ราคาทองคำที่พุ่งแรงแบบไม่มีสาเหตุชัดเจนในช่วงนี้ ไม่ใช่แค่การเก็งกำไร แต่มันคือ "เสียงเตือน" ที่ดังที่สุดจากระบบการเงินโลก ซึ่งคนส่วนใหญ่มองข้ามไป
ทองคำไม่ได้พูด แต่มันกำลังบอกเราว่า "บางอย่างในระบบกำลังผิดปกติอย่างรุนแรง"
ทองคำไม่เคยหลอกใครในประวัติศาสตร์
ทุกครั้งที่ทองคำทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มักมีวิกฤตการณ์ตามมาเสมอ
1. ปี 1980 ทองคำพุ่งนำหน้าวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำและเงินเฟ้อรุนแรง
2. ปี 2008 ทองคำขึ้นพร้อมกับการล้มของ Bear Stearns ก่อนจะเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
3. ปี 2011 ทองคำแตะ $1,900 ก่อนวิกฤตหนี้ยุโรปจะปะทุ
แต่ครั้งนี้แตกต่าง! การทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันนี้กำลังชี้ไปที่ประเด็นที่ใหญ่กว่าวิกฤตหนี้หรือวิกฤตฟองสบู่ นั่นคือวิกฤตความเชื่อมั่นในค่าเงิน
ประเด็นใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่อยู่ที่ "ค่าของดอลลาร์"
การที่คนและประเทศทั่วโลกแห่กันซื้อทองคำอย่างบ้าคลั่ง แปลว่า
1. ไม่เชื่อใจระบบอีกต่อไป พวกเขาไม่เชื่อมั่นในธนาคาร, ตลาดหุ้น, หรือแม้แต่ "เงินกระดาษ" (Fiat Currency) ที่ใช้กันอยู่
2. ยุคของ King Dollar กำลังจะจบลง ประเทศใหญ่ ๆ เช่น จีน, อินเดีย, รัสเซีย ต่างเร่งสะสมทองคำในห้องนิรภัย สิ่งนี้คือการสร้าง เงินสำรองใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคำสัญญาของรัฐบาลใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอลลาร์สหรัฐฯ
3. การเปลี่ยนผ่านสู่ "ทรัพย์สินจริง" โลกกำลังมองหาความมั่งคั่งที่แท้จริงที่ไม่มีใครรับรองค่า แต่มีคุณค่าในตัวเอง ทองคำจึงเป็นตัวชี้วัดความไว้วางใจของมนุษย์ทั้งโลก
คำถามที่ต้องถามตอนนี้
นี่ไม่ใช่เวลามาถามว่า "ทองคำแพงไปหรือยัง?"
แต่เป็นเวลาที่ต้องถามว่า "โลกกำลังจะเจอกับอะไรต่อไป?"
สัญญาณเตือนที่ดังที่สุดจากการทะยานของทองคำ คือการบ่งชี้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของระบบการเงินโลก ที่อาจนำไปสู่
1. ความปั่นป่วนในตลาดเครดิต
2. สงครามเงาทางภูมิรัฐศาสตร์
3. ระลอกใหม่ของเงินเฟ้อที่ควบคุมไม่ได้
สุดท้ายนี้โลกกำลังมองหา Money ใหม่ และนอกจากทองคำแล้ว Cryptocurrency (เช่น Bitcoin) ที่มีคุณสมบัติจำกัดและเป็นอิสระจากรัฐบาล ก็ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่คนกำลังใช้เพื่อหลบหนีความเสี่ยงจากระบบการเงินกระดาษที่กำลังจะถึงจุดจบ
ผู้ที่เข้าใจสัญญาณนี้ก่อน คือผู้ที่รู้ว่าเกมนี้ไม่ใช่เรื่องราคา แต่เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโลก
ทองคำกำลังส่งสัญญาณเตือน โลกการเงินกำลังจะเปลี่ยนฉาก
ราคาทองคำที่พุ่งแรงแบบไม่มีสาเหตุชัดเจนในช่วงนี้ ไม่ใช่แค่การเก็งกำไร แต่มันคือ "เสียงเตือน" ที่ดังที่สุดจากระบบการเงินโลก ซึ่งคนส่วนใหญ่มองข้ามไป
ทองคำไม่ได้พูด แต่มันกำลังบอกเราว่า "บางอย่างในระบบกำลังผิดปกติอย่างรุนแรง"
ทองคำไม่เคยหลอกใครในประวัติศาสตร์
ทุกครั้งที่ทองคำทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มักมีวิกฤตการณ์ตามมาเสมอ
1. ปี 1980 ทองคำพุ่งนำหน้าวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำและเงินเฟ้อรุนแรง
2. ปี 2008 ทองคำขึ้นพร้อมกับการล้มของ Bear Stearns ก่อนจะเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
3. ปี 2011 ทองคำแตะ $1,900 ก่อนวิกฤตหนี้ยุโรปจะปะทุ
แต่ครั้งนี้แตกต่าง! การทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบันนี้กำลังชี้ไปที่ประเด็นที่ใหญ่กว่าวิกฤตหนี้หรือวิกฤตฟองสบู่ นั่นคือวิกฤตความเชื่อมั่นในค่าเงิน
ประเด็นใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่อยู่ที่ "ค่าของดอลลาร์"
การที่คนและประเทศทั่วโลกแห่กันซื้อทองคำอย่างบ้าคลั่ง แปลว่า
1. ไม่เชื่อใจระบบอีกต่อไป พวกเขาไม่เชื่อมั่นในธนาคาร, ตลาดหุ้น, หรือแม้แต่ "เงินกระดาษ" (Fiat Currency) ที่ใช้กันอยู่
2. ยุคของ King Dollar กำลังจะจบลง ประเทศใหญ่ ๆ เช่น จีน, อินเดีย, รัสเซีย ต่างเร่งสะสมทองคำในห้องนิรภัย สิ่งนี้คือการสร้าง เงินสำรองใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคำสัญญาของรัฐบาลใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งดอลลาร์สหรัฐฯ
3. การเปลี่ยนผ่านสู่ "ทรัพย์สินจริง" โลกกำลังมองหาความมั่งคั่งที่แท้จริงที่ไม่มีใครรับรองค่า แต่มีคุณค่าในตัวเอง ทองคำจึงเป็นตัวชี้วัดความไว้วางใจของมนุษย์ทั้งโลก
คำถามที่ต้องถามตอนนี้
นี่ไม่ใช่เวลามาถามว่า "ทองคำแพงไปหรือยัง?"
แต่เป็นเวลาที่ต้องถามว่า "โลกกำลังจะเจอกับอะไรต่อไป?"
สัญญาณเตือนที่ดังที่สุดจากการทะยานของทองคำ คือการบ่งชี้ถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของระบบการเงินโลก ที่อาจนำไปสู่
1. ความปั่นป่วนในตลาดเครดิต
2. สงครามเงาทางภูมิรัฐศาสตร์
3. ระลอกใหม่ของเงินเฟ้อที่ควบคุมไม่ได้
สุดท้ายนี้โลกกำลังมองหา Money ใหม่ และนอกจากทองคำแล้ว Cryptocurrency (เช่น Bitcoin) ที่มีคุณสมบัติจำกัดและเป็นอิสระจากรัฐบาล ก็ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่คนกำลังใช้เพื่อหลบหนีความเสี่ยงจากระบบการเงินกระดาษที่กำลังจะถึงจุดจบ
ผู้ที่เข้าใจสัญญาณนี้ก่อน คือผู้ที่รู้ว่าเกมนี้ไม่ใช่เรื่องราคา แต่เป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโลก