอีก 2 ลำ ซึ่งอาจจะอัปเกรดระบบ ปภอ. ให้ดีขึ้น (เช่น ติด VLS) แต่ยังไม่มีการยืนยันการลงนามสัญญาที่ชัดเจน
* โครงการเรือคอร์เวต/เรือตรวจการณ์: เวียดนามกำลังทยอยต่อเรือตรวจการณ์ (OPV) และเรือคอร์เวตขนาดเล็ก (เช่น แบบเรือ HQ 261, HQ 263) ใช้งานเองภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง
สรุปสั้นๆ สำหรับเวียดนาม:
กำลังหลักคือ เรือดำน้ำ Kilo 6 ลำ (ระวาง 3,100+ ตัน) และ เรือฟริเกต Gepard 4 ลำ (ระวาง 2,100+ ตัน) ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับอินโดนีเซีย (กองทัพเรือ TNI-AL) ถือเป็นหนึ่งในกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดและมีโครงการจัดหาเรือรบใหม่ที่ "ทะเยอทะยาน" ที่สุดในอาเซียนเลยครับ เขากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ โดยเน้นการต่อเรือขนาดใหญ่เองในประเทศ (ที่อู่ PT PAL) และสั่งต่อจากยุโรป
นี่คือสรุปเรือรบหลักที่ "มี" และ "กำลังต่อ/สั่งซื้อ" (ณ ตุลาคม 2025) ครับ:
1. เรือดำน้ำ (Submarines)
* ประจำการ: 4 ลำ
* ชั้น Nagapasa (Type 209/1400 จากเกาหลีใต้): 3 ลำ (ลำที่ 3 UMS Alugoro ประกอบในอินโดนีเซีย)
* ชั้น Cakra (Type 209/1300 จากเยอรมนี): 1 ลำ (อีก 1 ลำคือ Nanggala ที่อับปางไป)
* สั่งต่อ/ในโครงการ (On Order): 2 ลำ
* ชั้น Scorpène Evolved (จากฝรั่งเศส): 2 ลำ
* สถานะ: ลงนามสัญญาจัดซื้อแล้ว (เมื่อต้นปี 2024) โดยจะต่อที่อู่ PT PAL ในอินโดนีเซีย
2. เรือฟริเกต (Frigates) และเรือรบหลัก
นี่คือกลุ่มเรือรบผิวน้ำสมัยใหม่ที่มีคุณสมบัติ "Stealth" และ "3D" ครับ:
* ประจำการ: 2 ลำ (เรือฟริเกต 3D/VLS 주력)
* ชั้น Martadinata (หรือ SIGMA 10514)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 2,365 ตัน
* ระบบ: เป็นเรือฟริเกตหลักในปัจจุบัน ติดตั้งเรดาร์ 3D (SMART-S Mk2) และระบบยิงแนวดิ่ง (VLS) 12 ท่อยิง สำหรับ VL MICA (ระยะยิง ~20 กม.) พร้อมระบบปราบเรือดำน้ำ (ASW) ครบชุด
* ประจำการ: 3 ลำ (เรือคอร์เวตติด VLS)
* ชั้น Bung Tomo (เรือที่เคยต่อให้บรูไน)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 2,000 ตัน
* ระบบ: ติดตั้ง VLS สำหรับ Sea Wolf (ระยะยิง ~10 กม.) และอาวุธปล่อยฯ Exocet
* ประจำการ: 4 ลำ (เรือคอร์เวตสมัยใหม่)
* ชั้น Diponegoro (หรือ SIGMA 9013)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 1,700 ตัน (ต่ำกว่า 2,000 ตัน) แต่ทันสมัยมาก ติดตั้ง VLS สำหรับ VL MICA
3. "กำลังต่อ" และ "สั่งซื้อ" (โครงการเรือฟริเกตยักษ์)
นี่คือโครงการที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซียในขณะนี้:
* โครงการ "Merah Putih" (เรือแดง-ขาว): 2 ลำ (กำลังต่อ)
* แบบเรือ (Design): Arrowhead 140 (จาก Babcock, สหราชอาณาจักร)
* สถานะ: กำลังต่อ ที่อู่ PT PAL (วางกระดูกงูเรือลำแรกไปแล้วในปี 2024)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 6,000+ ตัน (ใหญ่มาก)
* ระบบ: จะเป็นเรือฟริเกต 3D/VLS/ASW ที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเมื่อสร้างเสร็จ
* โครงการเรือ PPA อิตาลี: 2 ลำ (สั่งซื้อแล้ว)
* แบบเรือ (Design): ชั้น Paolo Thaon di Revel (PPA)
* สถานะ: สั่งซื้อแล้ว จาก Fincantieri (อิตาลี)
* ระวางขับน้ำ: ประมาณ 6,000 ตัน
* ระบบ: เป็นเรือรบอเนกประสงค์ขนาดใหญ่และทันสมัยมาก
สรุปย่อสำหรับอินโดนีเซีย
อินโดนีเซียมี เรือดำน้ำ 4 ลำ (กำลังจะต่อเพิ่ม 2 ลำ), มีเรือฟริเกต/คอร์เวตสมัยใหม่ (VLS/3D) ที่มีระวางราว 2,000 ตันขึ้นไป 5 ลำ (ชั้น Martadinata 2 + Bung Tomo 3) และกำลังอยู่ในกระบวนการต่อ/สั่งซื้อเรือฟริเกตขนาดใหญ่ (6,000+ ตัน) อีก 4 ลำ ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับฟิลิปปินส์ ถือเป็นประเทศที่ได้รับเรือจากญี่ปุ่น "เยอะที่สุด" ประเทศหนึ่งในอาเซียนครับ โดยเน้นไปที่การเสริมความแข็งแกร่งของหน่วยยามฝั่ง (Philippine Coast Guard - PCG) เป็นหลัก แต่ล่าสุดกำลังจะมีโครงการใหญ่สำหรับกองทัพเรือ (Philippine Navy) ด้วย
สรุปเรือหลักๆ ที่ฟิลิปปินส์ได้รับ (และกำลังจะได้รับ) จากญี่ปุ่น ดังนี้ครับ:
1. เรือตรวจการณ์ขนาดใหญ่ (สำหรับหน่วยยามฝั่ง)
นี่คือเรือรุ่นที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดที่ญี่ปุ่นสร้างให้ฟิลิปปินส์:
* ชั้น (Class): Teresa Magbanua (หรือที่รู้จักในฐานะแบบเรือ Kunigami-class ของญี่ปุ่น)
* ขนาด: เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง (OPV) ขนาดใหญ่ ความยาว 97 เมตร
* จำนวน:
* ได้รับมอบแล้ว: 2 ลำ (คือ BRP Teresa Magbanua และ BRP Melchora Aquino)
* สั่งซื้อเพิ่ม (ล่าสุด): 5 ลำ (เพิ่งลงนามในสัญญาเงินกู้เพื่อจัดหาเพิ่ม เมื่อช่วงกลางปี 2024-2025)
* รวมทั้งหมด (ชั้น 97 เมตร): 7 ลำ
2. เรือตรวจการณ์ขนาดกลาง (สำหรับหน่วยยามฝั่ง)
เป็นเรือชุดแรกๆ ที่ญี่ปุ่นส่งมอบให้ และถือเป็นกำลังหลักของหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ในปัจจุบัน:
* ชั้น (Class): Parola
* ขนาด: เรือตรวจการณ์ขนาดกลาง ความยาว 44 เมตร
* จำนวน: 10 ลำ (ได้รับมอบครบถ้วนแล้วทั้งหมด)
3. เรือรบ (สำหรับกองทัพเรือ) - (โครงการล่าสุด)
นี่เป็นข่าวใหญ่ล่าสุด (ช่วงกลางปี 2025) ที่ญี่ปุ่นตกลงจะส่งมอบเรือรบที่เคยใช้ในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล (JMSDF) ให้กับกองทัพเรือฟิลิปปินส์:
* ชั้น (Class): Abukuma
* ประเภท: เรือพิฆาตคุ้มกัน (Destroyer Escort / DE) หรือเทียบเท่าเรือฟริเกตขนาดเล็ก (ระวางประมาณ 2,000 ตัน)
* สถานะ: เป็นเรือมือสอง (ใช้งานมาประมาณ 30 ปี)
* จำนวน: 6 ลำ (ญี่ปุ่นตกลงที่จะส่งมอบให้ โดยฟิลิปปินส์จะทำการตรวจสอบสภาพเรือก่อนรับมอบ)
สรุปสั้นๆ:
ฟิลิปปินส์ได้เรือตรวจการณ์จากญี่ปุ่นไปแล้ว 12 ลำ (เรือใหญ่ 2, เรือกลาง 10), กำลังสั่งต่อเรือใหญ่อีก 5 ลำ และกำลังจะได้เรือรบ (มือสอง) จากญี่ปุ่นอีก 6 ลำ ครับ
อันดับ 1 ถึง6 กองเรืออาเซียน ที่มี SAM ASW
นี่คือการจัดอันดับกองเรือรบผิวน้ำ (เฉพาะที่มี ปภอ./ASW) และเรือดำน้ำใหม่ อัปเดตจำนวนที่แน่นอน (รวมที่กำลังต่อและอนุมัติแล้ว) พร้อมระวางขับน้ำ (โดยประมาณ) เรียงจากมากไปน้อย:
อันดับ 1: อินโดนีเซีย (TNI-AL)
กองทัพเรือที่มีแผนการขยายกองเรือ (ทั้งผิวน้ำและใต้น้ำ) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอย่างชัดเจน
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 17 ลำ
* 2 x Martadinata (FFG): ~2,365 ตัน (VLS, ASW)
* 3 x Bung Tomo (Corvette): ~1,940 ตัน (VLS, ASW)
* 4 x Diponegoro (Corvette): ~1,700 ตัน (ASW)
* 2 x Merah Putih (FFG): ~6,000 ตัน (กำลังต่อ)
* 2 x PPA-class (FFG): ~6,000 ตัน (อนุมัติ/โอนย้าย)
* 6 x FREMM-class (FFG): ~6,500 ตัน (อนุมัติ/สั่งซื้อ)
* กองเรือดำน้ำ (รวมอนาคต): 10 ลำ
* 5 x Cakra/Nagapasa (Type 209): ~1,220-1,285 ตัน
* 3 x Nagapasa Batch II: ~1,285 ตัน (กำลังต่อ/ทยอยส่งมอบ)
* 2 x Scorpène Evolved (AIP): ~2,000 ตัน (อนุมัติ/สั่งซื้อ)
อันดับ 2: สิงคโปร์ (RSN)
กองเรือที่ทันสมัยและมีคุณภาพทางเทคโนโลยีสูงที่สุดในภูมิภาค
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 12 ลำ
* 6 x Formidable (FFG): ~3,200 ตัน (VLS Aster 15/30, ASW)
* 6 x MRCV (เรือรบอเนกประสงค์): ~10,000 ตัน (กำลังต่อ - จะมีขีดความสามารถ ปภอ./ASW สูง)
* กองเรือดำน้ำ (รวมอนาคต): 4 ลำ
* 4 x Invincible (Type 218SG - AIP): ~2,000 ตัน (ทยอยเข้าประจำการ)
อันดับ 3: เวียดนาม (VPN)
ยังคงเป็นมหาอำนาจด้านเรือดำน้ำในปัจจุบัน
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 6 ลำ
* 4 x Gepard 3.9 (FFG): ~2,100 ตัน (ASW, ปภอ. พิสัยใกล้)
* 2 x Pohang-class (Corvette): ~1,220 ตัน (เน้น ASW)
* กองเรือดำน้ำ : 6 ลำ
* 6 x Kilo (Project 636): ~2,350 ตัน (ผิวน้ำ)
อันดับ 4: มาเลเซีย (RMN)
อนาคตขึ้นอยู่กับความสำเร็จของโครงการเรือฟริเกตชุดใหม่ (Gowind)
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 7-8 ลำ
* 2 x Lekiu (FFG): ~2,390 ตัน (VLS Sea Wolf, ASW)
* 5-6 x Maharaja Lela (Gowind LCS): ~3,100 ตัน (กำลังต่อ/แก้ปัญหา - VLS MICA, ASW)
* กองเรือดำน้ำ : 2 ลำ
* 2 x Scorpène (AIP): ~1,565 ตัน (ผิวน้ำ)
อันดับ 5: ฟิลิปปินส์ (PN)
กองทัพเรือที่กำลัง "ก้าวกระโดด" ในการสร้างกองเรือสมัยใหม่
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 8 ลำ
* 2 x Jose Rizal (FFG): ~2,600 ตัน (ASW, เตรียมติด VLS)
* 2 x Pohang-class (Corvette): ~1,220 ตัน (เน้น ASW)
* 2 x Teresa Magbanua (OPV): ~2,260 ตัน (ASW ผ่าน ฮ.)
* 2 x HDC-3100 (Corvette): ~3,200 ตัน (กำลังต่อ - VLS, ASW)
* กองเรือดำน้ำ (รวมอนาคต): 2 ลำ
* 2 x Scorpène (AIP): ~2,000 ตัน (อนุมัติโครงการ/รอเซ็นสัญญา)
อันดับ 6: เมียนมาร์ (MN)
กองเรือที่มีความสมดุล (ปภอ./ASW/เรือดำน้ำ) และพึ่งพาตนเองในการต่อเรือ
* กองเรือผิวน้ำ (รวมอนาคต): 6 ลำ
* 2 x Kyan Sittha (FFG): ~3,000 ตัน (ลำที่ 2 มี VLS Shtil-1, ASW)
* 1 x Aung Zeya (FFG): ~2,500 ตัน (ASW)
* 2 x Anawrahta (Corvette): ~1,200 ตัน (ASW)
* 1 x Kyan Sittha-class (FFG): ~3,000 ตัน (กำลังติดอาวุธ)
* กองเรือดำน้ำ : 2 ลำ
* 1 x UMS Minye Theinkhathu (Kilo 877): ~2,325 ตัน (ผิวน้ำ)
* 1 x UMS Minye Kyaw Htin (Type 035 Ming): ~1,584 ตัน (ผิวน้ำ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้