ตื่นเช้า แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนไปทำงาน ตากหงาย แล้วถูกพระเจ้าส่งกลับมาทำงานเหมือนเดิม

สวัสดีครับ Silver Gaze ครับ

วันนี้เรามากันกับอีกหนึ่งหัวข้อที่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันของผมกันครับ เพราะหลังจากที่ได้ย้ายกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพสักพัก ผมที่ต้องนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปทำงานอยู่บ่อยๆ ก็เกิดความสงสัยขึ้นมา ว่า ‘ทำไมคนเราต้องรีบถึงขนาดวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนกันนะ ?’ ด้วยความที่มันเป็นบันไดเลื่อน แค่เรายืนอยู่เฉยๆ บันไดมันก็จะพาเราเลื่อนขึ้นไปด้านบนอยู่แล้ว แถมจากการเก็บข้อมูลของผม ถึงคุณจะวิ่งสุดแรงขึ้นบันไดเลื่อน ระยะเวลาที่ต่างกันระหว่างคุณกับผมที่ยืนดูคุณอยู่เฉยๆ แล้วรอให้บันไดเลื่อนตัวผมไป ก็จะต่างกันไม่เกิน 10 วินาที เนื่องจากความกว้างของบันไดเลื่อนมันไม่เอื้อให้คนเราเคลื่อนที่บนนั้นเท่าไหร่ 

ยิ่งเป็นตอนเช้าๆ ที่บางคนยังไม่ตื่นเท่าไหร่นี่ยิ่งแย่เลยครับ บางคนเดินขึ้นไปด้วยสีหน้าเหมือนคนที่เดินเขามาทั้งลูกแล้วกำลังจะขึ้นไปบนยอดเขา บางคนน่าจะดื่มมาหนักเมื่อวาน เดินไปก้มหน้ามองบันไดไปอย่างกับว่าบนขั้นบันไดมันมีหน้าใครติดอยู่ จนผมก็งงนะว่าถ้าพี่ก็ไม่ได้อยากเดินแต่แรก ทำไมเราไม่ทำให้บันไดเลื่อนมันยืนได้ทั้งสองแถวไปเลย แล้วคนที่รีบ ดื่มกาแฟแล้วดีด หรืออยากโชว์พลังสุดเท่แต่เช้า ผมเท่แต่เช้า ก็ไปวิ่งขึ้นบันไดธรรมดาเอา 

แต่สิ่งที่น่าสนใจของการวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนก็คือโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุครับ เพราะจากการเก็บข้อมูลของผมอีกนั่นแหละ ผมได้ข้อมูลออกมาว่า มีคนที่ ‘เอ้อะ’ หรือสะดุดระหว่างการพยายามเดินขึ้นบันไดเลื่อนถึง 5 คน ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย 4 ใน 5 เป็นคนที่เล่นมือถือไปด้วยเดินขึ้นไปบันไดเลื่อนไปด้วย ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปนั่งจ้องในระยะเวลา 30 นาที หรืออะไรแบบนั้นหรอกนะครับ แค่มองๆ ดูระหว่างที่เราเองก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปทำงานเฉยๆ 

โชคดีก็คือ ถึงในจำนวนคนเป็นพันๆ คนจะมีคน ‘เอ้อะ’ และเกือบจะสะดุดหัวคว่ำอยู่พอสมควร แต่เท่าที่ผมดู ผมไม่เจอคนที่เกิดอุบัติเหตุใหญ่ๆ แต่อย่างใด

คำถามคือ

แล้วถ้าเราโชคดีได้โอกาสเป็น 5 คนใน 1,000 คน แล้ว แถมเรายังโชคดีแบบสุดๆ ด้วยการข้ามอุบัติเหตุเล็กๆ ไป แล้วเผชิญกับอุบัติเหตุใหญ่เลย คุณว่ามันมีโอกาสที่จะเกิดอะไรขึ้นกับเราได้บ้างครับ ? 

ในจินตนาการผม สมมุติว่าถ้าเราพลาดแล้วเอาหน้าลง มันก็น่าจะเจ็บและน่าอายพอตัวเลยล่ะครับ กับการเอาหน้าผาก ‘ป้อกๆๆๆ’ บันไดเลื่อนไปเรื่อยๆ ตาม Momentum จนถึงด้านล่างสุด แต่สมมุติว่าถ้าเรา ‘ตากหงาย’ หรือล้มไปด้านหลังเนี่ย Intro เพลง Happy End - Back Number นี่ขึ้นเลยนะครับ

Happy End - Back Number : https://www.youtube.com/watch?v=T8y_RsF4TSw&list=RDT8y_RsF4TSw&start_radio=1

คือนอกจากการทำใจร่มๆ แล้วปล่อยตัวเองลอยไปข้างหลังพร้อมภาพความทรงจำแบบสโลว์โมชั่น มันไม่มี Action อื่นที่เราทำได้เลยหากเราตากหงายบนบันไดเลื่อน ยิ่งเป็นบันไดเลื่อนสูงๆ แบบบันไดเลื่อนตามสถานี MRT หรือบันไดเลื่อนที่ BTS สถานีสยามนี่ไม่ต้องคิดเลยครับ อาจจะได้ฟังพี่ๆ Back Number มาเล่นให้ฟังเพิ่มอีกสักเพลงสองเพลง แต่โอกาสรอดชีวิตก็ยังคงเป็น 0 อยู่ดี

แต่การเดินขึ้นบันไดเลื่อนจะกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยครับ เมื่อเราเอาไปเทียบกับการขับรถย้อนศร การขับฝ่าไฟแดง การพุ่งตัวขึ้นรถเมล์ตอนประตูกำลังจะปิด การเกาะรถเมล์ที่ไม่ปิดประตู การนั่งพี่วินสุดโฉบเฉียบโดยไม่มีให้แม้แต่หมวกกันน็อค รวมไปถึงการกระทำอื่นๆ โดยมีจุดรวมกันคือการไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้นนิดหน่อย ในขณะที่เหตุผลของการทำสิ่งที่ว่าไปทั้งหมดนั่นคือการทำไปเพื่อไปทำงาน

คือถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญอื่น ผมก็พอเข้าใจนะครับ ว่าทำไมมนุษย์ถึงต้องรีบร้อนกันขนาดนั้น เพราะมันสำคัญ และสิ่งที่สำคัญ ก็มักจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ จนเราสามารถปล่อยมือจากมันได้ง่ายๆ แต่คือ การรีบเพื่อไปทำงานให้ทัน มันเป็นอะไรที่จำเป็นขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย เพราะการทำงานมันก็เป็น Routine อยู่แล้ว มันเป็นแค่การทำซ้ำๆ เดิมๆ ที่เราต้องทำแทบทุกวันอยู่แล้ว ตัวแปรที่ทำให้เราต้องรีบมันจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น ส่งผลให้การพยายามวิ่งเพื่อเวลา 10 วินาทีจึงไม่ควรจะอยู่ในสมการตั้งแต่แรกแต่อย่างใด

ซึ่งหลายคนก็คงจะคิดว่า เรื่องร้ายขนาดนี้ มันคงไม่เกิดขึ้นกับเราหรอก ซึ่งก็อาจจะใช่ครับ แต่ถ้าเราจะคิดแบบนั้น โอกาสที่เราจะถูกล็อตเตอร์รี่ โอกาสที่สาวทอมบอย ผมสั้น น่ารัก คูลๆ แต่ก็มีด้านที่อ่อนโยนจะมาชอบเรา หรือเอาง่ายๆ ก็คือ โอกาสที่อสุจิน้อยที่เรียกว่า ‘เรา’ จะว่ายนำเหล่าพี่น้อง และได้เกิดขึ้นมาบนโลกนี้ ก็จะไม่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน เพราะงั้นเรื่องร้ายที่คุณคิดว่าไกลตัวจึงมีโอกาสเกิดขึ้นกับเราเสมอ และการป้องกันสิ่งเหล่านั้นไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ดูจะเป็นวิธีเดียวที่เราสามารถทำเพื่อลดผลกระทบจากมันได้

คืออย่างน้อย ก็อย่าตายเพราะรีบไปทำงาน จนพระเจ้าส่งกลับมาเกิดเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกรอบเลยครับ

หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก
Silver Gaze
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่