
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นราว 0.2% เช้าวันนี้ (20 ต.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผ่อนท่าทีต่อจีน โดยยอมรับว่าการเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 100% ต่อสินค้าจากจีนจะเป็น “มาตรการที่ไม่ยั่งยืน” ถือเป็นถ้อยแถลงที่บ่งชี้แนวโน้มอ่อนลงของสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ
ทรัมป์ยังยืนยันว่าเตรียมพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค ซึ่งจะจัดขึ้นที่เกาหลีใต้ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.–1 พ.ย. นี้ โดยนักลงทุนคาดว่าการพบกันครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ
ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในทิศทางบวก ตามแรงหนุนจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งกว่า 200 จุดเมื่อวันศุกร์ (17 ต.ค.) นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีน โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนจะประกาศ GDP ไตรมาส 3/2568 พร้อมข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และอัตราว่างงานเดือนก.ย. รวมถึงอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) จากธนาคารกลางจีนในเวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
ขณะเดียวกัน นักลงทุนทั่วโลกยังรอผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ เช่น เทสลา (Tesla) และเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) เพื่อประเมินแนวโน้มรายได้ของภาคเอกชน หลังจากก่อนหน้านี้ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่างเจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase), เวลส์ ฟาร์โก (Wells Fargo), ซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) และโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ต่างรายงานผลประกอบการแข็งแกร่งเกินคาด
ด้านเกาหลีใต้เตรียมบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินต่อธุรกิจที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมในกัมพูชาภายในเดือนนี้ พร้อมขยายการสืบสวนการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หน่วยข่าวกรองทางการเงิน (FIU) ของเกาหลีใต้กำลังพิจารณาขึ้นบัญชีเครือข่ายอาชญากรรมดังกล่าวเป็น “นิติบุคคลที่ถูกจำกัด” ทางการเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การอายัดทรัพย์สินและสกัดธุรกรรมคริปโทฯ
ส่วนที่ฝรั่งเศส ราชิดา ดาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยเหตุโจรกรรมในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงปารีส ช่วงเช้าวันอาทิตย์ (19 ต.ค.) ส่งผลให้พิพิธภัณฑ์ชื่อดังต้องปิดทำการหนึ่งวัน สื่อท้องถิ่นรายงานว่ากลุ่มคนร้ายลงมือในช่วง 9.30–9.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น และสามารถหลบหนีไปพร้อมทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรม โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประเมินมูลค่าความเสียหาย
อีกด้านหนึ่ง สหรัฐฯ เผชิญคลื่นการประท้วงครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ “No Kings” เมื่อวันเสาร์ (18 ต.ค.) มีชาวอเมริกันเข้าร่วมกว่า 7 ล้านคนทั่วประเทศ ต่อต้านสิ่งที่มองว่าเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยทรัมป์ตอบโต้ด้วยการโพสต์วิดีโอจาก AI แสดงภาพตนในบท “ราชา” ขับเครื่องบินรบโจมตีผู้ชุมนุม สร้างกระแสวิพากษ์อย่างรุนแรงในโลกออนไลน์
ขณะเดียวกัน สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสจาก “AA-/A-1+” เหลือ “A+/A-1” โดยให้เหตุผลว่าฐานะการคลังยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้รัฐบาลเพิ่งเสนอร่างงบประมาณปี 2569 ต่อสภา ทั้งยังประเมินว่าฝรั่งเศสจะขาดดุลงบประมาณราว 5.4% ของ GDP ในปี 2568
สหรัฐฯ ยังมีแรงกดดันจากคดีฟ้องแบบกลุ่มต่อธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่ง เช่น เจพีมอร์แกน เชส, แบงก์ ออฟ อเมริกา, เวลส์ ฟาร์โก และอีกหลายแห่ง ถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (U.S. prime rate) สูงเกินจริงมานานกว่า 30 ปี ซึ่งกระทบผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กทั่วประเทศ
ด้านจีน รายงานจากศูนย์สารสนเทศเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศจีน (CNNIC) ระบุว่า จำนวนผู้ใช้งาน “ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์” (Generative AI) เพิ่มขึ้นเป็น 515 ล้านคน ณ เดือนมิถุนายน 2568 เพิ่มขึ้นเท่าตัวในเวลาเพียง 6 เดือน คิดเป็นสัดส่วน 36.5% ของประชากรออนไลน์ โดย AI ถูกนำไปใช้ในงานค้นหา การสร้างคอนเทนต์ และระบบอัจฉริยะต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย
ขณะที่มูดี้ส์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลที่ระดับ Baa1 โดยชี้ว่าข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาเป็นปัจจัยบวกต่อเสถียรภาพทางการเงิน แต่เตือนว่ายังมีความเสี่ยงระดับสูงหากกระบวนการเจรจาสันติภาพหยุดชะงักในระยะต่อไป
#ดาวโจนส์ #ทรัมป์ #จีน #เศรษฐกิจโลก #ตลาดหุ้นเอเชีย #ลูฟวร์ #มูดี้ส์ #AIจีน #ข่าวต่างประเทศ #เศรษฐกิจวันนี้ #เกาหลีใต้ #กัมพูชา
ประเด็นข่าวรอบโลก (20 ต.ค.68) ทั่วโลกจับตาคดี "พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์" โดนปล้น - "เกาหลีใต้"