บทนำ รถบัสกลางคืนและฝนที่ตกไม่หยุด
เสียงฝนตกเบาๆ เกือบตลอดทาง
ผมหลับ ๆ ตื่น ๆ บนรถบัสนอน “แอร์เลย” จากหมอชิต จนถึง "ผานกเค้า" ตอนตีสี่
ข้าวต้มหมูร้อน ๆ กับไข่ลวกสองฟองร้านเจ๊กิม คืออาหารเช้าแสนธรรมดาที่ดีที่สุดในตอนนี้
ฝนยังไม่หยุด ส่งสัญญาณว่าวันนี้จะเป็นวันที่ท้าทาย
หลายปีจากการทำงาน ชีวิตเหมือนเครื่องจักร ตื่น ทำงาน กิน นอน วนซ้ำๆ
จนไม่แน่ใจว่าเป็นความสุข หรือเป็นแค่การอดทนต่อความซ้ำซาก
ผมก็ไม่รู้เช่นกันว่าการเดินทางครั้งนี้ คือการพิสูจน์อะไร หรือแค่ท่องเที่ยวเพื่อหลีกหนีความจริง
แม้ทริปภูกระดึงนี้จะเพียงแค่วันเดียว
แต่กับเส้นทาง บ้านศรีฐาน – หลังแป - ผาหล่มสัก แล้วย้อนกลับทางเดิม
ผมไม่อยากคิดอะไรต่อ แค่ปล่อยมันให้เกิดขึ้นเอง และรับรู้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ตอนที่ 1 ก้าวแรกของความเจ็บ
หลังจากลงทะเบียน ผมเริ่มเดินตั้งแต่ 7 โมงเช้า
ฝนหยุดแล้ว แต่เส้นทางเริ่มต้นด้วยโคลนและกลิ่นดิน
ผสมกับความชันและความลื่น ร่างกายที่เพลียล้า หลับไม่สนิททั้งคืน ทำให้ขาเริ่มสั่นตั้งแต่กิโลเมตรแรก
กิโลแรกบอกความจริงว่า ผมไม่ใช่นักเดินเขาที่เก่งกาจอะไร
ทุกก้าว เหมือนการตอกย้ำความจริงซ้ำๆ ไปมา
รู้สึกถึงแรงกระแทกที่หัวเข่า ขาและเท้า
เกือบเป็นตะคริวก็หลายครั้ง
ซักพักไม่นาน เสียงความคิดในหัวก็ค่อยๆ หายไป
ความปวดเมื่อยเข้ากันกับจังหวะลมหายใจได้ดี
ปวดขาบ้าง หายใจไม่ทันบ้าง ผ่านไปซำแล้ว ซำเล่า
ตอนที่ 2 จังหวะของความทรหด
กกค่า กกกอก กอซาง พร่านพรานแป กกหว้า กกไผ่
ทุกจุด ทุกซำ คือเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำให้เดินต่อได้
เมื่อความเจ็บมันซ้ำต่อเนื่อง มันกลายเป็นทำนอง
คล้ายกับการซ้อมอะไรบางอย่าง จนชินเป็นธรรมชาติ
ร่างกายคนเรานั้นสุดมหัศจรรย์
พอจดจำความเจ็บปวดได้
สมองก็ค่อย ๆ ทำความคุ้นเคยและสงบลง
สุดท้ายเหลือเพียงความเงียบในใจที่ไม่ต้องคิดอะไรอีก
กลายเป็นชั่วขณะพิเศษเล็กๆ
ที่ไม่ได้ค่อยได้เจอบ่อยในชีวิต
ตอนที่ 3 ผู้คนที่สอนบทเรียนระหว่างทาง
ผมเห็น
ลูกหาบ แบกของหนักสี่สิบกิโลขึ้นทางชัน
ทุกก้าวของพวกเขานิ่ง สม่ำเสมอ และมั่นคง
แต่สีหน้าและแววตา
บ่งบอกอะไรบางอย่างที่ไม่ชัดเจน
เจ็บปวด เหนื่อย เมื่อยล้า
หรือกำลังต่อสู้กับอะไรแน่?
แต่นี่คืองาน และงานก็ต้องทำ
ไม่มีอะไรซับซ้อน
ครั้งนี้ผมแปลกใจที่เห็น
เด็ก ๆ ไม่เกิน 10 ขวบ เที่ยวภูกระดึงกันมากขึ้น
พวกเขาวิ่งสวนลงมา หัวเราะโดยไม่สนว่าทางจะชันแค่ไหน
ลื่นบ้าง ล้มบ้าง แล้วลุกขึ้นวิ่งต่อ แต่ก็ยังยิ้มได้
พ่อแม่คอยห้ามอยู่ข้างหลัง --- "อย่าวิ่ง ระวังลื่น"
แต่เด็กไม่ฟัง เพราะสำหรับพวกเขา
มันไม่ได้ "เสี่ยง" มันคือการ "เล่น"
และบางที พวกผู้ใหญ่ไม่ได้โตขึ้นหรอก
แค่ “กลัว” มากขึ้น เท่านั้นเอง
[CR] ความสุขที่เจ็บปวด : หนึ่งวัน 29 กิโลเมตรบนภูกระดึง
บทนำ รถบัสกลางคืนและฝนที่ตกไม่หยุด
เสียงฝนตกเบาๆ เกือบตลอดทาง
ผมหลับ ๆ ตื่น ๆ บนรถบัสนอน “แอร์เลย” จากหมอชิต จนถึง "ผานกเค้า" ตอนตีสี่
ข้าวต้มหมูร้อน ๆ กับไข่ลวกสองฟองร้านเจ๊กิม คืออาหารเช้าแสนธรรมดาที่ดีที่สุดในตอนนี้
ฝนยังไม่หยุด ส่งสัญญาณว่าวันนี้จะเป็นวันที่ท้าทาย
หลายปีจากการทำงาน ชีวิตเหมือนเครื่องจักร ตื่น ทำงาน กิน นอน วนซ้ำๆ
จนไม่แน่ใจว่าเป็นความสุข หรือเป็นแค่การอดทนต่อความซ้ำซาก
ผมก็ไม่รู้เช่นกันว่าการเดินทางครั้งนี้ คือการพิสูจน์อะไร หรือแค่ท่องเที่ยวเพื่อหลีกหนีความจริง
แม้ทริปภูกระดึงนี้จะเพียงแค่วันเดียว
แต่กับเส้นทาง บ้านศรีฐาน – หลังแป - ผาหล่มสัก แล้วย้อนกลับทางเดิม
ผมไม่อยากคิดอะไรต่อ แค่ปล่อยมันให้เกิดขึ้นเอง และรับรู้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
ตอนที่ 1 ก้าวแรกของความเจ็บ
หลังจากลงทะเบียน ผมเริ่มเดินตั้งแต่ 7 โมงเช้า
ฝนหยุดแล้ว แต่เส้นทางเริ่มต้นด้วยโคลนและกลิ่นดิน
ผสมกับความชันและความลื่น ร่างกายที่เพลียล้า หลับไม่สนิททั้งคืน ทำให้ขาเริ่มสั่นตั้งแต่กิโลเมตรแรก
กิโลแรกบอกความจริงว่า ผมไม่ใช่นักเดินเขาที่เก่งกาจอะไร
ทุกก้าว เหมือนการตอกย้ำความจริงซ้ำๆ ไปมา
รู้สึกถึงแรงกระแทกที่หัวเข่า ขาและเท้า
เกือบเป็นตะคริวก็หลายครั้ง
ซักพักไม่นาน เสียงความคิดในหัวก็ค่อยๆ หายไป
ความปวดเมื่อยเข้ากันกับจังหวะลมหายใจได้ดี
ปวดขาบ้าง หายใจไม่ทันบ้าง ผ่านไปซำแล้ว ซำเล่า
ตอนที่ 2 จังหวะของความทรหด
กกค่า กกกอก กอซาง พร่านพรานแป กกหว้า กกไผ่
ทุกจุด ทุกซำ คือเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำให้เดินต่อได้
เมื่อความเจ็บมันซ้ำต่อเนื่อง มันกลายเป็นทำนอง
คล้ายกับการซ้อมอะไรบางอย่าง จนชินเป็นธรรมชาติ
ร่างกายคนเรานั้นสุดมหัศจรรย์
พอจดจำความเจ็บปวดได้
สมองก็ค่อย ๆ ทำความคุ้นเคยและสงบลง
สุดท้ายเหลือเพียงความเงียบในใจที่ไม่ต้องคิดอะไรอีก
กลายเป็นชั่วขณะพิเศษเล็กๆ
ที่ไม่ได้ค่อยได้เจอบ่อยในชีวิต
ตอนที่ 3 ผู้คนที่สอนบทเรียนระหว่างทาง
ผมเห็น ลูกหาบ แบกของหนักสี่สิบกิโลขึ้นทางชัน
ทุกก้าวของพวกเขานิ่ง สม่ำเสมอ และมั่นคง
แต่สีหน้าและแววตา
บ่งบอกอะไรบางอย่างที่ไม่ชัดเจน
เจ็บปวด เหนื่อย เมื่อยล้า
หรือกำลังต่อสู้กับอะไรแน่?
แต่นี่คืองาน และงานก็ต้องทำ
ไม่มีอะไรซับซ้อน
ครั้งนี้ผมแปลกใจที่เห็น เด็ก ๆ ไม่เกิน 10 ขวบ เที่ยวภูกระดึงกันมากขึ้น
พวกเขาวิ่งสวนลงมา หัวเราะโดยไม่สนว่าทางจะชันแค่ไหน
ลื่นบ้าง ล้มบ้าง แล้วลุกขึ้นวิ่งต่อ แต่ก็ยังยิ้มได้
พ่อแม่คอยห้ามอยู่ข้างหลัง --- "อย่าวิ่ง ระวังลื่น"
แต่เด็กไม่ฟัง เพราะสำหรับพวกเขา
มันไม่ได้ "เสี่ยง" มันคือการ "เล่น"
และบางที พวกผู้ใหญ่ไม่ได้โตขึ้นหรอก
แค่ “กลัว” มากขึ้น เท่านั้นเอง
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้