รัฐมนตรีแรงงานเกาหลีใต้ยืนยัน ไม่มีแผนลดโควตาแรงงานกัมพูชาในประเทศ ย้ำแรงงานทุกคนควรได้รับการปกป้องโดยไม่คำนึงถึงสัญชาติหรือถิ่นกำเนิด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อ 20 ต.ค. 2568 นายคิม ยอง-ฮุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อเสียงเรียกร้องให้ตัดโควตาวีซ่า E-9 สำหรับแรงงานกัมพูชา ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของประชาชนที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น จากเหตุการณ์การลักพาตัวและอาชญากรรมอื่น ๆ ที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีในกัมพูชา
ในการแถลงข่าวต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศในกรุงโซล นายคิมปฏิเสธข้อเสนอที่ว่ารัฐบาลกัมพูชาควรต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับพลเมืองเกาหลีใต้ หรือข้อเสนอที่ว่าเกาหลีใต้ควรลดโควตาแรงงาน E-9 ของกัมพูชาเพื่อเป็นการตอบโต้
นายคิมกล่าวว่า "ขณะนี้เราไม่มีแผนที่จะปรับโควตา E-9 ของกัมพูชา" พร้อมเตือนว่า การลดโควตาแต่เพียงฝ่ายเดียวหรือจำกัดใบอนุญาตการจ้างงานโดยอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบแยกเดี่ยวนี้ อาจทำให้แรงงานกัมพูชาที่อาศัยและทำงานอยู่ในเกาหลีอยู่แล้วถูกตีตราอย่างไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกันก็บ่อนทำลายความสัมพันธ์ด้านแรงงานทวิภาคีด้วย
ความคิดเห็นของเขามีขึ้นในขณะที่อาชญากรรมที่มุ่งเป้าไปที่พลเมืองเกาหลี โดยแก๊งอาชญากรรมที่มีฐานอยู่ในกัมพูชา เกิดขึ้นหลายระลอก จนจุดประกายให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับอนาคตของความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ วีซ่า E-9 อนุญาตให้นายจ้างชาวเกาหลีจ้างแรงงานต่างชาติในอุตสาหกรรมที่ขาดแคลนแรงงาน เช่น การผลิต การเกษตร การประมง และการก่อสร้างได้ โดยในปีนี้ รัฐบาลได้กำหนดโควตาวีซ่า E-9 ทั้งหมดไว้ที่ 130,000 คน
นับตั้งแต่เกาหลีใต้ลงนามในข้อตกลงการจัดส่งแรงงานกับกัมพูชาในปี 2006 แรงงานกัมพูชาก็กลายเป็นผู้ใช้วีซ่า E-9 มากที่สุดเป็นอันดับสอง รองจากเนปาล
นายคิมกล่าวด้วยว่า ท่ามกลางปัญหาการลดลงของจำนวนแรงงาน และการลดลงของประชากรในเกาหลีใต้ แรงงานต่างชาติถือว่าเป็นผู้ร่วมมือที่ขาดไม่ได้ในการรักษาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
และรัฐบาลของประธานาธิบดีอี แจ มยอง มุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคง ครอบคลุม และปลอดภัย ซึ่งแรงงานทุกคน รวมถึงผู้ที่ไม่ได้เป็นพลเมืองก็สามารถทำงานได้โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ
"เรากำลังเตรียมกรอบการบริหารจัดการแรงงานที่เป็นระบบมากขึ้นและกลไกสนับสนุนแบบบูรณาการสำหรับแรงงานต่างชาติ ขณะเดียวกันก็ยังคงเสริมสร้างการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิการของพวกเขาอย่างต่อเนื่องด้วย" นายคิมกล่าว
เนื่องจากมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเกลียดกลัวชาวต่างชาติ (xenophobia) และข้อมูลเท็จที่มุ่งเป้าไปที่แรงงานต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจีน นายคิมจึงได้ยืนยันหนักแน่นอีกครั้งว่า "แรงงานทุกคนสมควรได้รับความเคารพ และแรงงานทุกคนควรได้รับการปกป้องโดยไม่คำนึงถึงสัญชาติหรือถิ่นกำเนิด"
เขากล่าวเสริมว่า "คำพูดที่สร้างความเกลียดชังและการมีอคติบนพื้นฐานของถิ่นกำเนิดและเชื้อชาติ ไม่ถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออก แต่เป็นอาชญากรรมและไม่สามารถยอมรับได้"
เมื่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศถามเรื่องการละเมิดสิทธิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่นายจ้างในเกาหลี ยึดหนังสือเดินทางของแรงงานต่างชาติอย่างผิดกฎหมาย นายคิมยอมรับว่าการละเมิดดังกล่าวยังคงมีอยู่และได้กล่าว “ขอโทษในนามของรัฐบาล” พร้อมสัญญาว่าจะมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นและมาตรการป้องกันที่เข้มแข็งขึ้น
"เราจะจัดตั้งช่องทางการรายงาน รวมถึงความร่วมมือกับกลุ่มพลเมือง เพื่อให้มั่นใจว่าเสียงของแรงงานข้ามชาติจะได้รับการรับฟัง และความกังวลของพวกเขาจะได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ" นายคิมกล่าว
รมต.เกาหลีใต้ยันไม่ลดโควตาแรงงานกัมพูชา ชี้ต้องรักษาความเป็นธรรม