แบงก์เขย่า ‘ลดคน-หั่นต้นทุน’ สู้รายได้โตต่ำ-สู่ยุค AI-เวอร์ชวล-ปิดสาขาอีก

แบงก์เดินแผนลดค่าใช้จ่าย รับมือเศรษฐกิจชะลอตัว สินเชื่อติดลบ-รายได้โตช้า “กรุงเทพ-กสิกรฯ-ไทยพาณิชย์-ทีทีบี” ยอมรับเขย่าลดพนักงาน-ลดสาขา KBank ชี้เศรษฐกิจไม่โต-แบงก์หารายได้ลำบาก ปักหมุดแผน 5 ปี ลดจำนวนพนักงานลง 10-20% สอดรับกับยุคที่องค์กรใช้เทคโนโลยี AI มากขึ้น พร้อมเปลี่ยนวิธีจ้าง-เพิ่มพนักงาน “เอาต์ซอร์ซ-ฟรีแลนซ์” CEO กสิกรฯย้ำไม่ใช่แค่ธนาคาร แต่ทุกองค์กรต้องทำแผนลดค่าใช้จ่าย-ดึงเทคโนโลยีมาช่วย BBL ชูเปลี่ยนบทบาทสาขา “ไทยพาณิชย์” ชูธงลดขนาดองค์กร เป้าหมายลดคนเหลือ 1.5 หมื่น เพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI

ดร.กาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โจทย์ของธนาคารพาณิชย์ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว คือ พยายามลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องทำต่อเนื่อง เพราะการฟื้นตัวของสินเชื่อต้องใช้เวลา และรายได้ดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นรายได้ตัวหลักไม่ได้ฟื้นตัวมากนักตามดอกเบี้ยขาลง เช่นเดียวกับรายได้ค่าธรรมเนียม ประกอบกับการเข้ามาของเทคโนโลยีการเงินและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

แบงก์ “ลดคน-ลดสาขา”
ทั้งนี้แนวโน้มจำนวนสาขาและพนักงานธนาคารทยอยปรับลดลงต่อเนื่อง ตั้งแต่หลังการระบาดของโควิด-19 โดยธนาคารพยายามใช้ประโยชน์สาขาและปรับรูปแบบสาขาให้สามารถบริการได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดี จำนวนพนักงานและสาขาลดลงในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงโควิด-19

โดยธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในประเทศ 28 แห่ง ในช่วงก่อนโควิดปี 2562 มีจำนวนสาขาอยู่ที่ 6,508 แห่ง และปี 2563 มีการระบาดของโควิด-19 จำนวนสาขาอยู่ที่ 6,167 แห่ง ปี 2564 อยู่ที่ 5,650 แห่ง ปี 2565 อยู่ที่ 5,275 แห่ง ปี 2566 อยู่ที่ 5,082 แห่ง และปี 2567 ลดลงมาอยู่ที่ 4,900 แห่ง

ขณะที่จำนวนพนักงานทยอยปรับลดลงเช่นกัน โดยในปี 2562 อยู่ที่ 150,468 คน ปี 2563 อยู่ที่ 142,440 คน ปี 2564 อยู่ที่ 133,639 คน ปี 2565 อยู่ที่ 128,564 คน ปี 2566 อยู่ที่ 127,266 คน และในปี 2567 อยู่ที่ 126,742 คน

โจทย์รายได้ต้องประคอง
ดร.กาญจนากล่าวว่า อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายพนักงานต่อคนปรับเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากธนาคารสนับสนุนให้พนักงานเพิ่มทักษะเพื่อเพิ่มผลิตภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ข้อมูลปี 2562-2563 ค่าใช้จ่ายพนักงานเฉลี่ย 1.16 ล้านบาทต่อคนต่อปี และล่าสุดปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 1.34 ล้านบาทต่อคนต่อปี ขณะที่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานต่อสาขาปี 2562 เฉลี่ยอยู่ที่ 26.9 ล้านบาท ปัจจุบันในปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 34.7 ล้านบาทต่อสาขาต่อปี

“มองไปข้างหน้า โจทย์รายได้ของธนาคารพาณิชย์ทำได้แค่ประคองตัว หรือมีโอกาสลดลง ทำให้ระหว่างทางธนาคารต้องพยายามลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ทั้งการลดจำนวนพนักงาน ลดจำนวนสาขา มีการควบรวมสาขา ลดขนาด-ปรับรูปแบบ ที่ยังคงต้องทำต่อเนื่อง จะเห็นว่าสาขาปรับให้มีบริการที่หลากหลายมากขึ้น และพนักงานมีการ Upskill และ Reskill เพื่อเพิ่ม Value Added บริการได้เฉพาะเจาะจง เช่น การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน (FA) และมองไปข้างหน้ายังเป็นโจทย์ที่ธนาคารต้องพยายามทำต่อเนื่อง”

KBank เปิดแผนลดต้นทุนคน
นายจงรัก รัตนเพียร ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า หนีไม่พ้นความยากลำบากในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว รายได้หายากมากขึ้นและไม่เติบโต ภายใต้สถานการณ์นี้ธนาคารจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับรายได้

โดยในปี 2568 ตั้งเป้าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) จะอยู่ที่ Low 40% โดยธนาคารพยายามนำเรื่องของเทคโนโลยีเอามาปรับใช้ และดูในเรื่องของคน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง อย่างไรก็ดี แผนในระยะยาว 5 ปี จำนวนพนักงานจะลดลง 10-20% รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานลงในระดับเดียวกัน ทั้งนี้เป็นไปตามจังหวะและโอกาส และสอดคล้องไปกับ AI Adoption ด้วย

นายจงรักกล่าวว่า แนวโน้มจำนวนพนักงานของธนาคารในระยะต่อไป พนักงานสัญญาจ้างภายนอก (Outsource) จะมีสัดส่วนมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของงานที่เกี่ยวข้องกับงานโอเปอเรชั่น เช่น งานเอกสารต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นงานด้านการวิเคราะห์ จะเป็น Outsource มากขึ้น รวมถึงพนักงานที่เป็นฟรีแลนซ์มากขึ้น เน้นการจ้างงานแบบทำมากได้มาก เป็นต้น โดยปัจจุบันธนาคารมีพนักงานอยู่ที่ราว 1.83 หมื่นคน เป็นเอาต์ซอร์ซหลักพันคน

เออร์ลี่อายุ 45 เพื่อเปลี่ยนแปลง
ผู้จัดการใหญ่เคแบงก์กล่าวว่า ขณะที่จำนวนสาขาธนาคารทยอยปรับลดลงต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ลดลงเยอะเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา โดยแผนการปรับลดสาขาเฉลี่ยอยู่ที่ 10-20 แห่งต่อปี จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ราว 756 แห่ง คาดว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จะลงมาอยู่ที่ระดับ 700 แห่ง การปรับลดสาขาเป็นไปตามปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นในสาขา สำหรับวิธีการมี 3 รูปแบบ คือ 1.ปิดสาขา หากไม่มีลูกค้าใช้บริการ 2.ใช้วิธีควบรวมสาขาในพื้นที่ใกล้เคียง โดยไม่กระทบการใช้ของลูกค้า และ 3.การปรับขนาดสาขาให้เล็กลง ซึ่งจะทำให้ค่าเช่าที่ธนาคารต้องจ่ายลดลง เนื่องจากธนาคารเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าค่อนข้างมาก

“ธนาคารเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารพาณิชย์จึงมีความลำบากด้วยเช่นกัน”

สำหรับโครงการ “เกษียณก่อน เกษมสุข” อายุ 45-59 ปีของกสิกรฯ เป็นอีกเรื่องที่เราทำ โดยเป็นการพูดคุยกันถึงการเปลี่ยนแปลงของธนาคาร เปลี่ยนวิธีการทำงาน และเป็นความต้องการของพนักงานพอดี ซึ่งมีพนักงานบางส่วนที่ไม่น่าไหว และไม่สะดวกไปต่อกับธนาคาร สอดคล้องกับแบงก์ที่ Offer ให้ มองในมุมพนักงานก็แฮปปี้ และแบงก์อยู่ได้ ไม่ใช่จ่ายอะไรไม่รู้ แต่มันต้องไปด้วยกัน และในระยะยาว แบงก์สามารถปรับปรุงกระบวนการทำงาน นำเทคโนโลยีมาใช้ และคนอาจจะไม่ได้ใช้เยอะแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในแผนไปสู่ อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ประมาณ 40% รวมบริษัทในเครือด้วย

CEO กสิกรฯชี้ทุกองค์กรต้องทำ
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าวเสริมว่า สำหรับโครงการ “เกษียณก่อน เกษมสุข” ที่เปิดให้พนักงานเกษียณอายุก่อนกำหนด อายุตั้งแต่ 45-59 ปี ซึ่งปิดโครงการไปเมื่อ 7 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา พบว่า มีคนเข้าโครงการได้ตามเป้าหมายและเป็นที่น่าพอใจ ส่วนจะมีโครงการอีกหรือไม่นั้น มองว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว สินเชื่อติดลบ ดอกเบี้ยขาลง เชื่อว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกองค์กร ไม่ได้เฉพาะธนาคารต้องทำทุกเรื่อง โดยเฉพาะการลดค่าใช้จ่าย การดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วย และหารายได้ค่าธรรมเนียม

BBL เปลี่ยนบทบาทสาขา
ขณะที่นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า แนวโน้มการปรับลดสาขาและเอทีเอ็มทยอยปรับลดทุกธนาคาร ไม่เฉพาะธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่หันไปใช้ดิจิทัลและชำระเงินออนไลน์มากขึ้น รวมถึงเป็นการบริหารจัดการต้นทุนของธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดี การปรับลดสาขาเริ่มช้าลง เพราะมีการปรับลดค่อนข้างเยอะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

โดยเดิมธนาคารกรุงเทพมีสาขากว่า 1,000 แห่ง ปัจจุบันเหลือ 700-800 แห่ง โดยแต่ละปีปรับสาขาลงราว 50-100 แห่ง

อย่างไรก็ดี มองไปช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จะเห็นการปรับลดสาขาของธนาคารเริ่มช้าลง ทั้งนี้การลดลงจะขึ้นอยู่กับการมองสาขาเป็นอะไร โดยที่ผ่านมามองสาขาเป็นการให้บริการ แต่หากเปลี่ยนมุมมองสาขาธนาคารเป็น “จุดขาย” และ “การให้คำแนะนำ” เรียกว่าเป็น Sell Outlet แทนการเป็น Transaction Service ดังนั้น สาขาจะมีขนาดเล็กลง เพราะ Transaction Service ไปทางออนไลน์ได้ และทำให้สาขาที่เข้าถึงประชาชน เปลี่ยนมาเป็น Sell Outlet น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า แต่ขึ้นกับนโยบายของธนาคารแต่ละแห่ง

ttb ลดสาขา 30-40 แห่ง/ปี
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีทีบี กล่าวว่า ทิศทางเรื่องสาขาของธนาคารยังคงอยู่ในกระบวนการปรับลด แต่การปรับลดจะไม่ได้เร็วเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยจะเป็นการทยอยลดลงเฉลี่ยปีละ 30-40 แห่ง จากปัจจุบันธนาคารมีสาขาอยู่ที่ราว 430 แห่ง โดยการปรับลดจะมีทั้งในรูปแบบควบรวมสาขา หรือปิดสาขาตามปริมาณธุรกรรมที่ลดลง รวมถึงปรับรูปแบบสาขาให้สามารถบริการลูกค้าตามความต้องการของลูกค้า

เช่น กลุ่มธุรกรรมที่ยังต้องการพูดคุย หรือกลุ่มที่ยังไม่คุ้นชินกับดิจิทัล ตัวอย่าง กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งยังมีความต้องการใช้สาขารูปแบบดั้งเดิม ทำให้ธนาคารยังต้องคงสาขาไว้รองรับ และอยู่ในจุดที่มีธุรกรรมค่อนข้างมากอย่างสาขาในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

“เทรนด์ยังคงเป็นการปรับลดอยู่ แต่อัตราเร่งคงไม่เท่าช่วงก่อนหน้านี้ และรูปแบบสาขาจะปรับตามพฤติกรรมลูกค้าเป็นหลัก”

SCB เป้าลดเหลือ 1.5 หมื่นคน
ขณะที่นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ภายใต้ความท้าทาย 3 ด้าน ได้แก่ 1.ความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลก 2.ผู้บริโภคมีความเปราะบางมากขึ้นจากหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้การเข้าถึงสินเชื่อมีความท้าทายสูง และ 3.การเปลี่ยนแปลงในมิติการแข่งขัน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI และการเข้ามาของ Virtual Bank

ดังนั้น ภายใต้เป้าหมายการเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ระดับ 2 หลัก และอัตราต้นทุนต่อรายได้ใกล้เคียง 30% ให้มากที่สุด ธนาคารจะต้องปรับขนาดองค์กร และปรับโครงสร้างการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจที่เปลี่ยนไป

สิ่งที่เกิดขึ้นจากการลดขนาดองค์กร ยอมรับจำนวนของพนักงานจะต้องลดลงจากปัจจุบันอยู่ที่ราว 1.8-1.9 หมื่นคน เมื่อถึงปลายน้ำบนการแข่งขันและเทคโนโลยีที่เข้ามา คาดว่าจำนวนพนักงานจะอยู่ในระดับ 1.5 หมื่นคน ขณะที่จำนวนสาขาและรูปแบบจะเปลี่ยนแปลงไป โดยภายใน 5-10 ปี จะเริ่มเห็นการลดจำนวนพนักงานเหมาะสมตามทิศทางของดิจิทัล โดยธุรกรรมที่สามารถไปอยู่บนดิจิทัลหรือโมบายแบงกิ้งมากขึ้น ปีนี้รายได้จากช่องทางดิจิทัลจะอยู่ที่ 25%

ขณะที่ธุรกรรมบนสาขาหรือรูปแบบสาขาจะเปลี่ยนไป จากปัจจุบันมีธนาคารไทยพาณิชย์มีสาขาอยู่ 651 แห่ง คาดว่าหลังจากนี้จะทยอยปิดเพิ่มเติม

“การลดขนาดองค์กร แน่นอนธนาคารต้องปรับลดขนาดของคนด้วย แต่การดำเนินงานจะอยู่ภายใต้ความโปร่งใสและเหมาะสม ซึ่งการลดทำมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้ดูเรื่องของอายุ และดูจากความทับซ้อนของส่วนงาน” ซีอีโอแบงก์ไทยพาณิชย์กล่าว

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1903509

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่