สวัสดีครับชาวพันทิปทุกท่าน! 🖐️
วันนี้ขอมาตั้งกระทู้ สดๆ ร้อนๆ กับภารกิจ "สร้างบ้านน็อคดาว์น" ในยุค 2025 ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง? งบจะบานปลายมั้ย? บริษัทที่เลือกโอเคหรือเปล่า?
ใครกำลังเล็ง ๆ อยากมีบ้านเล็ก ๆ ห้ามพลาดกระทู้นี้เลยครับ!
มาเริ่มกันที่
"โจทย์" ของผมก่อน:
กรณีศึกษา: บ้านน็อคดาว์นชั้นเดียว จิ๋วแต่แจ๋ว พื้นที่ใช้สอย
18 ตารางเมตร (แบบสำเร็จรูป)
ฟังก์ชัน: 1 ห้องโถง 1 ห้องน้ำ
ราคาตามสัญญา: 160,000 บาท ถ้วน! (เฉลี่ย 8,888 บาท/ตร.ม.)
พิกัด: ในเขตกรุงเทพฯ นี่เองครับ
เอาล่ะ... ไปลุยกันเลย!
✅ สเต็ป 1: ภารกิจตามล่าหาบริษัทที่ "ใช่" 🕵️♂️
ยุคนี้หาข้อมูลออนไลน์ง่ายมากครับ แต่ก็เยอะจนตาลาย! ผมขอสรุปประเด็นที่ใช้พิจารณาแบบฉบับคนขี้เกียจอ่านเยอะ ดังนี้:
- ประเด็นแรก: กำเงินไว้เท่าไหร่? 💰 งบประมาณคือตัวกำหนดทุกสิ่งครับ บริษัทรับสร้างบ้านก็มีหลายเกรดมาก บางเจ้ามีหลายแบรนด์เพื่อจับลูกค้าคนละกลุ่มเลย เราต้องชัดเจนกับงบตัวเองก่อน
- ประเด็นสอง: ส่องโปรไฟล์! พองบชัด ก็จะเจอบริษัทในเรทราคานั้น ๆ เพียบ! ทีนี้ก็ต้องมาส่องความน่าเชื่อถือ, ประสบการณ์, และที่สำคัญคือ "การบริการ" ครับ
รีวิวลูกค้าจริงเป็นยังไง?
แอดมินตอบแชทเร็วมั้ย? (อันนี้สำคัญมากสำหรับผม 555)
การพูดคุย บรรยากาศเป็นกันเองมั้ย? หรือถามคำตอบคำ
- ประเด็นสุดท้าย: ขอดู "สเปค" และ "ต่อรอง" เมื่อเจอเจ้าที่ถูกชะตา ลองเทียบสเปควัสดุกับเจ้าอื่น ๆ ดูครับ แล้วเอามาต่อรองกับเจ้าที่เราชอบ!
"ลดอีกนิดได้มั้ย?"
"แถมฉนวนกันร้อนให้หนาขึ้นอีกนิดได้มั้ยครับ?"
"กันสาดยื่นอีกหน่อย"
ที่สำคัญคือ นวัตกรรมการสร้าง/ติดตั้ง ตอบโจทย์พื้นที่เรามั้ย (เช่น ซอยแคบมาก ยกมาทั้งหลังไม่ได้นะ!)
เคสของผม: คือคุยกันมันส์มากครับ คุย LINE วันที่ 1 ส.ค. -> 2 ส.ค. ได้ใบเสนอราคา ->
ตกลงปลงใจ โอนมัดจำ 50% (80,000 บ.) อย่างรวดเร็ว! (เพราะคุยมาหลายเจ้า และเจ้านี้ตอบไว ตรงโจทย์สุด) นัดเข้าดูสถานที่ 6 ส.ค. ทันใจวัยรุ่นมากครับ!
✅ สเต็ป 2: เคลียร์พื้นที่รอ... พร้อม! 👷♀️
ขั้นตอนนี้อาจจะทำไปพร้อม ๆ กับหาบริษัทเลยก็ได้ครับ
สำหรับเคสผม โชคดีหน่อยที่เป็นการสร้างบนพื้นปูน (ลานจอดรถเดิม) ที่เคยลงเสาแบบปูพรมไว้แล้ว น่าจะรับน้ำหนักบ้านชั้นเดียวไหว สบายไป
แต่... มันมีต้นไม้ใหญ่ขวางทางอยู่ครับ แถมข้างในโดนปลวกแทะไปเยอะแล้ว เลยจำใจต้องบ๊ายบายน้อง 😭
โดนค่าตัดต้นไม้ไป 4,000 บาท 💸 (พื้นที่ตรงนี้แหละ ที่เราจะใช้ฝังถังแซท)
✅ สเต็ป 3: ทีมช่างลงพื้นที่จริง (นัดไวมาก!) 📏
วันที่ 6 ส.ค. (10.30 น.) ทีมช่างก็บุกมาถึงที่ครับ มาวัดจุดเป๊ะๆ ว่าจะวางบ้านตรงไหน (บ้านเราต้องประกอบหน้างาน เพราะซอยแคบ ยกมาทั้งหลังไม่ไหว)
ช่างก็วัดระยะห่างจากตัวบ้านเดิม, รั้ว, ดูจุดวางคอนเดนเซอร์แอร์ให้เรียบร้อย และ... เคาะวันติดตั้งเลยครับ!
นัดวันเข้างาน 15-16 ส.ค. (ใช้เวลา 2 วัน) โคตรไว!
✅ สเต็ป 4: D-DAY! วันประกอบร่าง (15 ส.ค.) 🏠
วันนี้คือไฮไลท์ครับ! ช่างมากันประมาณสายๆ
เริ่มจากวางแผ่นพื้นทางเดิน (อันนี้ผมสั่งเพิ่มเอง 8 แผ่น 3,500 บาท) ใช้เป็นฐานปรับระดับบ้าน
จากนั้นประกอบ "ขา" บ้าน ยกสูง 20 ซม. (มี 12 จุด)
ขึ้นโครงสร้างเหล็ก GI กันสนิม (คานพื้น, เสา, คานหลังคา)
ปูพื้นซีเมนต์บอร์ด หนา 16 มม. (ส่วนห้องน้ำใช้แผ่น SPC UV กันน้ำ)
ติดตั้งผนัง "ไอโซวอล" (Isowall) หนา 2 นิ้ว กันความร้อน
ใส่ประตูกระจกบานสไลด์ (กว้าง 1.8 ม.), หน้าต่าง (1x1 ม.)
ปิดจ๊อบวันแรกด้วยหลังคาเมทัลชีทเสริม PU กันความร้อน
ผ่านไป 1 วัน... โครงบ้านเสร็จแล้ว! ไวเกิ๊น! 😱 (จ่ายงวดที่สองอีก 25% = 40,000 บาท)
✅ สเต็ป 5: วันเก็บงาน + จ่ายจบ (16 ส.ค.) ✨
วันที่สอง ช่างมาเก็บงานภายในต่อครับ
ภารกิจใหญ่คือ ขุดถังแซท! ลึกประมาณ 1 ม. กว้าง 1.5 ม. เพื่อลงถัง 1,000 ลิตร
ต่อท่อน้ำทิ้ง, ทากันซึม
ติดตั้งสุขภัณฑ์ (ชักโครก, สายชำระ, เครื่องทำน้ำอุ่น, ฝักบัว, อ่างล้างมือ, พัดลมดูดอากาศ)
ปูพื้นกระเบื้องยาง (ลายไม้สวยๆ)
เดินระบบไฟฟ้า: ตู้เมน, ไฟ 3 จุด, ปลั๊ก 2 จุด, ไฟหน้าบ้าน 2 ดวง (มีคัตเอาท์แอร์รอไว้)
เก็บรายละเอียด: ปิดขอบมุม, ยิงซิลิโคน, ปิดขารอบตัวบ้าน
งานเพิ่มเติม (จ่ายเพิ่ม): มีงานต่อไฟ และน้ำประปาจากบ้านหลักเข้าสู่บ้านน็อคดาว์น บริษัทคิดเพิ่ม 2,500 บาท
จ่ายงวดสุดท้าย + ค่างานเพิ่มเติม + ค่าแผ่นพื้น = 46,000 บาท
🎉 เสร็จแล้ววววว! มาดูสรุปค่าเสียหายกัน! 🎉
หลังจากบ้านเสร็จ ก็เรียกช่างแอร์มาติด (อันนี้จ่ายแยก)
ค่าแอร์ + ค่าติดตั้งส่วนเกิน (ท่อยาว) = 24,187 บาท
ติดราวม่าน + ผ้าม่านเอง ชิลๆ = 700 บาท
สรุปค่าเสียหายทั้งหมด (แบบไม่กั๊ก):
1. ค่าบ้านน็อคดาว์นตามสัญญา: 160,000 บาท
2. ค่าตัดต้นไม้ (เตรียมพื้นที่): 4,000 บาท
3. ค่าแผ่นพื้นทางเดิน (สั่งเพิ่ม): 3,500 บาท
4. ค่างานต่อไฟ/น้ำเข้าบ้าน (เพิ่ม): 2,500 บาท
5. ค่าแอร์ (1 ตัว + ค่าติดตั้ง): 24,187 บาท
6. ค่าราวม่าน + ผ้าม่าน: 700 บาท
รวมเบ็ดเสร็จจบโปรเจกต์นี้ = 194,887 บาท
ก็ถือว่าแฮปปี้มากครับ ได้บ้านเล็ก ๆ ไว้ใช้งานในงบที่ไม่บานปลาย (เพราะเราคุมส่วนเพิ่มเอง 555) และที่สำคัญคือ "เสร็จไวมาก" แค่ 2 วันจริง ๆ ครับ!
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ๆ ที่กำลังหาข้อมูลสร้างบ้านน็อคดาว์นอยู่นะครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
[CR] รีวิวโคตรเรียล! สร้างบ้านน็อคดาว์นปี 2025 งบ 160,000 บาท เสร็จจริงใน 2 วัน? มาดูทุกขั้นตอน และค่าใช้จ่ายกัน!
วันนี้ขอมาตั้งกระทู้ สดๆ ร้อนๆ กับภารกิจ "สร้างบ้านน็อคดาว์น" ในยุค 2025 ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง? งบจะบานปลายมั้ย? บริษัทที่เลือกโอเคหรือเปล่า?
ใครกำลังเล็ง ๆ อยากมีบ้านเล็ก ๆ ห้ามพลาดกระทู้นี้เลยครับ!
มาเริ่มกันที่ "โจทย์" ของผมก่อน:
กรณีศึกษา: บ้านน็อคดาว์นชั้นเดียว จิ๋วแต่แจ๋ว พื้นที่ใช้สอย 18 ตารางเมตร (แบบสำเร็จรูป) ฟังก์ชัน: 1 ห้องโถง 1 ห้องน้ำ ราคาตามสัญญา: 160,000 บาท ถ้วน! (เฉลี่ย 8,888 บาท/ตร.ม.) พิกัด: ในเขตกรุงเทพฯ นี่เองครับ
เอาล่ะ... ไปลุยกันเลย!
✅ สเต็ป 1: ภารกิจตามล่าหาบริษัทที่ "ใช่" 🕵️♂️
ยุคนี้หาข้อมูลออนไลน์ง่ายมากครับ แต่ก็เยอะจนตาลาย! ผมขอสรุปประเด็นที่ใช้พิจารณาแบบฉบับคนขี้เกียจอ่านเยอะ ดังนี้:
- ประเด็นแรก: กำเงินไว้เท่าไหร่? 💰 งบประมาณคือตัวกำหนดทุกสิ่งครับ บริษัทรับสร้างบ้านก็มีหลายเกรดมาก บางเจ้ามีหลายแบรนด์เพื่อจับลูกค้าคนละกลุ่มเลย เราต้องชัดเจนกับงบตัวเองก่อน
- ประเด็นสอง: ส่องโปรไฟล์! พองบชัด ก็จะเจอบริษัทในเรทราคานั้น ๆ เพียบ! ทีนี้ก็ต้องมาส่องความน่าเชื่อถือ, ประสบการณ์, และที่สำคัญคือ "การบริการ" ครับ
รีวิวลูกค้าจริงเป็นยังไง?
แอดมินตอบแชทเร็วมั้ย? (อันนี้สำคัญมากสำหรับผม 555)
การพูดคุย บรรยากาศเป็นกันเองมั้ย? หรือถามคำตอบคำ
- ประเด็นสุดท้าย: ขอดู "สเปค" และ "ต่อรอง" เมื่อเจอเจ้าที่ถูกชะตา ลองเทียบสเปควัสดุกับเจ้าอื่น ๆ ดูครับ แล้วเอามาต่อรองกับเจ้าที่เราชอบ!
"ลดอีกนิดได้มั้ย?"
"แถมฉนวนกันร้อนให้หนาขึ้นอีกนิดได้มั้ยครับ?"
"กันสาดยื่นอีกหน่อย"
ที่สำคัญคือ นวัตกรรมการสร้าง/ติดตั้ง ตอบโจทย์พื้นที่เรามั้ย (เช่น ซอยแคบมาก ยกมาทั้งหลังไม่ได้นะ!)
เคสของผม: คือคุยกันมันส์มากครับ คุย LINE วันที่ 1 ส.ค. -> 2 ส.ค. ได้ใบเสนอราคา -> ตกลงปลงใจ โอนมัดจำ 50% (80,000 บ.) อย่างรวดเร็ว! (เพราะคุยมาหลายเจ้า และเจ้านี้ตอบไว ตรงโจทย์สุด) นัดเข้าดูสถานที่ 6 ส.ค. ทันใจวัยรุ่นมากครับ!
✅ สเต็ป 2: เคลียร์พื้นที่รอ... พร้อม! 👷♀️
ขั้นตอนนี้อาจจะทำไปพร้อม ๆ กับหาบริษัทเลยก็ได้ครับ
สำหรับเคสผม โชคดีหน่อยที่เป็นการสร้างบนพื้นปูน (ลานจอดรถเดิม) ที่เคยลงเสาแบบปูพรมไว้แล้ว น่าจะรับน้ำหนักบ้านชั้นเดียวไหว สบายไป
แต่... มันมีต้นไม้ใหญ่ขวางทางอยู่ครับ แถมข้างในโดนปลวกแทะไปเยอะแล้ว เลยจำใจต้องบ๊ายบายน้อง 😭 โดนค่าตัดต้นไม้ไป 4,000 บาท 💸 (พื้นที่ตรงนี้แหละ ที่เราจะใช้ฝังถังแซท)
✅ สเต็ป 3: ทีมช่างลงพื้นที่จริง (นัดไวมาก!) 📏
วันที่ 6 ส.ค. (10.30 น.) ทีมช่างก็บุกมาถึงที่ครับ มาวัดจุดเป๊ะๆ ว่าจะวางบ้านตรงไหน (บ้านเราต้องประกอบหน้างาน เพราะซอยแคบ ยกมาทั้งหลังไม่ไหว)
ช่างก็วัดระยะห่างจากตัวบ้านเดิม, รั้ว, ดูจุดวางคอนเดนเซอร์แอร์ให้เรียบร้อย และ... เคาะวันติดตั้งเลยครับ! นัดวันเข้างาน 15-16 ส.ค. (ใช้เวลา 2 วัน) โคตรไว!
✅ สเต็ป 4: D-DAY! วันประกอบร่าง (15 ส.ค.) 🏠
วันนี้คือไฮไลท์ครับ! ช่างมากันประมาณสายๆ
เริ่มจากวางแผ่นพื้นทางเดิน (อันนี้ผมสั่งเพิ่มเอง 8 แผ่น 3,500 บาท) ใช้เป็นฐานปรับระดับบ้าน
จากนั้นประกอบ "ขา" บ้าน ยกสูง 20 ซม. (มี 12 จุด)
ขึ้นโครงสร้างเหล็ก GI กันสนิม (คานพื้น, เสา, คานหลังคา)
ปูพื้นซีเมนต์บอร์ด หนา 16 มม. (ส่วนห้องน้ำใช้แผ่น SPC UV กันน้ำ)
ติดตั้งผนัง "ไอโซวอล" (Isowall) หนา 2 นิ้ว กันความร้อน
ใส่ประตูกระจกบานสไลด์ (กว้าง 1.8 ม.), หน้าต่าง (1x1 ม.)
ปิดจ๊อบวันแรกด้วยหลังคาเมทัลชีทเสริม PU กันความร้อน
ผ่านไป 1 วัน... โครงบ้านเสร็จแล้ว! ไวเกิ๊น! 😱 (จ่ายงวดที่สองอีก 25% = 40,000 บาท)
✅ สเต็ป 5: วันเก็บงาน + จ่ายจบ (16 ส.ค.) ✨
วันที่สอง ช่างมาเก็บงานภายในต่อครับ
ภารกิจใหญ่คือ ขุดถังแซท! ลึกประมาณ 1 ม. กว้าง 1.5 ม. เพื่อลงถัง 1,000 ลิตร
ต่อท่อน้ำทิ้ง, ทากันซึม
ติดตั้งสุขภัณฑ์ (ชักโครก, สายชำระ, เครื่องทำน้ำอุ่น, ฝักบัว, อ่างล้างมือ, พัดลมดูดอากาศ)
ปูพื้นกระเบื้องยาง (ลายไม้สวยๆ)
เดินระบบไฟฟ้า: ตู้เมน, ไฟ 3 จุด, ปลั๊ก 2 จุด, ไฟหน้าบ้าน 2 ดวง (มีคัตเอาท์แอร์รอไว้)
เก็บรายละเอียด: ปิดขอบมุม, ยิงซิลิโคน, ปิดขารอบตัวบ้าน
งานเพิ่มเติม (จ่ายเพิ่ม): มีงานต่อไฟ และน้ำประปาจากบ้านหลักเข้าสู่บ้านน็อคดาว์น บริษัทคิดเพิ่ม 2,500 บาท
จ่ายงวดสุดท้าย + ค่างานเพิ่มเติม + ค่าแผ่นพื้น = 46,000 บาท
🎉 เสร็จแล้ววววว! มาดูสรุปค่าเสียหายกัน! 🎉
หลังจากบ้านเสร็จ ก็เรียกช่างแอร์มาติด (อันนี้จ่ายแยก)
ค่าแอร์ + ค่าติดตั้งส่วนเกิน (ท่อยาว) = 24,187 บาท
ติดราวม่าน + ผ้าม่านเอง ชิลๆ = 700 บาท
สรุปค่าเสียหายทั้งหมด (แบบไม่กั๊ก):
1. ค่าบ้านน็อคดาว์นตามสัญญา: 160,000 บาท
2. ค่าตัดต้นไม้ (เตรียมพื้นที่): 4,000 บาท
3. ค่าแผ่นพื้นทางเดิน (สั่งเพิ่ม): 3,500 บาท
4. ค่างานต่อไฟ/น้ำเข้าบ้าน (เพิ่ม): 2,500 บาท
5. ค่าแอร์ (1 ตัว + ค่าติดตั้ง): 24,187 บาท
6. ค่าราวม่าน + ผ้าม่าน: 700 บาท
รวมเบ็ดเสร็จจบโปรเจกต์นี้ = 194,887 บาท
ก็ถือว่าแฮปปี้มากครับ ได้บ้านเล็ก ๆ ไว้ใช้งานในงบที่ไม่บานปลาย (เพราะเราคุมส่วนเพิ่มเอง 555) และที่สำคัญคือ "เสร็จไวมาก" แค่ 2 วันจริง ๆ ครับ!
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้อง ๆ ที่กำลังหาข้อมูลสร้างบ้านน็อคดาว์นอยู่นะครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้