จากคลิปนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก็เลยไปหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลางรับของทีมชาติอังกฤษ ไหนๆก็หามาแล้วก็เล่าซะหน่อย
โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ : กลางรับที่เก่งมากแต่เจ็บง่าย
คุณสมบัติ : ความเข้าใจเกมสูง เทคนิคยอดเยี่ยมความสามารถครบทุกด้าน เลี้ยงบอลได้ แย่งบอลได้ เปิดบอลก็ได้ ทำได้ทุกอย่าง
ฮาร์กรีฟส์ เป็นนักเตะที่ "สเวน โกรัน อีริคสัน" อยากใช้งานมาก เปิดสนามบอลโลก 2002 กับสวีเดนก็เป็นกลางรับตัวจริง
แต่มานัดที่สองเล่ยกับอาร์เจนติน่าเล่นไป 19 นาทีก็เจ็บจนหมดสิทธิ์ลงช่วยทีมในเกมต่อๆไป
ยูโร 2004 เป็นสำรองลงไปเล่นเกมรับ
บอลโลก 2006 สองเกมแรกเก็บได้ 6 แต้มเต็มเข้ารอบไปแล้ว เกมที่สาม "สเวน โกรัน อีริคสัน" เลยลองให้มีกลางรับ ตัว"ฮาร์กรีฟส์" เลยได้โอกาส
เกมรอบ 16 ทีมกับ "เอกวาดอร์" ก็เล่นตำแหน่งแบ็กขวา รอบ 8 ทีมกับ "โปรตุเกส" กลับมาเล่นกลางรับ จบเกมเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยม
รอบคัดเลือกยูโร 2008 ลงเล่นไป 4 เกมจาก 6 เกมแรก แต่ช่วงหลังมีอาการบาดเจ็บรบกวนจนไม่ถูกเรียกตัว
สรุป : โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนก็จะเป็นตัวหลักทีมชาติอังกฤษแน่ๆ แต่ดันเจ็บบ่อยเกิน
นิกกี้ บัตต์ : กลางรับของแท้
คูณสมบัติ : แย่งบอลเก่ง ยืนตำแหน่งเกมรับดี
บอลโลก 2002 เป็นกลางรับตัวหลักที่พาทีมไปถึงรอบ 8 ทีม ส่วนหนึ่งเพราะตัวโปรดของ "สเวน โกรัน อีริคสัน" อย่าง "ฮาร์กรีฟส์"เจ็บไปด้วย
รอบคัดเลือกยูโร 2004 แข่ง 8 นัด "นิกกี้ บัตต์" เป็นตัวจริง 4 นัด เป็นตัวสำรองเปลี่ยนแทน "เจอร์ราร์ด" อีก 2 นัด
ยูโร 2004 ติดทีมแต่ไม่ได้ลง เพราะมี "ฮาร์กรีฟส์" เป็นสำรองตัวเลือกแรกสำหรับเล่นเกมรับ
บอลโลก 2006 รอบคัดเลือก ได้เป็นตัวจริง 2 นัด แต่หลังจากนั้นมีปัญหากับโค้ชนิวคาสเซิ่ล "แกรม ซูเนสส์" จนไม่มีโอกาสเล่นกับสโมสร ทำให้หมดโอกาสในทีมชาติไปด้วย
สรุป : นิกกี้ บัตต์ เพระามีปัญหาส่วนตัวในระดับสโมสรเลยเสียโอกาสในทีมชาติไปถาวรเลย ทั้งๆที่ "สเวน โกรัน อีริคสัน" ใช้งานอยู่เรื่อยๆแท้ๆ
ไมเคิล คาร์ริค : จุดเด่นคือจุดด้อยกับทีมชาติ
คุณสมบัติ : อ่านเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ตัดบอลได้โดยไม่ต้องคลื่อนที่มาก จ่าบบอลแม่นยำ
ความสามารถของ "ไมเคิล คาร์ริค" ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในทีมชาติดันมี "เจอร์ราร์ด" ที่เคลื่อนที่ตามใจตัวเอง "แลมพาร์ด" ก็เคลื่อนที่ช่วยเกมรับไม่เป็น
ด้วยช่องว่างในแดนกลางมันมีมากเกินไป จนทำให้การอ่านเกมของ "ตาร์ริค" ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ไมเคิล คาร์ริค เวลาเล่นเป็นตัวจริงทีมชาติในเกมทางการผลการแข่งขันออกมาไม่ดี
07/10/2006 รอบคัดเลือกยูโร 2008 เสมอ มาซิโดเนีย 0-0
11/10/2006 รอบคัดเลือกยูโร 2008 แพ้ โครเอเซีย 0-2
10/10/2009 รอบคัดเลือกบอลโลก 2010 แพ้ ยูเครน 0-1
บอลโลก 2006 รอบ 16 ทีม ยืนเป็นตัวรับในเกมชนะ เอกวาดอร์ 1-0 แต่รอบ 8 ทีม ก็เสียตำแหน่งให้ "โอเว่น ฮาร์กรีฟส์" เล่นแทน
ยูโร 2004 ตัว "ไมเคิล คาร์ริค" เล่นในแชมเปี้ยน ชิพ 2003/04 กับ เวสต์แฮม เลยไม่ได้รับโอกาส
สรุป : ไมเคิล คาร์ริค เกิดผิดประเทศก็เลยไม่ได้โดดเด่นกับทีมชาติอย่างที่ควรเป็น
แกเร็ธ แบร์รี่ : จากปีกซ้ายมาเป็นกลางรับ
คุณสมบัติ : คอยเคลื่อนที่ให้เพื่อนเล่นง่ายทั้งเกมรับและเกมรุก แถมจ่ายบอลก็แม่น
แกเร็ธ แบร์รี่ คือกลางตัวหลักช่วงที่ "เจอร์ราร์ด" กับ "แลมพาร์ด" กำลังโดดเด่นในฐานะกองกลางที่ยิงและจ่ายได้เยอะ
โดยทั่วไป "แกเร็ธ แบร์รี่" จะยืนคู่กลางกับ "แลมพาร์ด" ส่วน "เจอร์ราร์ด" จะไปอยู่ริมเส้น นั้นคือลงตัวที่สุดแล้ว
แกเร็ธ แบร์รี่ เป็นตัวหลักทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ 2007-2011
สรุป : "แกเร็ธ แบร์รี่" คือกลางรับที่พร้อมใช้ที่สุดในตอนนั้นแล้วไม่ว่า สภาพร่างกาย และวิธีการเล่น
ส่วนที่บอกว่าให้เล่น 4-3-3 นั้น ฟาบิโอ คาเปลโล่ ลองแล้วในเกมบอลโลกรอบคัดเลือก 2010 กับ "คาซัคสถาน"
กลาง 3 คม ประกอบด้วย เจอร์ราร์ด, แลมพาร์ด และแกเร็ธ แบร์รี่ ปรากฎว่าจบครึ่งแรก 0-0
เริ่มครึ่งหลัง "คาเปลโล่" เอา "แกเร็ธ แบร์รี่" ออก เอา "ณอน ไรท์ ฟิลลิปส์" ลงมาแล้วกลับมาเล่น 4-4-2 สุดท้ายชนะไป 5-1
ส่วน "สเวน โกรัน อีริคสัน" เคยให้เล่น 4-3-1-2 แบบอิตาลี ในเกมรอบคัดเลือกบอลโลก 2006 ทีชนะเวลส์ 2-0
รูนีย์ เป็นหน้าต่ำ กลาง 3 คม แลมพาร์ด, บัตต์ และเบ็คแฮม โดยให้ "แอชลีย์ โคล" เติมขึ้นมาจากตำแหน่งแบ็กซ้ายแก้ปัญหาที่ไม่มีปีกซ้าย
เกมต่อมาใช้กับ "อาเซอร์ไบจาน" แต่ชนะแค่ 1-0 แล้วก็เลิกใช้
Full match อังกฤษ เวลส์ 2-0 แผนการเล่น 4-3-1-2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนถ้าให้ "พอล สโคลส์" ยืนเป็นตัวคุมจังหวะก็คงไม่ได้ เพราะกว่าสโคลส์จะเล่นคุมจังหวะได้ก็อายุมากแล้ว เล่นหลายเกมในหนึ่งฤดูกาลคงไม่ไหว
สรุปต้นตอของปัญหา คือ ผู้เล่นอังกฤษไม่ได้ฝึกการยืนตำแหน่งเกมรับเวลาไม่มีบอล ก็เลยทำให้ปรับแผนการเล่นยาก
ทั้ง "สเวน โกรัน อิริคสัน" กับ "ฟาบิโอ คาเปลโล่" ทำได้แค่วางแผนการเล่นที่นักเตะเข้าใจได้ง่ายๆเท่านั้น
[ทีมชาติอังกฤษ] กลางรับยุคสโคลส์, เจอร์ราร์ด และแลมพาร์ด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก็เลยไปหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลางรับของทีมชาติอังกฤษ ไหนๆก็หามาแล้วก็เล่าซะหน่อย
โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ : กลางรับที่เก่งมากแต่เจ็บง่าย
คุณสมบัติ : ความเข้าใจเกมสูง เทคนิคยอดเยี่ยมความสามารถครบทุกด้าน เลี้ยงบอลได้ แย่งบอลได้ เปิดบอลก็ได้ ทำได้ทุกอย่าง
ฮาร์กรีฟส์ เป็นนักเตะที่ "สเวน โกรัน อีริคสัน" อยากใช้งานมาก เปิดสนามบอลโลก 2002 กับสวีเดนก็เป็นกลางรับตัวจริง
แต่มานัดที่สองเล่ยกับอาร์เจนติน่าเล่นไป 19 นาทีก็เจ็บจนหมดสิทธิ์ลงช่วยทีมในเกมต่อๆไป
ยูโร 2004 เป็นสำรองลงไปเล่นเกมรับ
บอลโลก 2006 สองเกมแรกเก็บได้ 6 แต้มเต็มเข้ารอบไปแล้ว เกมที่สาม "สเวน โกรัน อีริคสัน" เลยลองให้มีกลางรับ ตัว"ฮาร์กรีฟส์" เลยได้โอกาส
เกมรอบ 16 ทีมกับ "เอกวาดอร์" ก็เล่นตำแหน่งแบ็กขวา รอบ 8 ทีมกับ "โปรตุเกส" กลับมาเล่นกลางรับ จบเกมเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยม
รอบคัดเลือกยูโร 2008 ลงเล่นไป 4 เกมจาก 6 เกมแรก แต่ช่วงหลังมีอาการบาดเจ็บรบกวนจนไม่ถูกเรียกตัว
สรุป : โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนก็จะเป็นตัวหลักทีมชาติอังกฤษแน่ๆ แต่ดันเจ็บบ่อยเกิน
นิกกี้ บัตต์ : กลางรับของแท้
คูณสมบัติ : แย่งบอลเก่ง ยืนตำแหน่งเกมรับดี
บอลโลก 2002 เป็นกลางรับตัวหลักที่พาทีมไปถึงรอบ 8 ทีม ส่วนหนึ่งเพราะตัวโปรดของ "สเวน โกรัน อีริคสัน" อย่าง "ฮาร์กรีฟส์"เจ็บไปด้วย
รอบคัดเลือกยูโร 2004 แข่ง 8 นัด "นิกกี้ บัตต์" เป็นตัวจริง 4 นัด เป็นตัวสำรองเปลี่ยนแทน "เจอร์ราร์ด" อีก 2 นัด
ยูโร 2004 ติดทีมแต่ไม่ได้ลง เพราะมี "ฮาร์กรีฟส์" เป็นสำรองตัวเลือกแรกสำหรับเล่นเกมรับ
บอลโลก 2006 รอบคัดเลือก ได้เป็นตัวจริง 2 นัด แต่หลังจากนั้นมีปัญหากับโค้ชนิวคาสเซิ่ล "แกรม ซูเนสส์" จนไม่มีโอกาสเล่นกับสโมสร ทำให้หมดโอกาสในทีมชาติไปด้วย
สรุป : นิกกี้ บัตต์ เพระามีปัญหาส่วนตัวในระดับสโมสรเลยเสียโอกาสในทีมชาติไปถาวรเลย ทั้งๆที่ "สเวน โกรัน อีริคสัน" ใช้งานอยู่เรื่อยๆแท้ๆ
ไมเคิล คาร์ริค : จุดเด่นคือจุดด้อยกับทีมชาติ
คุณสมบัติ : อ่านเกมได้อย่างยอดเยี่ยม ตัดบอลได้โดยไม่ต้องคลื่อนที่มาก จ่าบบอลแม่นยำ
ความสามารถของ "ไมเคิล คาร์ริค" ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในทีมชาติดันมี "เจอร์ราร์ด" ที่เคลื่อนที่ตามใจตัวเอง "แลมพาร์ด" ก็เคลื่อนที่ช่วยเกมรับไม่เป็น
ด้วยช่องว่างในแดนกลางมันมีมากเกินไป จนทำให้การอ่านเกมของ "ตาร์ริค" ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ไมเคิล คาร์ริค เวลาเล่นเป็นตัวจริงทีมชาติในเกมทางการผลการแข่งขันออกมาไม่ดี
07/10/2006 รอบคัดเลือกยูโร 2008 เสมอ มาซิโดเนีย 0-0
11/10/2006 รอบคัดเลือกยูโร 2008 แพ้ โครเอเซีย 0-2
10/10/2009 รอบคัดเลือกบอลโลก 2010 แพ้ ยูเครน 0-1
บอลโลก 2006 รอบ 16 ทีม ยืนเป็นตัวรับในเกมชนะ เอกวาดอร์ 1-0 แต่รอบ 8 ทีม ก็เสียตำแหน่งให้ "โอเว่น ฮาร์กรีฟส์" เล่นแทน
ยูโร 2004 ตัว "ไมเคิล คาร์ริค" เล่นในแชมเปี้ยน ชิพ 2003/04 กับ เวสต์แฮม เลยไม่ได้รับโอกาส
สรุป : ไมเคิล คาร์ริค เกิดผิดประเทศก็เลยไม่ได้โดดเด่นกับทีมชาติอย่างที่ควรเป็น
แกเร็ธ แบร์รี่ : จากปีกซ้ายมาเป็นกลางรับ
คุณสมบัติ : คอยเคลื่อนที่ให้เพื่อนเล่นง่ายทั้งเกมรับและเกมรุก แถมจ่ายบอลก็แม่น
แกเร็ธ แบร์รี่ คือกลางตัวหลักช่วงที่ "เจอร์ราร์ด" กับ "แลมพาร์ด" กำลังโดดเด่นในฐานะกองกลางที่ยิงและจ่ายได้เยอะ
โดยทั่วไป "แกเร็ธ แบร์รี่" จะยืนคู่กลางกับ "แลมพาร์ด" ส่วน "เจอร์ราร์ด" จะไปอยู่ริมเส้น นั้นคือลงตัวที่สุดแล้ว
แกเร็ธ แบร์รี่ เป็นตัวหลักทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ 2007-2011
สรุป : "แกเร็ธ แบร์รี่" คือกลางรับที่พร้อมใช้ที่สุดในตอนนั้นแล้วไม่ว่า สภาพร่างกาย และวิธีการเล่น
ส่วนที่บอกว่าให้เล่น 4-3-3 นั้น ฟาบิโอ คาเปลโล่ ลองแล้วในเกมบอลโลกรอบคัดเลือก 2010 กับ "คาซัคสถาน"
กลาง 3 คม ประกอบด้วย เจอร์ราร์ด, แลมพาร์ด และแกเร็ธ แบร์รี่ ปรากฎว่าจบครึ่งแรก 0-0
เริ่มครึ่งหลัง "คาเปลโล่" เอา "แกเร็ธ แบร์รี่" ออก เอา "ณอน ไรท์ ฟิลลิปส์" ลงมาแล้วกลับมาเล่น 4-4-2 สุดท้ายชนะไป 5-1
ส่วน "สเวน โกรัน อีริคสัน" เคยให้เล่น 4-3-1-2 แบบอิตาลี ในเกมรอบคัดเลือกบอลโลก 2006 ทีชนะเวลส์ 2-0
รูนีย์ เป็นหน้าต่ำ กลาง 3 คม แลมพาร์ด, บัตต์ และเบ็คแฮม โดยให้ "แอชลีย์ โคล" เติมขึ้นมาจากตำแหน่งแบ็กซ้ายแก้ปัญหาที่ไม่มีปีกซ้าย
เกมต่อมาใช้กับ "อาเซอร์ไบจาน" แต่ชนะแค่ 1-0 แล้วก็เลิกใช้
Full match อังกฤษ เวลส์ 2-0 แผนการเล่น 4-3-1-2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนถ้าให้ "พอล สโคลส์" ยืนเป็นตัวคุมจังหวะก็คงไม่ได้ เพราะกว่าสโคลส์จะเล่นคุมจังหวะได้ก็อายุมากแล้ว เล่นหลายเกมในหนึ่งฤดูกาลคงไม่ไหว
สรุปต้นตอของปัญหา คือ ผู้เล่นอังกฤษไม่ได้ฝึกการยืนตำแหน่งเกมรับเวลาไม่มีบอล ก็เลยทำให้ปรับแผนการเล่นยาก
ทั้ง "สเวน โกรัน อิริคสัน" กับ "ฟาบิโอ คาเปลโล่" ทำได้แค่วางแผนการเล่นที่นักเตะเข้าใจได้ง่ายๆเท่านั้น