ถ้าญาติไม่ได้ทำพินัยกรรมก่อนเสียชีวิต แบบในเรื่อง “ลักกันวันตาย” จะจัดการบัญชีการเงินของผู้ตายอย่างไร

ถ้าญาติไม่ได้ทำพินัยกรรมก่อนเสียชีวิต แบบในเรื่อง “ลักกันวันตาย” จะจัดการบัญชีการเงินของผู้ตายอย่างไร
.
หลายคนคงจะเห็น “ลักกันวันตาย” ภาพยนตร์เรื่องใหม่จาก Netflix ที่เป็นเรื่องราวของนายธนาคาร 2 คน แอบลักลอบนำเงินในบัญชีของคนตาย ออกมาใช้ส่วนตัว
.
ซึ่งทำให้ “ลูก” ที่เป็นทายาทตามกฎหมายของผู้ตาย ต้องออกตามหาเงินก้อนนั้น เพราะผู้ตายไม่ได้ทิ้งพินัยกรรมใด ๆ ไว้
.
แล้วสงสัยหรือไม่ว่า หากเราตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน อย่างพ่อแม่เสียชีวิตกะทันหัน โดยที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมก่อนตายไว้เหมือนในภาพยนตร์
เราที่เป็นลูก จะต้องทำอย่างไรต่อ ?
ตามขั้นตอนโดยทั่วไปแล้ว เมื่อมีผู้เสียชีวิต สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การแจ้งตาย ภายใน 24 ชั่วโมง
.
โดยผู้พบศพ มีหน้าที่แจ้งเรื่องต่อนายทะเบียนในท้องที่ เพื่อออกใบมรณบัตรให้ครอบครัวหรือทายาท นำเอกสารไปใช้ดำเนินการเรื่องอื่น ๆ ต่อ
.
ในกรณีการแจ้งตายเกินกว่า 24 ชั่วโมง ผู้อำนวยการทะเบียนกลางอาจขยายเวลาให้ตามสมควร แต่ไม่ควรเกิน 7 วัน เพราะอาจมีค่าปรับ หลังจากนั้นเราจะได้รับใบมรณบัตร
.
คราวนี้ มาถึงคำถามที่ว่าเราจะเข้าถึงบัญชีการเงินของผู้ตายได้อย่างไร โดยในบทความนี้ เราจะพูดถึงประเด็นเรื่องของบัญชีเงินฝากเท่านั้น ไม่นับรวมทรัพย์สินอื่น ๆ ของผู้ตาย
.
1. ไปร้องขอศาลเป็น “ผู้จัดการมรดก”
.
เมื่อมีคนไปแจ้งธนาคารถึงการเสียชีวิตของเจ้าของบัญชี เงินในบัญชีนั้นจะถือเป็น “ทรัพย์มรดก” และจะถูกระงับการทำธุรกรรม ทำให้ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ทันที
.
ดังนั้น ทายาทโดยธรรม จะต้องยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อขอให้มีคำสั่งแต่งตั้งให้เป็น “ผู้จัดการมรดก” (กรณีผู้เสียชีวิต มีลูกมากกว่า 1 คน ต้องให้ลูกคนอื่นเซ็นชื่อยินยอมให้คนใดคนหนึ่งเป็นผู้จัดการมรดก)
.
ซึ่งผู้จัดการมรดก คือ ตัวแทนทางกฎหมายที่ถูกแต่งตั้งจากศาล มีหน้าที่เป็นผู้จัดการทรัพย์สินให้กับทายาททุกคน และชำระหนี้สินของผู้เสียชีวิต
ในกรณีที่ผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมมรดกเอาไว้ล่วงหน้า ทายาทโดยธรรมตามลำดับ จะเป็นผู้ได้สิทธิรับมรดก
.
โดยเรียงตามลำดับดังนี้
1. ผู้สืบสันดาน (ลูกเจ้าของมรดก)
2. บิดามารดา
3. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
4. พี่น้องร่วมบิดา หรือร่วมมารดาเดียวกัน
5. ปู่ ย่า ตา ยาย
6. ลุง ป้า น้า อา
.
ทายาทดังกล่าว มีสิทธิยื่นคำร้องเพื่อขอแต่งตั้งเป็น ผู้จัดการมรดก ซึ่งขั้นตอนนี้อาจว่าจ้างทนาย หรือจัดการยื่นคำร้องด้วยตัวเองได้ โดยรวบรวมเอกสารยื่นต่อศาลแพ่ง หรือศาลจังหวัดในพื้นที่ที่ผู้ตายมีภูมิลำเนา
.
โดยเอกสารเบื้องต้นที่ต้องเตรียมไปยื่น คือ
.
- ใบมรณบัตรของผู้เสียชีวิต
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้เสียชีวิต
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ขอเป็นผู้จัดการมรดก
.
ภายหลังจากศาลพิจารณาคำร้อง และเห็นชอบแล้ว ศาลจะออก “หนังสือแต่งตั้งผู้จัดการมรดกจากศาล” อย่างเป็นทางการ เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการจัดการทรัพย์สินของผู้ตายต่อไป
.
2. ไปติดต่อธนาคาร โดยเบื้องต้นให้นำเอกสารสำคัญไปดังนี้
.
- หนังสือแต่งตั้งผู้จัดการมรดกจากศาล
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้จัดการมรดก
- ใบมรณบัตรของผู้เสียชีวิต
- สมุดบัญชีของผู้เสียชีวิต (ถ้ามี)
.
จากนั้น ผู้จัดการมรดก ก็จะสามารถตัดสินใจได้ว่า จะปิดบัญชี โอนเงินในบัญชี หรือเปลี่ยนชื่อบัญชีเงินฝากให้เป็นชื่อตนเอง
.
สุดท้าย สิ่งที่ควรจำไว้คือ เงินในบัญชีของผู้เสียชีวิต ถือเป็น “ทรัพย์มรดก” ซึ่งไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งแต่งตั้งผู้จัดการมรดกอย่างเป็นทางการ
.
หากมีผู้ใดพยายามถอนหรือโอนเงินออกไปก่อนขั้นตอนก่อนหน้านี้ แม้จะเป็นลูกหลานหรือญาติใกล้ชิด ก็อาจเข้าข่ายยักยอกทรัพย์มรดกได้
.
ดังนั้น คนในครอบครัวควรพูดคุยและเตรียมการเรื่องทรัพย์สินตั้งแต่ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต แบบในเรื่อง “ลักกันวันตาย”..
.
ที่มา : ลงทุนเกิร์ล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่