สุรินทร์ – คาด สแกมเมอร์เขมร ฝังตัวฝั่งโอเสม็ดเป็นหมื่น สร้างขยายอาณาจักรยิ่งใหญ่ เจ้าหน้าที่ไทยติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเข้มงวด เดือนที่ผ่านมาพบชาวอินโด 8 คน หนีตายเข้ามาขอความช่วยเหลือ
สแกมเมอร์เขมร – เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวร่ายงานว่าจาก ปัญหาสแกมเมอร์ ภายในกัมพูชา ที่ถูกต่างชาติเข้าไปกดดันปราบปรามอย่างหนัก ทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ได้พากันแตกกระเจิงหนีออกมาอยู่ตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะจุดตามช่องผ่านแดนตามชายแดนจำนวนมาก
ขณะที่ จ.สุรินทร์ พบว่า ที่ ตำบลโอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ติดกับด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ พบ มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มสแกมเมอร์ดังกล่าว พากันหนีมาซุกและสร้างอาณาจักรสแกมเมอร์อย่างยิ่งใหญ่ โดยไม่สนใจกรณีความขัดแย้งสู้รบแนวชายแดนแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการสร้างตึกอาคารสำนักงานเสร็จแล้ว อยู่ติดกับบ่อนคาสิโนทั้ง 2 แห่ง พื้นที่ตำบลโอร์เสม็ด ประเทศกัมพูชา สามารถจุคนได้นับหมื่นคน ทางการไทยต้องผนึกกำลังทุกภาคส่วนทั้ง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ต้องวางมาตรการเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มงวด
นายสิทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง เปิดเผยว่า ชายแดนตรงนี้จะมีบ่อนการพนันอยู่ 2 แห่ง ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ เราเคยไปช่วยคนที่ถูกหลอกเรื่องของสแกมเมอร์มาแล้ว เป็นคนไทย เป็นการไปขอความร่วมมือจากทางกัมพูชา โดยร่วมกับทางหน่วยกองกำลังในพื้นที่ทาง ตม. ตำรวจ เข้าไปช่วยเมื่อปีที่แล้ว
จากการติดตามความเคลื่อนไหวสแกมเมอร์ พบว่ามีการมาเช่าอาคารของบ่อนการพนันในการก่อสร้างอาคารที่ทำการหลายคูหา ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว เพราะว่าช่วงก่อนที่จะมามีสู้รบกันก็เกือบเสร็จแล้ว ถ้าเสร็จทางบ่อนการพนันก็จะให้ทางสแกมเมอร์ทั้งหลายมาประจำที่นี่ น่าจะเป็นประมาณหลักพันขึ้น แล้วมันหลายสัญชาติ กรณีของสแกมเมอร์เขาไม่ได้สนใจการเคลื่อนไหวชายแดน กลุ่มเขามีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับพื้นที่ชายแดน การหลอกลวงของสแกมเมอร์มีหลายสัญชาติอยู่ในพื้นที่ตรงนั้น
ชำแหละโมเดล “สแกมเมอร์”
ชนชั้นค้ามนุษย์ ยิ่งหลอกเยอะยิ่งรวย
เหยื่อ’อินโดฯ’ เบียดแซงจีน
นายอำเภอกาบเชิง กล่าวต่อว่า พวกกลุ่มพวกสแกมเมอร์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ตรงนี้ดูจากข้อมูลที่เขาสร้าง ตอนที่ยังไม่ปะทะกันสร้างได้ประมาณ 50-60% ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว คิดดูว่าตึกหนึ่ง อาคารหนึ่งอย่างน้อยก็หลายชั้น อยู่ประมาณสัก 300 คนขึ้นไปต่ออาคาร อันนี้คือส่วนหนึ่งแค่นั้นเอง ซึ่งคาดว่าน่าจะมีหลายเชื้อชาติ แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเท่าไหร่ เนื่องจากมีการดูแลแน่นหนามาก
ส่วนประเด็นที่ว่าถูกหลอกหรือว่าถูกชักชวนอย่างไร อันนี้ก็มี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งก็อาจจะสมัครใจไปอยู่ตรงนั้น เขาเรียกว่าเป็น “หัวหน้า” อย่างคนไทยก็จะมีหัวหน้าคนไทยดูแลอยู่ เขาจะได้กินเปอร์เซ็นต์จากการที่ลูกทีมไปหลอกมาได้ ถ้าเป็นหัวหน้าขั้นสูงขึ้นไปอีกมันก็จะได้เยอะ สมมุติหลอกได้ 1 ล้านเขาอาจจะได้ 30% เปอร์เซ็นต์จากคนที่หลอก คนที่ทำงานจริง ๆ อาจจะได้แค่ 2-3 เปอร์เซ็นต์ มันก็จะได้น้อย เพราะฉะนั้นเขาจะอยู่ได้ ไม่ว่าพาสปอร์ตหรือว่าหลักฐานการเข้า-ออกมันสิ้นสุด เขาก็ไม่สนใจเพราะว่าเขาได้ตังค์ เหมือนเขาคุมไว้เลย กลุ่มพวกนี้จะเถื่อน หากไม่ทำหรือทำไม่ได้ยอดก็จะถูกทุบตีทารุณ ให้ใช้มือถือเป็นเวลา
ที่เคยไปช่วยได้เพราะเวลาพัก ก็แอบใช้มือถือส่งโลเกชั่นมาให้ เราจึงเข้าไปช่วยได้ ถ้าไปช่วยไม่ทันก็จะถูกทารุณ ไฟฟ้าชอร์ตและถึงขั้นส่งขายไปยังจุดอื่น โหดมาก เหมือนกับ “ค้ามนุษย์ดีๆ” นี้เอง รวมไปถึงหากดื้อดึงก็อาจจะถูกทำร้ายจนตายก็ได้
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเขา “ซื้อเจ้าหน้าที่” ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง ของฝั่งกัมพูชา ที่หนีออกมาฝั่งไทยส่วนมากก็จะเป็น “จีน” ก็เยอะและเพิ่งมาจับได้เป็น “ชาวอินโดนีเซีย” เมื่อต้นเดือนที่แล้ว หนีเขามาขอความช่วยเหลือ ส่วนเขมรไม่มีมาแล้ว ก็จะเป็นเวียดนาม ช่วงหลังนี้ก็จะเป็นอินโดนีเซีย
เคสฮิต หลอกทำงานเงินดี
ที่แท้นรกบนดิน ทำยอดไม่ถึง
ตกเป็นเป้าทารุณกรรม
ส่วนกรณีเคสชาวเกาหลีนั้น นายอำเภอกาบเชิง เผยว่า ที่ช่องโอร์เสม็ดยังไม่ปรากฏ ยังไม่มีเล็ดลอดออกมา แต่จะไปมีที่อื่น ลักษณะก็คือโดนหลอกบอกว่ามีงานดี งานเด่น เงินเดือนดี ผ่านช่องทางทางธรรมชาติจะเข้าตรงปอยเปต จ.สระแก้ว เดินช่องทางธรรมชาติมาแล้วก็นั่งรถตู้เข้าไป อยู่ตรงนู้นตรงนี้ แต่ต้องไปฝึกงานก่อน ฝึกงานเสร็จ แล้วก็ส่งไปตามจุดต่างๆ แล้วพวกลักษณะพวกนี้ก็คือเอามาหมุนเวียน พอไปอยู่ตรงนี้แล้ว อาจจะทําเป้าไม่ค่อยดี ก็อาจจะอยู่ตรงอื่น แต่ต้องทำงานให้ได้เงิน ถ้าไม่ได้เงินก็จะถูกทารุณกรรม
ตอนนี้ด้านปกครองมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ที่จะออกมาได้คือทางช่องทางธรรมชาติเท่านั้น เพราะว่าช่องทางธรรมชาติ ของพื้นที่อำเภอกาบเชิงมีถึง 16 ช่องทางธรรมชาติ อันนี้ถ้าเราได้สร้างมีแนวรั้วมีอะไรชัดเจน มันจะทำให้เราสามารถกำหนดภารกิจต่างๆแล้วก็จะเป็นการดูแลด้านความมั่นคงได้เป็นอย่างดีมาก
ซึ่งตอนนี้การก่อสร้างตึกอาคารต่างๆน่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นในส่วนพื้นที่ของกลุ่มทุนจีนที่มาลงทุน โดยมีการซื้อ จนท.ในกัมพูชาไว้หมด ไม่มีใครสามารถเข้าไปในพื้นที่นั้นได้ ตรงนี้สามารถจุคนได้ห้าพันถึงหมื่นคนได้
ด้าน พ.ต.อ.คำพล โนนุช ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรกาบเชิง เปิดเผยว่า ทางตำรวจได้มีการกำหนดมาตรการติดตามเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ตามคำสั่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่ให้ทุก สภ.ที่มีพื้นที่ติดชายแดนเฝ้าระวังป้องปรามกลุ่มสแกมเมอร์ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านมาทาง สภ.กาบเชิง ก็ได้มีการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งทหาร ตม.และฝ่ายปกครอง ดำเนินการตรวจตราติดตามข่าวสารและเฝ้าระวังปราบปรามอย่างเต็มที่ โดยนำแผนพิทักษ์ส่วนหลังมาใช้ และหลังได้รับคำสั่งการจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มาแล้ว สภ.กาบเชิงได้มีการเร่งรัดเพิ่มมากขึ้น ที่ชัดเจนเลยก็คือการตั้งด่านจุดตรวจเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งใช้ชุดสืบสวนออกหาข่าว และประสานกับทาง ตม.ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยกันโดยเฉพาะที่ตลาดช่องจอม
ส่วนช่องทางธรรมชาติที่มี 16 ช่องทางก็มีเจ้าหน้าที่ทหารดูแลอยู่และได้มีการนำกล้องไปติดตั้งไว้แล้ว ในส่วนของความเคลื่อนไหวที่โอร์เสม็ด จากการประเมินสถานการณ์ที่เขาแตกกันออกมา และเราก็เป็นด่านมาก่อน ก็เชื่อได้มาว่าน่าจะมีการมาอยู่ที่นี่กันบ้างแล้วและเชื่อว่าน่าจะเริ่มมากันแล้ว อย่างไรก็แล้วแต่เราก็ต้องดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มงวด ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และเรามีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในพื้นที่ร่วมกันหากพบความเคลื่อนไหวก็สามารถที่จะตรวจพบได้เร็ว
โดยเฉพาะทหารพรานที่อยู่ประจำหน้าแนวอยู่แล้ว โดยภาพรวมตนว่าบริเวณของด่านช่องจอม มีเจ้าหน้าที่อยู่พอสมควร ตนว่าเอาอยู่ และสามารถจะดำเนินการอย่างทันท่วงที และฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาหากมีข้อมูลให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องให้ทราบด่วน พวกเราพร้อมที่จะจะเข้าไปตรวจสอบทันที นอกจากนั้นทุกคืนทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและ ชรบ.ในพื้นที่ จะออกตรวจตราตามชมชุนหมู่บ้าน มีการจัดเวรยามเฝ้าดูแล แต่ละพื้นที่ทั้ง 5 ตำบล ของอำเภอกาบเชิง ยอมรับว่าทางฝ่ายปกครอง อป.พร. ชรบ. เขาเข้มแข็งมาก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5420413
SEE TRUE พบแก๊งคอลฯ สีหนุวิลล์ ไม่ได้หนีไปไหน ซ้ำยังมากกว่าเดิม
SEE TRUE บุกสำรวจดงสแกมเมอร์สีหนุวิลล์ พบยังอยู่กันเพียบ แถมมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า จากช่วงเดือนมีนาคม ที่เคยเข้าไปสำรวจ ซ้ำยังถูกจับตามองจาก รปภ. เข้มกว่าเดิม
ทีม SEE TRUE บุกสำรวจดงสแกมเมอร์สีหนุวิลล์ โดยระบุว่า ช่วงสัปดาห์ก่อนที่ทางการเกาหลีใต้ ส่งเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปยังกัมพูชา ปรากฏภาพแก๊งสแกมเมอร์บางส่วนขนข้าวของออกจากที่ตั้งในเมืองสีหนุวิลล์ ซึ่งตอนนั้นคนอาจจะคิดกันไปว่า แก๊งสแกมเมอร์ หนีออกจากเมืองสีหนุวิลล์กันไปเป็นจำนวนมาก
แต่ภาพที่เห็นดังกล่าว อาจจะเป็นแค่แก๊งสแกมเมอร์ส่วนน้อยที่ออกไปจากเมืองสีหนุวิลล์ เพราะว่าเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค 68) ทีม SEE TRUE ได้ส่งทีมข่าวพิเศษเข้าไปในกัมพูชา และมุ่งหน้าไปยังเมืองสีหนุวิลล์ เพื่อดูว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือสแกมเมอร์ที่นี่ ย้ายหนีออกไปหรือยัง ก่อนพบว่า ในย่านที่ทำการของบรรดาแก๊งสแกมเมอร์ คือย่านไชน่าทาวน์ ที่ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ปรากฏมีภาพแก๊งสแกมเมอร์ หอบข้าวของออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ยังเห็นภายในอาคารต่างๆ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดไฟทำงานกันอยู่เกือบทุกห้อง ซึ่งในหลายๆ ตึกก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมด
จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า มีสแกมเมอร์แค่บางส่วน ที่ออกไปย่านไชน่าทาวน์ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวด ถ้าเทียบจากเดิมที่ทีม SEE TRUE เคยไปทำข่าวเมื่อเดือนมีนาคม จะมี รปภ . อยู่แค่หน้าอาคารเท่านั้น แต่ตอนนี้ แก๊งสแกมเมอร์ ส่ง รปภ.ไปอยู่ตรงข้ามอาคารด้วย เพื่อคอยเฝ้าสังเกตการณ์ภายนอก และคนแปลกหน้าเข้ามา บางอาคารปิดไฟเฉพาะข้างหน้า แต่พออ้อมไปดูด้านหลัง เปิดไฟเต็มไปหมด
ถ้าเทียบข้อมูลเคยเข้าไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่า อาคารตรงนั้นจำนวนมาก แก๊งคอลเซนเตอร์เพิ่มเข้ามา 2 เท่า เรียกได้ว่าเพิ่มจากเดิมเยอะมาก เพราะว่าเดิมที่สีหนุวิลล์จีนกดดันให้รัฐบาลกัมพูชาปราบปรามไปครั้งหนึ่ง ช่วงปลายปี 64 และปี 65 ทำให้แก๊งนี้บางส่วนหนีไปเขาโบโก ที่จังหวัดกำปอด และที่เมียวดี ประเทศเมียนมา
ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่า มีแก๊งคนจีนเข้ามาเยอะ แต่เมื่อสองสามวันก่อน ช่วงที่มีกระแสข่าวเกาหลีเข้ามาในกัมพูชา มีเจ้าหน้าที่เข้าไปปราบปรามย่านไชน่าทาวน์จริง แต่เป็นการปราบปรามแค่บางส่วน จึงทำให้เห็นภาพแก๊งสแกมเมอร์บางส่วนหอบข้าวของหนีออกไปย่านไชน่าทาวน์ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ และมีแก๊งสแกมเมอร์บางส่วนเติมเข้าไปแทนแก๊งที่ย้ายออกไปด้วย
พอตอนเช้า กลางวัน เข้าไปดูที่ย่านไชน่าทาวน์อีกครั้ง พบว่ามีรถตู้ขนคนจีนเข้ามาบริเวณไชน่าทาวน์เรื่อยๆ และมีรถตู้ของบรรดาบอสชาวจีน เข้าออกตลอดทั้งวัน อีกทั้งทางเข้าตึกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในไชน่าทาวน์ มีการตรวจการเข้าออกอย่างเข้มงวด พบว่าแต่ละประตู มี รปภ. ไม่น้อยกว่า 10 คน ซึ่งถือว่าเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมมาก นอกจากนี้ยังมีกล้องวงจรปิดติดเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
เช่นเดียวกับตอนกลางคืน ที่แก๊งเหล่านี้ จะไม่ให้ รปภ. เฝ้าแค่หน้าประตูตึกตัวเองที่เดียว แต่ในตอนกลางวัน ก็จะมี รปภ. มาเฝ้าอยู่อีกฝั่งถนนของตึก ฉะนั้น รถแปลกหน้า หรือคนแปลกหน้าเข้าไป ก็จะถูกจับตามองดูทั้งหมด
นอกจากนี้ ทีม SEE TRUE ยังได้ไปสังเกตการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองสีหนุวิลล์ ชื่อยูมอลล์ ซึ่งก็เป็นห้างสรรพสินค้าของกลุ่มปรินซ์กรุ๊ป โดยคนที่สีหนุวิลล์ไม่เรียกว่าห้างยูมอลล์ แต่เรียกตลาดปรินซ์ เป็นการลงทุนของกลุ่มปรินซ์กรุ๊ป ด้านหลังห้างฯ จะมีคอนโดฯ อาคารสูง ซึ่งเป็นของปรินซ์กรุ๊ปเหมือนกัน และมีรายงานอ้างว่า ชั้นบนๆ ของคอนโดฯ แห่งนี้ เป็นที่ตั้งของแก๊งสแกมเมอร์เหมือนกัน แม้จะมีข่าวถูกสหรัฐฯ อายัดทรัพย์ แต่ห้างของปรินซ์กรุ๊ปที่สีหนุวิลล์ก็ยังเปิดอยู่ตามปกติ
อีกที่หนึ่งก็คือบริเวณชายหาดโอเชอเตียล ก็ถูกกลุ่มทุนปรินซ์กรุ๊ป เข้าไปยึดครองและพัฒนา เปลี่ยนชื่อเป็นปรินซ์ซีไซด์ และจัดโซนให้คนจีนทำธุรกิจบริเวณชายหาด ซึ่งก็ทำให้ของต่างๆ แพงขึ้น รวมถึงกลุ่มปรินซ์กรุ๊ป ยังไปถมทะเลบริเวณชายหาดเรียม
สำหรับที่เมืองสีหนุวิลล์ กลุ่มปรินซ์กรุ๊ป มีกาสิโน 3 แห่ง ชื่อกาสิโนจินเปย ซึ่งถือว่าเป็นกาสิโนที่ใหญ่และดังที่สุดในเมืองสีหนุวิลล์
สแกมเมอร์เขมร ขยายอาณาจักร โอร์เสม็ด สร้างตึกเสร็จแล้ว ติด 2 บ่อนพนัน และ SEE TRUE พบแก๊งคอลฯ สีหนุวิลล์ ไม่ได้หนีไปไหน
สแกมเมอร์เขมร – เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวร่ายงานว่าจาก ปัญหาสแกมเมอร์ ภายในกัมพูชา ที่ถูกต่างชาติเข้าไปกดดันปราบปรามอย่างหนัก ทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ได้พากันแตกกระเจิงหนีออกมาอยู่ตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะจุดตามช่องผ่านแดนตามชายแดนจำนวนมาก
ขณะที่ จ.สุรินทร์ พบว่า ที่ ตำบลโอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ซึ่งอยู่ติดกับด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ พบ มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มสแกมเมอร์ดังกล่าว พากันหนีมาซุกและสร้างอาณาจักรสแกมเมอร์อย่างยิ่งใหญ่ โดยไม่สนใจกรณีความขัดแย้งสู้รบแนวชายแดนแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการสร้างตึกอาคารสำนักงานเสร็จแล้ว อยู่ติดกับบ่อนคาสิโนทั้ง 2 แห่ง พื้นที่ตำบลโอร์เสม็ด ประเทศกัมพูชา สามารถจุคนได้นับหมื่นคน ทางการไทยต้องผนึกกำลังทุกภาคส่วนทั้ง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ต้องวางมาตรการเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มงวด
นายสิทธิโรจน์ เจริญธนะศักดิ์ นายอำเภอกาบเชิง เปิดเผยว่า ชายแดนตรงนี้จะมีบ่อนการพนันอยู่ 2 แห่ง ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ เราเคยไปช่วยคนที่ถูกหลอกเรื่องของสแกมเมอร์มาแล้ว เป็นคนไทย เป็นการไปขอความร่วมมือจากทางกัมพูชา โดยร่วมกับทางหน่วยกองกำลังในพื้นที่ทาง ตม. ตำรวจ เข้าไปช่วยเมื่อปีที่แล้ว
จากการติดตามความเคลื่อนไหวสแกมเมอร์ พบว่ามีการมาเช่าอาคารของบ่อนการพนันในการก่อสร้างอาคารที่ทำการหลายคูหา ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว เพราะว่าช่วงก่อนที่จะมามีสู้รบกันก็เกือบเสร็จแล้ว ถ้าเสร็จทางบ่อนการพนันก็จะให้ทางสแกมเมอร์ทั้งหลายมาประจำที่นี่ น่าจะเป็นประมาณหลักพันขึ้น แล้วมันหลายสัญชาติ กรณีของสแกมเมอร์เขาไม่ได้สนใจการเคลื่อนไหวชายแดน กลุ่มเขามีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับพื้นที่ชายแดน การหลอกลวงของสแกมเมอร์มีหลายสัญชาติอยู่ในพื้นที่ตรงนั้น
ชำแหละโมเดล “สแกมเมอร์”
ชนชั้นค้ามนุษย์ ยิ่งหลอกเยอะยิ่งรวย
เหยื่อ’อินโดฯ’ เบียดแซงจีน
นายอำเภอกาบเชิง กล่าวต่อว่า พวกกลุ่มพวกสแกมเมอร์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ตรงนี้ดูจากข้อมูลที่เขาสร้าง ตอนที่ยังไม่ปะทะกันสร้างได้ประมาณ 50-60% ตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว คิดดูว่าตึกหนึ่ง อาคารหนึ่งอย่างน้อยก็หลายชั้น อยู่ประมาณสัก 300 คนขึ้นไปต่ออาคาร อันนี้คือส่วนหนึ่งแค่นั้นเอง ซึ่งคาดว่าน่าจะมีหลายเชื้อชาติ แต่เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเท่าไหร่ เนื่องจากมีการดูแลแน่นหนามาก
ส่วนประเด็นที่ว่าถูกหลอกหรือว่าถูกชักชวนอย่างไร อันนี้ก็มี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งก็อาจจะสมัครใจไปอยู่ตรงนั้น เขาเรียกว่าเป็น “หัวหน้า” อย่างคนไทยก็จะมีหัวหน้าคนไทยดูแลอยู่ เขาจะได้กินเปอร์เซ็นต์จากการที่ลูกทีมไปหลอกมาได้ ถ้าเป็นหัวหน้าขั้นสูงขึ้นไปอีกมันก็จะได้เยอะ สมมุติหลอกได้ 1 ล้านเขาอาจจะได้ 30% เปอร์เซ็นต์จากคนที่หลอก คนที่ทำงานจริง ๆ อาจจะได้แค่ 2-3 เปอร์เซ็นต์ มันก็จะได้น้อย เพราะฉะนั้นเขาจะอยู่ได้ ไม่ว่าพาสปอร์ตหรือว่าหลักฐานการเข้า-ออกมันสิ้นสุด เขาก็ไม่สนใจเพราะว่าเขาได้ตังค์ เหมือนเขาคุมไว้เลย กลุ่มพวกนี้จะเถื่อน หากไม่ทำหรือทำไม่ได้ยอดก็จะถูกทุบตีทารุณ ให้ใช้มือถือเป็นเวลา
ที่เคยไปช่วยได้เพราะเวลาพัก ก็แอบใช้มือถือส่งโลเกชั่นมาให้ เราจึงเข้าไปช่วยได้ ถ้าไปช่วยไม่ทันก็จะถูกทารุณ ไฟฟ้าชอร์ตและถึงขั้นส่งขายไปยังจุดอื่น โหดมาก เหมือนกับ “ค้ามนุษย์ดีๆ” นี้เอง รวมไปถึงหากดื้อดึงก็อาจจะถูกทำร้ายจนตายก็ได้
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเขา “ซื้อเจ้าหน้าที่” ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง ของฝั่งกัมพูชา ที่หนีออกมาฝั่งไทยส่วนมากก็จะเป็น “จีน” ก็เยอะและเพิ่งมาจับได้เป็น “ชาวอินโดนีเซีย” เมื่อต้นเดือนที่แล้ว หนีเขามาขอความช่วยเหลือ ส่วนเขมรไม่มีมาแล้ว ก็จะเป็นเวียดนาม ช่วงหลังนี้ก็จะเป็นอินโดนีเซีย
เคสฮิต หลอกทำงานเงินดี
ที่แท้นรกบนดิน ทำยอดไม่ถึง
ตกเป็นเป้าทารุณกรรม
ส่วนกรณีเคสชาวเกาหลีนั้น นายอำเภอกาบเชิง เผยว่า ที่ช่องโอร์เสม็ดยังไม่ปรากฏ ยังไม่มีเล็ดลอดออกมา แต่จะไปมีที่อื่น ลักษณะก็คือโดนหลอกบอกว่ามีงานดี งานเด่น เงินเดือนดี ผ่านช่องทางทางธรรมชาติจะเข้าตรงปอยเปต จ.สระแก้ว เดินช่องทางธรรมชาติมาแล้วก็นั่งรถตู้เข้าไป อยู่ตรงนู้นตรงนี้ แต่ต้องไปฝึกงานก่อน ฝึกงานเสร็จ แล้วก็ส่งไปตามจุดต่างๆ แล้วพวกลักษณะพวกนี้ก็คือเอามาหมุนเวียน พอไปอยู่ตรงนี้แล้ว อาจจะทําเป้าไม่ค่อยดี ก็อาจจะอยู่ตรงอื่น แต่ต้องทำงานให้ได้เงิน ถ้าไม่ได้เงินก็จะถูกทารุณกรรม
ตอนนี้ด้านปกครองมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ที่จะออกมาได้คือทางช่องทางธรรมชาติเท่านั้น เพราะว่าช่องทางธรรมชาติ ของพื้นที่อำเภอกาบเชิงมีถึง 16 ช่องทางธรรมชาติ อันนี้ถ้าเราได้สร้างมีแนวรั้วมีอะไรชัดเจน มันจะทำให้เราสามารถกำหนดภารกิจต่างๆแล้วก็จะเป็นการดูแลด้านความมั่นคงได้เป็นอย่างดีมาก
ซึ่งตอนนี้การก่อสร้างตึกอาคารต่างๆน่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นในส่วนพื้นที่ของกลุ่มทุนจีนที่มาลงทุน โดยมีการซื้อ จนท.ในกัมพูชาไว้หมด ไม่มีใครสามารถเข้าไปในพื้นที่นั้นได้ ตรงนี้สามารถจุคนได้ห้าพันถึงหมื่นคนได้
ด้าน พ.ต.อ.คำพล โนนุช ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรกาบเชิง เปิดเผยว่า ทางตำรวจได้มีการกำหนดมาตรการติดตามเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด ตามคำสั่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่ให้ทุก สภ.ที่มีพื้นที่ติดชายแดนเฝ้าระวังป้องปรามกลุ่มสแกมเมอร์ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านมาทาง สภ.กาบเชิง ก็ได้มีการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งทหาร ตม.และฝ่ายปกครอง ดำเนินการตรวจตราติดตามข่าวสารและเฝ้าระวังปราบปรามอย่างเต็มที่ โดยนำแผนพิทักษ์ส่วนหลังมาใช้ และหลังได้รับคำสั่งการจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มาแล้ว สภ.กาบเชิงได้มีการเร่งรัดเพิ่มมากขึ้น ที่ชัดเจนเลยก็คือการตั้งด่านจุดตรวจเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งใช้ชุดสืบสวนออกหาข่าว และประสานกับทาง ตม.ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยกันโดยเฉพาะที่ตลาดช่องจอม
ส่วนช่องทางธรรมชาติที่มี 16 ช่องทางก็มีเจ้าหน้าที่ทหารดูแลอยู่และได้มีการนำกล้องไปติดตั้งไว้แล้ว ในส่วนของความเคลื่อนไหวที่โอร์เสม็ด จากการประเมินสถานการณ์ที่เขาแตกกันออกมา และเราก็เป็นด่านมาก่อน ก็เชื่อได้มาว่าน่าจะมีการมาอยู่ที่นี่กันบ้างแล้วและเชื่อว่าน่าจะเริ่มมากันแล้ว อย่างไรก็แล้วแต่เราก็ต้องดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มงวด ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และเรามีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในพื้นที่ร่วมกันหากพบความเคลื่อนไหวก็สามารถที่จะตรวจพบได้เร็ว
โดยเฉพาะทหารพรานที่อยู่ประจำหน้าแนวอยู่แล้ว โดยภาพรวมตนว่าบริเวณของด่านช่องจอม มีเจ้าหน้าที่อยู่พอสมควร ตนว่าเอาอยู่ และสามารถจะดำเนินการอย่างทันท่วงที และฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาหากมีข้อมูลให้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้องให้ทราบด่วน พวกเราพร้อมที่จะจะเข้าไปตรวจสอบทันที นอกจากนั้นทุกคืนทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและ ชรบ.ในพื้นที่ จะออกตรวจตราตามชมชุนหมู่บ้าน มีการจัดเวรยามเฝ้าดูแล แต่ละพื้นที่ทั้ง 5 ตำบล ของอำเภอกาบเชิง ยอมรับว่าทางฝ่ายปกครอง อป.พร. ชรบ. เขาเข้มแข็งมาก
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5420413