การขนส่งสาธารณะนั้น หากเป็นเส้นทางใหญ่ทางหลัก มีผู้โดยสารขึ้นรถสาธารณะเยอะ ก็จะอยู่ตัวได้ง่าย เพราะได้เงินจำนวนมากจากผู้โดยสารมาบริหารจัดการให้ธุรกิจอยู่ตัวได้
แต่ถ้ารถสาธารณะมาวิ่งในเส้นทางที่มีผู้โดยสารน้อย ได้เงินจากผู้โดยสารน้อย ธุรกิจก็จะอยู่ตัวลำบาก เพราะจะไม่มีเงินมากพอในการบริหารจัดการธุรกิจในระยะยาว
สภาผู้บริโภคเดินหน้าผลักดันรถโดยสารสาธารณะทั่วไทย นาทีที่ 17:55-19:19 พูดถึงเส้นทางที่มีผู้โดยสารน้อย จะจัดการแบบไหนดี
https://www.youtube.com/live/wBINIphH04A?si=6xJ6_mgd9feYR3T4
การจัดการบริหารต้นทุนให้ดีให้เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ สามารถช่วยให้รถสาธารณะวิ่งรับส่งในเส้นทางที่มีผู้โดยสารน้อยแบบพออยู่ตัวได้ เอาตัวรอดได้
วิธีการแก้ปัญหามีดังนี้
1.ใช้รถที่เล็กที่สุด อาจจะเป็นตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า เพื่อให้ต้นทุนเชื้อเพลิงในการเดินรถต่ำที่สุด บริหารจัดการต้นทุนง่าย
2.รถที่วิ่งเส้นทางเล็กอาจจะมาไม่ถี่มากเหมือนกับรถที่วิ่งเส้นทางใหญ่และมีผู้โดยสารมาก นั่นวิ่งมาคันละไม่เกิน 10-15 นาที ผู้โดยสารไม่ต้องรอนาน รถวิ่งเส้นทางเล็กนี้อาจจะให้รอซัก 30 นาทีต่อคันก็ได้ แต่ต้องมีการแจ้งมีการระบุเวลาที่รถจะมาให้แน่นอนตามป้ายรอรถ เช่น รถออกจากต้นทาง 8 โมงเช้า ป้ายที่รอรถนี้อยู่ห่างจากต้นทาง 4 กิโลเมตร รถจะมาถึงในเวลา 8 โมง 5 นาที ป้ายรถที่อยู่ห่างจากต้นทาง 10 กิโลเมตร รถจะมาไม่เกิน 8 โมง 14 นาที ทำนองนี้ คือบางครั้งผู้โดยสารรอนานไม่เป็นไร แต่ขอให้รู้เวลาที่รถจะมาด้วยว่าจะมาเวลาไหน เขาจะรอรถอย่างสบายใจ ถ้ารอแบบไม่รู้เวลา คนจะหงุดหงิดก็กว่า คนที่มีบ้านอยู่ใกล้ถนนสายเล็กๆ มีผู้โดยสารน้อย เขาก็จะได้ออกมารอรถเมื่อใกล้ถึงเวลารถมาตามที่ป้ายได้บอกไว้ ทำให้กลายเป็นการรอรถไม่นาน ถ้ามีแอปติดตามรถได้ก็ยิ่งดี
3.รัฐช่วยอุดหนุนต้นทุนเชื้อเพลิงของรถโดยสาร เช่น รถโดยสารไปชาร์จแบตตามปั๊ม ก็ได้โปรพิเศษ จ่ายค่าชาร์จเพียงครึ่งเดียว ทำให้รถโดยสารสบายตัวเรื่องต้นทุนการเดินทางได้ดีขึ้น ได้กำไรง่ายขึ้น ซึ่งรัฐก็น่าจะช่วยได้ อย่างที่เปิดไฟกลางถนนฟรีทุกคืนช่วยประชาชนเดินทางได้สะดวก อุดหนุนค่าโดยสารสีแดงและม่วงให้ได้ 20 บาทตลอดสาย ขนส่งมวลชนตามต่างจังหวัดก็น่าจะได้อะไรพิเศษบ้าง
4.รถทึ่มีผู้โดยสารน้อยก็ไม่ต้องวิ่งระยะทางไกลมาก ให้วิ่งไปส่งผู้โดยสารให้รถที่วิ่งบนถนนสายหลักก็พอ รถที่วิ่งบนนถนนสายหลักเขาวิ่งถี่อยู่แล้ว 10-15 นาทีมาคันนึง เหมือนกับรถ feeder ในกรุงเทพที่วิ่งรับผู้โดยสารไปส่งยังสถานีรถไฟฟ้า ต่างจังหวัดก็ควรมีรถโดยสารเล็กทำหน้าที่นำผู้โดยสารไปส่งให้รถโดยสารใหญ่ที่มาคันละไม่เกิน 15
นาที
5.อาจจะต้องยอมเพิ่มค่าโดยสารเล็กน้อย เช่น เส้นทางหลักที่รถวิ่งถี่มีค่าเดินทาง 15 บาท แต่เส้นทางรองที่รถวิ่งไม่ถี่เพราะผู้โดยสารน้อย มีค่าเดินทาง 20 บาท เพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ตัวได้ ดีกว่าไม่มีรถโดยสารให้วิ่งในเส้นทางรอง หรืออาจจะไม่เพิ่มค่าโดยสาร ให้อยู่ที่ 15 บาทก็ได้ เพราะรถวิ่งไม่ไกลอยู่แล้ว ไม่กินต้นทุนเชื้อเพลิงมาก
ถ้าได้ตามนี้ รถที่วิ่งบนเส้นทางที่มีผู้โดยสารน้อยๆ ก็น่าจะอยู่ตัวได้ล่ะ
วิธีบริหารจัดการรถสาธารณะในเส้นทางที่มีผู้โดยสารน้อยอย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจพออยู่ตัวได้
แต่ถ้ารถสาธารณะมาวิ่งในเส้นทางที่มีผู้โดยสารน้อย ได้เงินจากผู้โดยสารน้อย ธุรกิจก็จะอยู่ตัวลำบาก เพราะจะไม่มีเงินมากพอในการบริหารจัดการธุรกิจในระยะยาว
สภาผู้บริโภคเดินหน้าผลักดันรถโดยสารสาธารณะทั่วไทย นาทีที่ 17:55-19:19 พูดถึงเส้นทางที่มีผู้โดยสารน้อย จะจัดการแบบไหนดี
https://www.youtube.com/live/wBINIphH04A?si=6xJ6_mgd9feYR3T4
การจัดการบริหารต้นทุนให้ดีให้เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ สามารถช่วยให้รถสาธารณะวิ่งรับส่งในเส้นทางที่มีผู้โดยสารน้อยแบบพออยู่ตัวได้ เอาตัวรอดได้
วิธีการแก้ปัญหามีดังนี้
1.ใช้รถที่เล็กที่สุด อาจจะเป็นตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า เพื่อให้ต้นทุนเชื้อเพลิงในการเดินรถต่ำที่สุด บริหารจัดการต้นทุนง่าย
2.รถที่วิ่งเส้นทางเล็กอาจจะมาไม่ถี่มากเหมือนกับรถที่วิ่งเส้นทางใหญ่และมีผู้โดยสารมาก นั่นวิ่งมาคันละไม่เกิน 10-15 นาที ผู้โดยสารไม่ต้องรอนาน รถวิ่งเส้นทางเล็กนี้อาจจะให้รอซัก 30 นาทีต่อคันก็ได้ แต่ต้องมีการแจ้งมีการระบุเวลาที่รถจะมาให้แน่นอนตามป้ายรอรถ เช่น รถออกจากต้นทาง 8 โมงเช้า ป้ายที่รอรถนี้อยู่ห่างจากต้นทาง 4 กิโลเมตร รถจะมาถึงในเวลา 8 โมง 5 นาที ป้ายรถที่อยู่ห่างจากต้นทาง 10 กิโลเมตร รถจะมาไม่เกิน 8 โมง 14 นาที ทำนองนี้ คือบางครั้งผู้โดยสารรอนานไม่เป็นไร แต่ขอให้รู้เวลาที่รถจะมาด้วยว่าจะมาเวลาไหน เขาจะรอรถอย่างสบายใจ ถ้ารอแบบไม่รู้เวลา คนจะหงุดหงิดก็กว่า คนที่มีบ้านอยู่ใกล้ถนนสายเล็กๆ มีผู้โดยสารน้อย เขาก็จะได้ออกมารอรถเมื่อใกล้ถึงเวลารถมาตามที่ป้ายได้บอกไว้ ทำให้กลายเป็นการรอรถไม่นาน ถ้ามีแอปติดตามรถได้ก็ยิ่งดี
3.รัฐช่วยอุดหนุนต้นทุนเชื้อเพลิงของรถโดยสาร เช่น รถโดยสารไปชาร์จแบตตามปั๊ม ก็ได้โปรพิเศษ จ่ายค่าชาร์จเพียงครึ่งเดียว ทำให้รถโดยสารสบายตัวเรื่องต้นทุนการเดินทางได้ดีขึ้น ได้กำไรง่ายขึ้น ซึ่งรัฐก็น่าจะช่วยได้ อย่างที่เปิดไฟกลางถนนฟรีทุกคืนช่วยประชาชนเดินทางได้สะดวก อุดหนุนค่าโดยสารสีแดงและม่วงให้ได้ 20 บาทตลอดสาย ขนส่งมวลชนตามต่างจังหวัดก็น่าจะได้อะไรพิเศษบ้าง
4.รถทึ่มีผู้โดยสารน้อยก็ไม่ต้องวิ่งระยะทางไกลมาก ให้วิ่งไปส่งผู้โดยสารให้รถที่วิ่งบนถนนสายหลักก็พอ รถที่วิ่งบนนถนนสายหลักเขาวิ่งถี่อยู่แล้ว 10-15 นาทีมาคันนึง เหมือนกับรถ feeder ในกรุงเทพที่วิ่งรับผู้โดยสารไปส่งยังสถานีรถไฟฟ้า ต่างจังหวัดก็ควรมีรถโดยสารเล็กทำหน้าที่นำผู้โดยสารไปส่งให้รถโดยสารใหญ่ที่มาคันละไม่เกิน 15 นาที
5.อาจจะต้องยอมเพิ่มค่าโดยสารเล็กน้อย เช่น เส้นทางหลักที่รถวิ่งถี่มีค่าเดินทาง 15 บาท แต่เส้นทางรองที่รถวิ่งไม่ถี่เพราะผู้โดยสารน้อย มีค่าเดินทาง 20 บาท เพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ตัวได้ ดีกว่าไม่มีรถโดยสารให้วิ่งในเส้นทางรอง หรืออาจจะไม่เพิ่มค่าโดยสาร ให้อยู่ที่ 15 บาทก็ได้ เพราะรถวิ่งไม่ไกลอยู่แล้ว ไม่กินต้นทุนเชื้อเพลิงมาก
ถ้าได้ตามนี้ รถที่วิ่งบนเส้นทางที่มีผู้โดยสารน้อยๆ ก็น่าจะอยู่ตัวได้ล่ะ