พยายามทำความเข้าใจ ความขี้เกียจในหลักธรรม พุทธศาสนา ครับ

บางคำอาจจะพิมไม่ถูกต้อง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ตาม อริยสัจ 4 ความจริงอันสูงสุด เริ่มต้น ด้วยความทุกช์

ความทุกข์ นี้คือ ไม่พอใจ ไม่ได้ดั่งใจ ไม่เป็นไปตามความอยาก

ที่มาของทุกข์ คือ จิตที่ออกไปตามหาความสุขชั่วคราวที่มีผลต่อความเป็นอยู่ ร่างกาย เเละความสุขชั่วคราวนี้

เเละ 1 ข้อ ใน มรรค 8 คือความเห็นชอบ ซึ่งความเห็นชอบคือสัจจะความจริง ความจริงที่รู้ได้คือ กรรม = การกระทำ

ทำสิ่งใดย่อมได้รับผลของสิ่งนั้น ซึ่ง ความสุขชั่วคราว ที่เรากำลังทำในขณะขี้เกียจนั้น มันเป็นความสุขชั่วคราว เเล้วเรายึดความสุขชั่วคราวเป็นที่ตั้ง เเต่ไม่เห็นสุดท้ายปลายทางของมัน ก็คือความอยากอีก อยากทำอีก อยากกินอีก อยากทำอีก ชอบติดในอารมณ์ความสุข ที่ไม่รู้ว่าจะนำมาซึ่งความทุกข์ในภายภาคหน้า เช่น กินหวาน เป็นเบาหวาน กิน เค็ม เป็นไต อยู่กับที่นานเช่นดูหนังวเล่นเกม ทำให้เกิดโรคอ้วน เเละโรคต่างๆมากมาย ซึ่งคือโทษ

เเต่ถ้าหากเรา เพียร ฝึกสมาธิ ฝึกสติ จนมีความเห็นชอบ เห็นในสัจจะความจริงของปลายเหตุนี้เเล้ว เราจะมีความคิดชอบในการปฏิบัติไปในทางที่ถูกต้อง
คือ กินดี นอนดี สุขดี ออกกำลังดี นั้น ส่งผลให้สุขภาพ ควรทำ  เเต่การทำในสิ่งที่ถูกต้องนั้นยาก เนื่องจากจิตเราหลงยึดในความสบาย หลงยึดในความสุขชั่วคราว หลงในรสชาติ กลิ่น เสียง สัมผัส ที่ทำให้ลุ่มหลงมัวเมา จนไม่เห็นโทษของมัน หรือที่ผมเข้าใจคือ กิเลสมาร นั่นเเหละ

เราจึงต้องเพียรฝึกจิตให้มีกำลังมากพอ เพื่อที่จะ ฝึกให้จิตตั้งมั่นไปในทางที่ถูกต้อง จิตเเกร่งกล้าพอที่จะวางเฉยต่อกิเลส ดับไฟราคะ โทสะ โมหะ เเละพบเจอกับความสงบสุขยาวนาน ในระยะยาว หรือเเม่เเต่ อมตะนิพพาน (ในวันที่ไฟกิเลสดับ นิพพานจะปรากฏให้เห็นเอง)

สรุปก็คือ เราต้องรู้เท่าทันตัวเอง ดูให้เห็นโทษของความสุขชั่วคราว เเละพยายามมุ่งมั่นฝึกจิตเพื่อที่จะดับกิเลสความหลงมัวเมานั้นกลับมา
ตั้งจิตตั้งมั่นพาตนเข้ามาในเส้นทางที่ถูกต้อง ทางที่จะพบความสงบ ระหว่างนั้นอาจจะ ทุกข์ บ้างก็เพราะไฟกิเลสมันไหม้รุนเเรงหลงมัวเมามานาน

กล้าหาญเผชิญหน้ากับที่สุดแห่งทุกข์ คือการกับกิเลส ดับความยึดมั่นถือมั่น ถือตัว เห็นผิด ฉันเหนื่อย ฉันต้องการสบาย ฉันต้องการหาทางที่ง่าย ๆ
หยุด กลับมาเผชิญหน้ากับความจริงนี้ ทางไปสู่คึวามสำเร็จจริงๆมันง่ายนิดเดียวเอง เอาชนะใจตัวเองให้ได้ไปให้สุด จะเจอความสำเร็จ

ขอบคุณครับ หากผิดประการใดขอภัยด้วยนะครับ ยินดีรับฟังครับ อยากเข้าใจให้มากขึ้นครับ

นึกได้หลังพิมเสร็จครับ
ระหว่างทาง จะ เจอกับ ความทุกข์ เพราะ ไม่เป็นไปตามความหลงความอยากครับ (ซึ่งก็คื่อตัณหา ความอยากชั่วคราว)
ต้องอดทน ใช้ขันติบารมี จนวันนึงไฟมอดลง อุเบกขาบารมีจะเกิด คือการวางเฉยในความอยากนั้นได้ครับ
เเละที่จะไปสู่ความถูกต้อง ถ้าไม่มีความอยากไปเลย คงเป็นไปไม่ได้ พระพุทธเจ้า เเนะนำอิทธิบาท 4 มาครับ คือ 1 เลยขาดไปไม่ได้ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ คือ ฉันทะ ความพอใจที่จะทำ เห็นประโยชน์ในสุดท้ายปลายเหตุเเล้ว เกิด วิริยะ ความมุ่งมั่นพยายามทำให้สำเร็จ จิตตะ จดจ่อตั้งมั่น ไม่วอกแวก กิเลสไม่สามารถมาขัดขวางได้ วิมังสาวิเคราะปรับปรุงเเก้ไขพัฒนาต่อไป เพื่อผลสำเร็จในที่สุดครับ

ตอนนี้ พยายาม เดิน ตาม มรรค 8 อยู่ครับ เห็นชอบ คิดชอบ พูดจาชอบ ทำชอบ อาชีพชอบ เพียรชอบ สติชอบ สมาธิชอบ ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่