JJNY : เดือด ‘ไอซ์-กัน’ ปะทะปมนักสิทธิ์!│ปชน.มอง‘คนละครึ่งพลัส’│โอดท่วมอีกแล้วแถมหนักกว่าเดิม│หุ้นญี่ปุ่นพุ่งรับข่าว

เดือด ‘ไอซ์-กัน’ปะทะปมนักสิทธิ์! รักชนก ฉะไปออกรายการไหนก็ขึงพืด กันฟาดกลับ
.
.
‘ไอซ์-กัน’ ปะทะปมนักสิทธิ์! รักชนก ฉะไปออกรายการไหนก็ขึงพืด ลากเอฟซีมาเสียบประจาน ขู่ถึงขั้นเอาชีวิต ชี้เป็นการประทับตราให้คนไทยเกลียดกัน ‘กัน จอมพลัง โต้ทันทีบอกไปเรื่อย แจงแค่อธิบายในมุมชาวบ้าน ลั่นอะไรๆก็ผม
.
วันที่ 20 ต.ค. 2568 รายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ เชิญ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน และนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกันจอมพลัง มาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะเรื่องการเปิดเครื่องขยายเสียงผีและเครื่องบินรบ
.
โดยน.ส.รักชนก กล่าวว่า คะแนนนิยมของนายกันจอมพลัง พุ่งทะลุเพดานถึงขนาดที่ว่าฝ่ายการเมือง เช่น นายกรัฐมนตรียังไม่กล้าออกมาวิจารณ์หรือพูดถึงอย่างตรงไปตรงมา เพราะทำให้เสียคะแนนนิยม มันมีความเอ๊ะเต็มไปหมด แต่ต้องยอมรับกันตรงๆว่าไม่มีใครกล้าพูดออกมา ไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม เพราะถ้าตั้งคำถาม ก็จะโดนทัวร์ลง พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่นายกันจอมพลัง พยายามบอกว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
.
ไม่ว่านายกัน จะไปปรากฏตัวที่ไหน ที่งานกระทรวงเกษตรฯ หรือที่พะเยา คนเขามัดรวมว่าเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน แล้วแบบนี้จะบอกว่าไม่การเมือง ตนคิดว่ามันน่าจะต้องตั้งคำถาม และอีกอย่างหนึ่งที่ต้องถามหนักๆ ก็คือพอคุยกันบอกว่าไม่ยุ่งการเมือง
.
วันดีคืนดี วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของพรรคประชาชน บอกว่านายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค น้ำลาย พูดอย่างเดียว มีแต่ข้อเสนอ ทำไมถึงไม่ไปทำ ทั้งที่ตัวเองมีการควักเงินและบางส่วนอาจจะได้สนับสนุนมาจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ด้วยซ้ำ
.
ดิฉัน คิดว่าถ้าคุณกันเป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง ไม่ได้เอาสิ่งที่เป็นต้นทุนกระแสหรือประชาชน 9 ล้านคนที่เป็นแฟนคลับไปเป็นเครื่องมือของพรรคไหน ดิฉันคิดว่าคงไม่ต้องออกมาตั้งคำถามกัน แต่ที่ดิฉันต้องออกมาตั้งคำถาม เพราะตอนนี้คุณธรรมนัส ถูกสังคมตั้งคำถามอย่างหนัก” น.ส.รักชนก กล่าว
.
น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า เสียดายที่นายกัน จอมพลัง ไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ เพราะเวลามีรายการต่างๆเชิญ ก็ให้โอกาส ซึ่งเวลาไปออกรายการ ก็จับคนมาเชือด เรียกว่าขึงพืดกลางรายการ และตามล่าแม่มดกันเลยทีเดียว ตนเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสเจอตัวต่อตัว
.
ทำให้นายกัน จอมพลัง ปฏิเสธว่า ตนอยู่แต่ชายแดน ปกติโฟนอินเท่านั้น เพราะงานชายแดนสำคัญกว่า การมาบอกว่าเอาคนขึงพืดมันอคติไปนิดนึง
.
น.ส.รักชนก จึงกล่าวว่าประชาชนสามารถใช้วิจารณญาณเองได้ นายกันจอมพลัง ออกรายการโหนกระแส มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรงมาก เรื่องการเอานักสิทธิ์มาแขวน ต้องยอมรับว่าเป็นการเอานักสิทธิ์มาขึงพืด เสียบประจานและให้คนทั้งประเทศปาก้อนหินใส่ ด้วยการดูถูกดูแคลน คำเหยียดหยาม ตนไม่แน่ใจว่าไปขอโทษแล้วหรือยัง
.
คุณกันกับผู้ร่วมรายการก็ยังไม่ได้สำนึกผิดหรือขอโทษ กระแสความเกลียดชังที่มันเกิดขึ้น ที่คุณประทับตราไปในสังคมนี้ ให้เกลียดคนไทยด้วยกัน ให้ด่าคนไทยด้วยกัน ให้ไปตามคุกคามเขาจนถึงว่ามีคนไปเอาชีวิตคุณพ่อเขา ต่อให้ขอโทษแล้วสำนึกแล้ว สิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้หายไป
.
และคุณอาจจะลืมไปว่านี่คือคนไทยด้วยกัน คนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศนี้ หรือผู้มีอำนาจที่ยังเฉยๆ เช่น ท่านนายกรัฐมนตรี หรือท่านที่ถูกกล่าวหาอย่างหนัก ดิฉันก็ไม่เห็นว่าคุณกันจะทำในสิ่งเดียวกันนี้กับผู้มีอำนาจ” น.ส.รักชนก กล่าว
.
ด้านนายกัน จอมพลัง ตอบโต้ว่า ถ้านักสิทธิ์ขอไปนั่งในรายการ แล้วตนไม่ได้ไปนั่งด้วย แสดงว่าขึงพืดตนหรือไม่ มันไม่ใช่ สิ่งที่มันเกิดขึ้นวันนั้น คือเราพยายามที่จะอธิบายว่าในมุมมองของชาวบ้านมันเป็นอย่างไร ตนเชื่อว่ามันก็มีความรู้สึกว่าเหตุผลคืออะไร ตนก็รับฟังที่นักสิทธิ์พูด
.
“ผมหยุด ไม่ใช่ผมไม่หยุด ไม่ใช่ผมดันทุรังที่จะทำต่อ แล้วจริงๆการที่เขาออกมาพูด ผมกับคนที่อยู่หน้างานรู้ดีที่สุดว่ามันมีภารกิจอะไรที่อยู่ในนั้น แล้วภารกิจที่อยู่ในนั้นมันประสบความสำเร็จด้วย ตอนนี้คลิปผมก็มี ภาพผมก็มี ผมมีภารกิจที่ซ้อนอยู่ด้านในทั้งหมด แต่เราเปิดตอนนี้ไม่ได้
.
ถ้าคุณไอซ์เอารูปผมไป ก็แสดงว่าคุณไอซ์ขึงพืดให้เอฟซีคุณไอซ์มาด่าผม ถูกหรือไม่ ผมไม่ได้ไปอะไรอย่างนั้นเลย ผมก็ขอแสดงความคิดเห็นบ้าง สิ่งที่ผมทำเป็นปฏิบัติการทางทหาร และไม่มีพลเรือนเขมรที่เสียชีวิตเลย แต่ไทยเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อะไรๆ ก็ผม” กันจอมพลัง กล่าว
.
ทำให้ น.ส.รักชนก กล่าวว่า “จุดศูนย์กลางของจักรวาลเลยตอนนี้” ต้องบอกว่าตนก็ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ให้ไปตอนนั้น แต่มาตรการเป็นอย่างไรต้องมาดูความช้าเร็วหนักเบา เพราะเราเป็นประเทศที่ตอนนี้กำลังได้เปรียบ ไม่ควทำอะไรที่สุดท้ายแล้วเราจะเพลี่ยงพล้ำ
.
แน่นอนว่านางอังคณาอาจจะพูดผิด หรือไม่ถูกหูใครไปบ้าง แต่ต้องยืนยันว่าเขาเป็นคนไทย ตอนระเบิดลง ตนก็ร้องไห้ แต่จะให้มานั่งถ่ายคลิปหรือโพสต์ว่าร้องไห้มัน ก็ดูแสดงเยอะเกินไป วันนี้นายกัน จอมพลังเปลี่ยนน้ำเสียง อาจจะมาเล่นบทพ่อพระที่ถูกกระทำ ตนก็เห็นใจเป็นอย่างยิ่งที่ถูกตั้งคำถามหนักมากขอส่งกำลังใจจริงๆ
.
นายกัน จอมพลัง จึงกล่าวทันทีว่า ไปเรื่อยเลย เพราะตนถามจากโพสต์ที่นักข่าวเอามาลง วันนี้ในมุมมองของหลายคน ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำโดยห้ามถามหรือไม่.
.

.
ส.ส.ปชน. มอง ‘คนละครึ่งพลัส’ กระตุ้น ศก. ได้จำกัด แนะรัฐสร้างความมั่นใจให้ร้านค้า
.
สิทธิพล แนะ ‘รัฐบาล’ สร้างแรงจูงใจ-ความมั่นใจให้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสมากขึ้น ไม่ต้องหวั่นโดนภาษีย้อนหลัง ชี้ ปชช.แห่ลงทะเบียน สะท้อนรายได้ถดถอย ลั่น เป็นสิทธิ์เต็มที่ของฝ่ายบริหาร หลังถูกถามทำนโยบายกระตุ้น ศก.เรียกคะแนนนิยมหรือไม่ อ้าง ทำเพื่อประโยชน์ ประชาชน
.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงทะเบียนคนละครึ่งพลัสวันแรก ว่า จากที่ติดตามข่าวพบว่าประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ซึ่งในมุมหนึ่งสะท้อนว่าประชาชนในปัจจุบันคาดหวังกับโครงการนี้ค่อนข้างสูง ซึ่งอาจสอดรับกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ที่ประชาชนอยู่ในภาวะข้าวยากหมากแพง รายได้ถดถอย ต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาล และตนคิดว่าโครงการดังกล่าวของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ตอบโจทย์ 2-3 เรื่องในระยะสั้นคือ เป็นโครงการที่สามารถทำได้ทันทีเพราะประชาชนคุ้นเคยกับโครงการนี้อยู่แล้ว
.
นายสิทธิพล กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันก็มีระบบเป๋าตังรองรับสามารถใช้ได้ทันทีและในอีกมุมก็คิดว่าเป็นเรื่องดีเพราะเป็นโครงการที่รับฟังเสียงสะท้อนจากฝ่ายค้าน นักวิชาการ ในการปรับเงื่อนไขให้ผู้ที่ยื่นแบบภาษีได้สิทธิ์มากกว่าผู้ที่ไม่ได้ยื่นสิทธิ์ภาษี ซึ่งทำให้ประชาชนที่จ่ายภาษีรู้สึกว่ามีอะไรเป็นพิเศษให้กับเขา อย่างไรก็ตาม เราต้องยืนยันว่าโครงการนี้มีประสิทธิผลค่อนข้างจำกัด
.
นายสิทธิพล กล่าวด้วยว่า สิ่งที่อยากสื่อสารไปยังรัฐบาลคือ 1.ในมุมที่เป็นข้อดีโครงการนี้สามารถทำได้ทันทีก็จริง แต่เป็นโครงการที่มุ่งกระตุ้นหรือเน้นผลระยะสั้นมาก หากไปดูงานวิจัยพบว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือจีดีพีจะไม่ได้สูงมาก เพราะเป็นการโยกการใช้จ่ายใช้สอยของประชาชนเฉยๆ จากเดิมที่ประชาชนซื้อร้าน ก. แต่วันนี้ร้านก. ไม่ได้อยู่ในโครงการคนละครึ่งพลัส แต่ร้าน ข. อยู่แทน คนก็หันไปซื้อที่ร้าน ข. สิ่งที่เกิดขึ้นคือจำนวนเงินที่ประชาชนใช้จ่ายเท่าเดิม ซึ่งจะไม่ได้ช่วยให้กระตุ้นเศรษฐกิจหรือ กระตุ้นการลงทุนใหม่ๆ มากขึ้นเท่าไหร่ และยังมีงานวิจัยว่าเงิน 1 บาทที่รัฐบาลกระตุ้นไป กระตุ้นได้แค่ 30 สตางค์
.
2. สิ่งที่ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากคือ วงเงินที่จะจัดสรรมาใช้เป็นวงเงินที่โยกมาจากเงินโครงการอื่น ไม่ใช่เป็นวงเงินใหม่ อาจทำให้เป็นเรื่องที่ประสิทธิผลในการกระตุ้นไม่สูงนัก
.
และ 3. ประชาชนในพื้นที่จำนวนมากที่สนใจเข้าร่วมโครงการแต่ไม่สามารถลงทะเบียนได้ และมีการไปต่อคิวเพื่อลงทะเบียนที่ธนาคารตั้งแต่ 05.00 น. ต้องการลงทะเบียนได้ แต่ธนาคารก็มีเสถียรภาพจำกัดในการดูแล เช่น บางที่อาจมีเพียงแค่ 50 คิว หรือบางทีอาจมีแค่ 100 คิว ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้เป็นบุคคลสำคัญที่อาจต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลด้วยซ้ำ เพราะเป็นกลุ่มบุคคลที่อาจเข้าไม่ถึงโครงการดังกล่าว
.
เมื่อถามว่า โครงการดังกล่าวรัฐบาลก่อนเคยทำมาแล้ว และอาจมีช่องโหว่ในเรื่องของการทุจริต มองว่ารัฐบาลชุดนี้จะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวหรืออุดช่องโหว่ได้หรือไม่ นายสิทธิพล กล่าวว่า ตนมองว่าโครงการนี้จะทำอย่างไรให้เกิดประสิทธิผลมาก เหมือนที่บอกว่ามีตัวเลขงานวิจัยที่นักเศรษฐศาสตร์ไปประเมินแล้วพบว่าที่ผ่านมาใช้เป็นแสนล้านบาท แต่สามารถกระตุ้นได้ค่อนข้างจำกัด ซึ่งสิ่งที่ต้องการจะทำคือหลังจากนี้ผลต่อเนื่องในระยะยาว โดยมี 2 เรื่องที่รัฐบาลควรทำ คือเราพบว่าร้านค้าที่เคยเข้าระบบได้ข้อดีในระยะยาวคือแม้ว่าเงินจะไม่มี รัฐไม่ได้สนับสนุนแล้ว แต่เมื่อประชาชนได้รู้จักแล้วเขาก็ยังซื้อต่อเนื่อง
.
นายสิทธิพล กล่าวต่อว่า ฉะนั้น ช่วงเวลาที่เหลือ 2-3 เดือนนี้ สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือพยายามจูงใจ ให้ร้านค้าที่ไม่เคยเข้าสู่ระบบให้มาเข้าสู่ระบบได้ หากเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ แม้ว่าโครงการจบไป แต่จะมีร้านค้าใหม่ๆ ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ และเรียนรู้ระบบเทคโนโลยี ต่อไปหากรัฐบาลจะมีโครงการมาสนับสนุน ก็สามารถส่งมาตรการต่างๆมายังช่องทางเหล่านี้ได้ และอีกเรื่องคือตนต้องยืนยันว่าเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการ เขายังกังวลเรื่องภาษี เพราะเขายังไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้ว หากมีคนมาใช้จ่ายกับเขาเยอะจะมีภาษีย้อนหลังหรือไม่ ตนคิดว่าประเด็นนี้แม้ว่านายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเคยระบุว่า ไม่เอาประเด็นนี้มาดำเนินการแน่นอน แต่ตนคิดว่ารัฐบาลต้องทำให้จริงจัง ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้ หากสามารถทำเช่นนั้นได้ก็จะทำให้มีร้านค้าที่เข้ามาร่วมในระบบของโครงการดังกล่าวได้มากขึ้น และจะเกิดผลดีในระยะยาวกับร้านค้าเหล่านี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่