
.
อังคณา ยันไม่ท้อ เดินหน้าทำงานปกป้องสิทธิมนุษยชน ขอบคุณ 2 ผู้ประกาศดังติดต่อปรับความเข้าใจ
.
จากกรณี นาง
อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และ นาย
สุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไทย (Human Rights Watch) ถูกคุกคามและข่มขู่เอาชีวิต หลังออกมาเคลื่อนไหวหลังอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่ง นำรถเครื่องเสียงเข้าไปเปิดเสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงเครื่องบิน F-16 และเสียงโหยหวนของ “ผี” กลางดึกบริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว เพื่อกดดันชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่พิพาทในเขตแดนไทยนั้น
.
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม นาง
อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์ข้อความผ่านเพจ “Angkhana Neelapaijit” ระบุว่า
.
ถึงกัลยาณมิตร
.
กรณีสืบเนื่องจากการแสดงความคิดเห็นของดิฉันและ คุณสุณัย ผาสุข กรณีการที่เอกชนเข้าไปในพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก จนนำมาสู่การล่าแม่มด การคุกคามทั้งทางออนไลน์ และออฟไลน์จนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และการดำเนินชีวิตของดิฉันและครอบครัว รวมถึงคุณสุณัย ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา หลายท่าน โดยเฉพาะสื่อมวลชนซึ่งรวมถึง คุณกรรชัย โหนกระแส และ คุณศุภโชค โอภาสะคุณ ผู้ประกาศข่าว และบรรณาธิการบริหารอมรินทร์ทีวี ได้พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับดิฉัน แต่เนื่องจากดิฉันเห็นว่าการพูดกับผู้ซึ่งไม่พร้อมจะรับฟังเหตุผล ไม่น่าจะเกิดประโยชน์อันใด อย่างไรก็ดี ดิฉันขอเรียนทุกท่านที่ห่วงใยและปรารถนาดีด้วยความเคารพ ดังนี้
.
1. การแสดงความเห็นใน fb ส่วนตัวของดิฉันเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 เป็นการตั้งคำถามและแสดงความกังวลต่อการที่รัฐบาลปล่อยให้ อินฟลู หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปกระทำการใด ในพื้นที่ขัดแย้ง หรือพื้นที่สงครามที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรม (IHL) ซึ่งเน้นย้ำในการให้ความคุ้มครองสูงสุดแก่พลเรือน โดยดิฉันได้แปลหนังสือของ Keo Remy ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (Cambodia Human Rights Committee) ที่ส่งถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน สหประชาชาติ ลงวันที่ 11 ตุลาคม กล่าวอ้างหน่วยงานทหารของไทยปฏิบัติการขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศหลายฉบับ (https://www.facebook.com/share/p/1AAimcYLUz/)
.
2. ต่อมามีสื่อบางสำนักขอสัมภาษณ์ดิฉันเรื่องการที่กัมพูชาใช้จรวจ BM 21 ยิงเข้ามาในประเทศไทยก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนผู้บริสุทธิ รวมถึงเด็กที่อยู่ภายในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งดิฉันได้แสดงความเห็นต่อกรณีนี้ว่า “กรณีดังกล่าวผิดกฎหมายมนุษยธรรม โดยประเทศไทยได้ตอบโต้การกระทำของกัมพูชา โดยส่งเครื่องบิน F 16 ยิงฐานทหารของกัมพูชา ซึ่งเป็นไปตามกฎการปะทะ ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียแก่กัมพูชาเช่นกัน” ซึ่งถ้อยคำนี้มีผู้นำไปสร้าง fake news โดยตัดต่อคำพูดของดิฉันเพื่อนำมาโจมตี และต่อมากัมพูชาได้นำไปเผยแพร่ คือ “ไทยยิง F 16 ทำให้กัมพูชาได้รับความสูญเสีย” ทำให้ผู้ที่หลงเชื่อนำไปขยายความด่าทอ และประณามหยามเหยียดว่าดิฉันเห็นอกเห็นใจกัมพูชา
.
3. เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันประชุมร่วมรัฐสภาเรี่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในช่วงเวลาระหว่าง 13.18 – 13.56 น. ขณะดิฉันอยู่ในห้องประชุมรัฐสภา ได้มีโทรศัพท์เข้ามาต่อเนื่องนับสิบสาย แต่ดิฉันไม่ได้รับเนื่องจากให้ความสำคัญกับการฟังอภิปราย และต่อมาได้มีผู้ส่งข้อความมาว่าดิฉันกำลังถูกกล่าวหาฝ่ายเดียวในรายการ โหนกระแส จึงเปิดเข้าไปดูประมาณ 10 นาที ซึ่งในความรู้สึกของดิฉันขณะนั้นเสมือน คุณกรรชัย น่าจะพยายามโทรหาดิฉัน เพื่อผลักเข้าสู่การพิจารณาของศาลเตี้ย โดยมีคณะลูกขุนที่แผดเสียงก่นด่า ประณาม และยัดเยียดความผิดต่าง ๆ ให้ ดิฉันคิดว่าการกระทำของคุณกรรชัย และ โหนกระแส อาจมีเจตนาในการจัดเวทีเพื่อให้ดิฉันถูกรุมประณาม เพราะปกติ หากมีรายการใดจะขอสัมภาษณ์ จะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว และจะต้องแจ้งรายชื่อผู้เข้าร่วมรายการ เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถพิจารณาตัดสินใจว่าสะดวกร่วมพูดคุยหรือไม่ มิใช่อยู่ ๆ ทีมงานโหนกระแส โทรมาในขณะที่ผู้ร่วมรายการกำลังกล่าวหา ด่าทอโดยไม่เป็นธรรม ถ้าเป็นชาวบ้านคงเรียกว่า เป็นการเรียกให้เข้าไป “ถูกเชือด”
.
4. เย็นวันนั้น เริ่มมีคนโทรเข้ามาด่าทอ ข่มขู่คุกคาม มีข้อความส่งมาทาง messenger box และทาง fb โดยผู้ที่ไม่ใช่เพื่อน (ปกติดิฉันจะเปิดสาธารณะเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น) พอกลับถึงบ้านดิฉันจึงเปิดเทปดูรายการ โหนกระแส ย้อนหลัง ซึ่งยอมรับว่าจนขณะที่เขียนข้อความนี้ ดิฉันไม่อาจทนดูรายการย้อนหลังจนจบ และจนนาทีนี้ ภาพของคุณมัลลิกาที่แผดเสียง พูดจาจาบจ้วง ดูถูก ด้อยค่าและลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงภาพคุณกรรชัย ชี้มาที่กล้องเพื่อกล่าวหาดิฉันต่าง ๆ นานาในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ไม่ต้องพูดถึงคุณกัน จอมพลัง เพราะตั้งแต่โพสต์แรก ดิฉันไม่เคยกล่าวถึงคุณกันเลย แต่กลายเป็นคุณกัน เข้ามาเป็นคู่กรณีโดยตรง
.
5. ต่อมาวันที่ 16 ตุลาคม 2568 มีการประชุมวุฒิสภา มีผู้แจ้งดิฉันว่าทางอมรินทร์ทีวี โดยผู้สื่อข่าวและบรรณิการข่าว คุณศุภโชค โอภาสะคุณ ได้วิพากษ์กล่าวหาดิฉันอย่างรุนแรงด้วยถ้อยคำที่ปลุกปั่นและสร้างความเกลียดชัง โดยมีพื้นหลังปรากฏข้อความว่า “อังคณา นีละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชนและ สว.คือ ‘แม่พระ’ ของชาวกัมพูชา”
.
6. ทั้งนี้ นับแต่รายการ โหนกระแส ของคุณกรรชัย และข่าวอมรินทร์ทีวีของคุณ คุณศุภโชค โอภาสะคุณ ออกอากาศ ทำให้ทั้งดิฉันและคุณสุณัย ผาสุข ถูกคุกคามอย่างหนัก โดยมีผู้ข่มขู่จะทำร้ายถึงชีวิต ทำให้ดิฉันและคุณสุณัย ต้องเข้าแจ้งความยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
.
7. ดิฉันขอเรียนทุกท่านว่า หลังรายการโหนกระแส และอมรินทร์ทีวี ได้มีผู้ออกมาแสดงความคิดไม่เห็นด้วย และนับแต่วันที่ 17 ตุลาคม คุณกรรชัยและคุณศุภโชค ได้พยายามติดต่อดิฉันเพื่อปรับความเข้าใจ และขอโทษ โดยคุณกรรชัย ได้ติดต่อผ่าน ส.ส. เพชร การุณพล พรรคประชาชน เพื่อขอเบอร์โทรติดต่อ ซึ่งดิฉันได้ถาม ส.ส. เพชร ว่า ได้ดูเทปโหนกระแส หรือยัง ทราบว่ายังไม่ได้ไปดู เลยแนะนำให้กลับไปดูเพื่อจะได้เข้าใจถึงความรู้สึกของดิฉันและคุณสุณัย
.
8. วันนี้ (19.10.68) ปรากฏข่าวลือว่า พรรคประชาชน อาจพยายามเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อช่วยนักสิทธิ ดิฉันขอเรียนทุกท่านด้วยความเคารพว่า ดิฉันไม่มีความเกี่ยวพันใด ๆ กับพรรคประชาชน ไม่เคยร้องขอให้พรรคประชาชนช่วย และไม่มีความจำเป็นที่พรรคประชาชนจะต้องกระทำเช่นว่านั้น การเผยแพร่ข่าวในลักษณะบิดเบือนเช่นนี้ถือเป็นการซ้ำเติมความเสียหายที่เกิดขึ้น
.
9. ดิฉันต้องขอขอบคุณทั้งคุณกรรชัย โหนกระแส และคุณศุภโชค อมรินทร์ทีวี ที่พยายามติดต่อเพื่อปรับความเข้าใจในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งดิฉันเห็นว่าการสำนึกผิดที่แท้จริง นอกจากต้องมีการขอโทษต่อสาธารณะแล้ว ยังจำเป็นต้องมีผู้รับผิดชอบ รวมถึงมีการสร้างหลักประกันว่าจะไม่มีการกระทำเช่นนี้ซ้ำอีกในอนาคตไม่ว่ากับใครก็ตาม สำหรับดิฉันต้องขอเรียนตรง ๆ ว่า ทุกวันนี้ ดิฉันยังจำภาพคุณกรรชัย ชี้หน้ากล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม ยังจำภาพคุณมัลลิกาแผดเสียงด้อยค่า และซ้ำเติมก้าวล่วงคนในครอบครัว ยังจำภาพคุณกัน จอมพลัง ต่อว่าต่อขาน ทั้งที่นับแต่เริ่มต้นดิฉันเพียงตั้งคำถามต่อรัฐบาล โดยไม่เคยพาดพิงคุณกันเลย และยังจำภาพและเสียงของคุณศุภโชค อมรินทร์ทีวี ในการยุยงปลุกปั่น ใช้ข้อความอันเป็นเท็จเพื่อสร้างความเกลียดชัง
.
ท้ายนี้ ดิฉันขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่ออกมาปกป้อง ห่วงใยดิฉันและครอบครัว รวมถึงคุณสุณัย และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ดิฉันขอเรียนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้ดิฉันและคุณสุณัย ท้อถอยในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน แต่จะเป็นพลังผลักดันให้อุทิศตนทำงานมากขึ้น ดิฉันจะยังคงทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะเสรีภาพสื่อที่ดิฉันเชื่อมั่นว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน และการทำหน้าที่เป็นปากเสียงของประชาชาชน … น่าเสียดายที่วันนี้เสียงของความเกลียดชังจากบรรดาอินฟลู รวมถึงสื่อต่าง ๆ ที่พยายามบดขยี้คนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนดังมาก จนทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงของดิฉันและคุณสุณัยที่ห่วงใยและปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง อย่างไรก็ดีดิฉันเชื่อมั่นว่าในที่สุดความจริงจะปรากฏ และความเป็นธรรมจะกลับคืนมา … สุดท้าย ดิฉันขอเน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดในช่วงความขัดแย้ง หรือสงคราม ไม่ใช่อานุภาพของอาวุธในการทำลายล้าง แต่คือ การมองเห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ของบุคคลทุกคน
.
ด้วยมิตรภาพ
.
อังคณา นีละไพจิตร
.
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid036cSUBVwQd65SCHDLcdhbX5BqU8Kz5FwZ8eAQZoaTympRfLahbZu4h5fSgSDRBGuDl
.
.
พริษฐ์ ขอ ส.ว. ชะลอโหวตตั้ง 2 กกต. ใหม่ เสี่ยงข้อครหาประโยชน์ทับซ้อน เหตุกำลังถูกตรวจสอบ
.
พริษฐ์ ขอ ส.ว. ชะลอโหวตตั้ง 2 กกต. ใหม่ เสี่ยงข้อครหาประโยชน์ทับซ้อน เหตุกำลังถูกตรวจสอบ
.
เมื่อวันทึ่ 20 ตุลาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ระบุว่าถึงการอภิปรายคำแถลงนโยบายของรัฐบาลอนุทิน เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งได้อภิปรายเสนอแนะให้นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ ส.ว. ที่ถูกกล่าวหาในคดีโกง ส.ว. หยุดใช้อำนาจของตนในการตั้งคนใหม่เข้าไปทำหน้าที่ในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในระหว่างที่คดียังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบโดย กกต.
.
นายพริษฐ์กล่าวว่า แม้นายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายบริหาร ไม่มีอำนาจบังคับให้ ส.ว. ดำเนินการทางใดทางหนึ่ง แต่ในเมื่อรัฐบาลประกาศชัดในคำแถลงนโยบายว่าต้องการ ยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาประเทศ ในมิติของการขจัดทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงเห็นว่าการที่กลุ่มบุคคลที่กำลังถูกตรวจสอบโดยองค์กรหนึ่ง กำลังจะชี้ขาดว่าใครจะเข้าไปดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการขององค์กรดังกล่าวที่กำลังตรวจสอบตนเอง เป็นการกระทำที่เสี่ยงจะเป็นการ ขัดกันแห่งผลประโยชน์ (conflict of interest) ซึ่งอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของสังคมต่อการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นอิสระของ กกต. ในคดีดังกล่าว
.
อย่างไรก็ตาม ทางนายกรัฐมนตรียังไม่เคยแสดงท่าทีใดๆต่อประเด็นดังกล่าว โดยในวันพรุ่งนี้ ที่ประชุมวุฒิสภากำลังจะเดินหน้าพิจารณาให้ความเห็นชอบ กกต. อีกจำนวน 2 คน แทนกรรมการที่หมดวาระ หากที่ประชุม ส.ว. ให้ความเห็นชอบกับ 2 คนที่ถูกเสนอชื่อ ก็จะทำให้ กกต. 3 จาก 7 คน เป็นบุคคลที่ได้รับความเห็นโดย ส.ว. ที่กำลังถูกกล่าวหาในคดีโกง ส.ว. โดยจะมี กกต. อีก 2 คน หมดวาระในช่วงสิ้นปี 2568
JJNY : อังคณาขอบคุณ 2 ผู้ประกาศดังปรับความเข้าใจ│พริษฐ์ขอส.ว.ชะลอตั้ง 2 กกต.│สหรัฐตัดเงินช่วยโคลอมเบีย│เตือนพายุเฟิงเฉิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5419023
.
อังคณา ยันไม่ท้อ เดินหน้าทำงานปกป้องสิทธิมนุษยชน ขอบคุณ 2 ผู้ประกาศดังติดต่อปรับความเข้าใจ
.
จากกรณี นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และ นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไทย (Human Rights Watch) ถูกคุกคามและข่มขู่เอาชีวิต หลังออกมาเคลื่อนไหวหลังอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่ง นำรถเครื่องเสียงเข้าไปเปิดเสียงเฮลิคอปเตอร์ เสียงเครื่องบิน F-16 และเสียงโหยหวนของ “ผี” กลางดึกบริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว เพื่อกดดันชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่พิพาทในเขตแดนไทยนั้น
.
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์ข้อความผ่านเพจ “Angkhana Neelapaijit” ระบุว่า
.
ถึงกัลยาณมิตร
.
กรณีสืบเนื่องจากการแสดงความคิดเห็นของดิฉันและ คุณสุณัย ผาสุข กรณีการที่เอกชนเข้าไปในพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก จนนำมาสู่การล่าแม่มด การคุกคามทั้งทางออนไลน์ และออฟไลน์จนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และการดำเนินชีวิตของดิฉันและครอบครัว รวมถึงคุณสุณัย ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา หลายท่าน โดยเฉพาะสื่อมวลชนซึ่งรวมถึง คุณกรรชัย โหนกระแส และ คุณศุภโชค โอภาสะคุณ ผู้ประกาศข่าว และบรรณาธิการบริหารอมรินทร์ทีวี ได้พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับดิฉัน แต่เนื่องจากดิฉันเห็นว่าการพูดกับผู้ซึ่งไม่พร้อมจะรับฟังเหตุผล ไม่น่าจะเกิดประโยชน์อันใด อย่างไรก็ดี ดิฉันขอเรียนทุกท่านที่ห่วงใยและปรารถนาดีด้วยความเคารพ ดังนี้
.
1. การแสดงความเห็นใน fb ส่วนตัวของดิฉันเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 เป็นการตั้งคำถามและแสดงความกังวลต่อการที่รัฐบาลปล่อยให้ อินฟลู หรือกลุ่มบุคคลเข้าไปกระทำการใด ในพื้นที่ขัดแย้ง หรือพื้นที่สงครามที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายมนุษยธรรม (IHL) ซึ่งเน้นย้ำในการให้ความคุ้มครองสูงสุดแก่พลเรือน โดยดิฉันได้แปลหนังสือของ Keo Remy ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (Cambodia Human Rights Committee) ที่ส่งถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน สหประชาชาติ ลงวันที่ 11 ตุลาคม กล่าวอ้างหน่วยงานทหารของไทยปฏิบัติการขัดต่อพันธกรณีระหว่างประเทศหลายฉบับ (https://www.facebook.com/share/p/1AAimcYLUz/)
.
2. ต่อมามีสื่อบางสำนักขอสัมภาษณ์ดิฉันเรื่องการที่กัมพูชาใช้จรวจ BM 21 ยิงเข้ามาในประเทศไทยก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือนผู้บริสุทธิ รวมถึงเด็กที่อยู่ภายในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งดิฉันได้แสดงความเห็นต่อกรณีนี้ว่า “กรณีดังกล่าวผิดกฎหมายมนุษยธรรม โดยประเทศไทยได้ตอบโต้การกระทำของกัมพูชา โดยส่งเครื่องบิน F 16 ยิงฐานทหารของกัมพูชา ซึ่งเป็นไปตามกฎการปะทะ ซึ่งทำให้เกิดความสูญเสียแก่กัมพูชาเช่นกัน” ซึ่งถ้อยคำนี้มีผู้นำไปสร้าง fake news โดยตัดต่อคำพูดของดิฉันเพื่อนำมาโจมตี และต่อมากัมพูชาได้นำไปเผยแพร่ คือ “ไทยยิง F 16 ทำให้กัมพูชาได้รับความสูญเสีย” ทำให้ผู้ที่หลงเชื่อนำไปขยายความด่าทอ และประณามหยามเหยียดว่าดิฉันเห็นอกเห็นใจกัมพูชา
.
3. เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันประชุมร่วมรัฐสภาเรี่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในช่วงเวลาระหว่าง 13.18 – 13.56 น. ขณะดิฉันอยู่ในห้องประชุมรัฐสภา ได้มีโทรศัพท์เข้ามาต่อเนื่องนับสิบสาย แต่ดิฉันไม่ได้รับเนื่องจากให้ความสำคัญกับการฟังอภิปราย และต่อมาได้มีผู้ส่งข้อความมาว่าดิฉันกำลังถูกกล่าวหาฝ่ายเดียวในรายการ โหนกระแส จึงเปิดเข้าไปดูประมาณ 10 นาที ซึ่งในความรู้สึกของดิฉันขณะนั้นเสมือน คุณกรรชัย น่าจะพยายามโทรหาดิฉัน เพื่อผลักเข้าสู่การพิจารณาของศาลเตี้ย โดยมีคณะลูกขุนที่แผดเสียงก่นด่า ประณาม และยัดเยียดความผิดต่าง ๆ ให้ ดิฉันคิดว่าการกระทำของคุณกรรชัย และ โหนกระแส อาจมีเจตนาในการจัดเวทีเพื่อให้ดิฉันถูกรุมประณาม เพราะปกติ หากมีรายการใดจะขอสัมภาษณ์ จะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว และจะต้องแจ้งรายชื่อผู้เข้าร่วมรายการ เพื่อให้ผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถพิจารณาตัดสินใจว่าสะดวกร่วมพูดคุยหรือไม่ มิใช่อยู่ ๆ ทีมงานโหนกระแส โทรมาในขณะที่ผู้ร่วมรายการกำลังกล่าวหา ด่าทอโดยไม่เป็นธรรม ถ้าเป็นชาวบ้านคงเรียกว่า เป็นการเรียกให้เข้าไป “ถูกเชือด”
.
4. เย็นวันนั้น เริ่มมีคนโทรเข้ามาด่าทอ ข่มขู่คุกคาม มีข้อความส่งมาทาง messenger box และทาง fb โดยผู้ที่ไม่ใช่เพื่อน (ปกติดิฉันจะเปิดสาธารณะเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น) พอกลับถึงบ้านดิฉันจึงเปิดเทปดูรายการ โหนกระแส ย้อนหลัง ซึ่งยอมรับว่าจนขณะที่เขียนข้อความนี้ ดิฉันไม่อาจทนดูรายการย้อนหลังจนจบ และจนนาทีนี้ ภาพของคุณมัลลิกาที่แผดเสียง พูดจาจาบจ้วง ดูถูก ด้อยค่าและลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมถึงภาพคุณกรรชัย ชี้มาที่กล้องเพื่อกล่าวหาดิฉันต่าง ๆ นานาในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ไม่ต้องพูดถึงคุณกัน จอมพลัง เพราะตั้งแต่โพสต์แรก ดิฉันไม่เคยกล่าวถึงคุณกันเลย แต่กลายเป็นคุณกัน เข้ามาเป็นคู่กรณีโดยตรง
.
5. ต่อมาวันที่ 16 ตุลาคม 2568 มีการประชุมวุฒิสภา มีผู้แจ้งดิฉันว่าทางอมรินทร์ทีวี โดยผู้สื่อข่าวและบรรณิการข่าว คุณศุภโชค โอภาสะคุณ ได้วิพากษ์กล่าวหาดิฉันอย่างรุนแรงด้วยถ้อยคำที่ปลุกปั่นและสร้างความเกลียดชัง โดยมีพื้นหลังปรากฏข้อความว่า “อังคณา นีละไพจิตร นักสิทธิมนุษยชนและ สว.คือ ‘แม่พระ’ ของชาวกัมพูชา”
.
6. ทั้งนี้ นับแต่รายการ โหนกระแส ของคุณกรรชัย และข่าวอมรินทร์ทีวีของคุณ คุณศุภโชค โอภาสะคุณ ออกอากาศ ทำให้ทั้งดิฉันและคุณสุณัย ผาสุข ถูกคุกคามอย่างหนัก โดยมีผู้ข่มขู่จะทำร้ายถึงชีวิต ทำให้ดิฉันและคุณสุณัย ต้องเข้าแจ้งความยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
.
7. ดิฉันขอเรียนทุกท่านว่า หลังรายการโหนกระแส และอมรินทร์ทีวี ได้มีผู้ออกมาแสดงความคิดไม่เห็นด้วย และนับแต่วันที่ 17 ตุลาคม คุณกรรชัยและคุณศุภโชค ได้พยายามติดต่อดิฉันเพื่อปรับความเข้าใจ และขอโทษ โดยคุณกรรชัย ได้ติดต่อผ่าน ส.ส. เพชร การุณพล พรรคประชาชน เพื่อขอเบอร์โทรติดต่อ ซึ่งดิฉันได้ถาม ส.ส. เพชร ว่า ได้ดูเทปโหนกระแส หรือยัง ทราบว่ายังไม่ได้ไปดู เลยแนะนำให้กลับไปดูเพื่อจะได้เข้าใจถึงความรู้สึกของดิฉันและคุณสุณัย
.
8. วันนี้ (19.10.68) ปรากฏข่าวลือว่า พรรคประชาชน อาจพยายามเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อช่วยนักสิทธิ ดิฉันขอเรียนทุกท่านด้วยความเคารพว่า ดิฉันไม่มีความเกี่ยวพันใด ๆ กับพรรคประชาชน ไม่เคยร้องขอให้พรรคประชาชนช่วย และไม่มีความจำเป็นที่พรรคประชาชนจะต้องกระทำเช่นว่านั้น การเผยแพร่ข่าวในลักษณะบิดเบือนเช่นนี้ถือเป็นการซ้ำเติมความเสียหายที่เกิดขึ้น
.
9. ดิฉันต้องขอขอบคุณทั้งคุณกรรชัย โหนกระแส และคุณศุภโชค อมรินทร์ทีวี ที่พยายามติดต่อเพื่อปรับความเข้าใจในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งดิฉันเห็นว่าการสำนึกผิดที่แท้จริง นอกจากต้องมีการขอโทษต่อสาธารณะแล้ว ยังจำเป็นต้องมีผู้รับผิดชอบ รวมถึงมีการสร้างหลักประกันว่าจะไม่มีการกระทำเช่นนี้ซ้ำอีกในอนาคตไม่ว่ากับใครก็ตาม สำหรับดิฉันต้องขอเรียนตรง ๆ ว่า ทุกวันนี้ ดิฉันยังจำภาพคุณกรรชัย ชี้หน้ากล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม ยังจำภาพคุณมัลลิกาแผดเสียงด้อยค่า และซ้ำเติมก้าวล่วงคนในครอบครัว ยังจำภาพคุณกัน จอมพลัง ต่อว่าต่อขาน ทั้งที่นับแต่เริ่มต้นดิฉันเพียงตั้งคำถามต่อรัฐบาล โดยไม่เคยพาดพิงคุณกันเลย และยังจำภาพและเสียงของคุณศุภโชค อมรินทร์ทีวี ในการยุยงปลุกปั่น ใช้ข้อความอันเป็นเท็จเพื่อสร้างความเกลียดชัง
.
ท้ายนี้ ดิฉันขอขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ที่ออกมาปกป้อง ห่วงใยดิฉันและครอบครัว รวมถึงคุณสุณัย และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ดิฉันขอเรียนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้ดิฉันและคุณสุณัย ท้อถอยในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน แต่จะเป็นพลังผลักดันให้อุทิศตนทำงานมากขึ้น ดิฉันจะยังคงทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเฉพาะเสรีภาพสื่อที่ดิฉันเชื่อมั่นว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชน และการทำหน้าที่เป็นปากเสียงของประชาชาชน … น่าเสียดายที่วันนี้เสียงของความเกลียดชังจากบรรดาอินฟลู รวมถึงสื่อต่าง ๆ ที่พยายามบดขยี้คนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนดังมาก จนทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงของดิฉันและคุณสุณัยที่ห่วงใยและปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง อย่างไรก็ดีดิฉันเชื่อมั่นว่าในที่สุดความจริงจะปรากฏ และความเป็นธรรมจะกลับคืนมา … สุดท้าย ดิฉันขอเน้นย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดในช่วงความขัดแย้ง หรือสงคราม ไม่ใช่อานุภาพของอาวุธในการทำลายล้าง แต่คือ การมองเห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ของบุคคลทุกคน
.
ด้วยมิตรภาพ
.
อังคณา นีละไพจิตร
.
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid036cSUBVwQd65SCHDLcdhbX5BqU8Kz5FwZ8eAQZoaTympRfLahbZu4h5fSgSDRBGuDl
.
.