ลาออกจากวิศวกรเงินเดือนหลักแสน มาทำ หมาล่าบาร์ เจ้าแรกในไทย! — ล่าเมียว ไม่ใช่ทุนจีนเทา แต่เป็นฝีมือคนไทย 100%

ช่วงนี้ถ้าเดินผ่านห้างหรือคอมมูนิตี้ใหญ่ ๆ คงเห็นร้าน “หมาล่าทั่ง” ผุดขึ้นรัว ๆแต่รู้ไหมว่า ร้านหมาล่าทั่งเจ้าแรก ๆ ที่บุกตลาดในไทยจนกลายเป็นเทรนด์... ไม่ใช่ทุนจีน แต่เป็นฝีมือคนไทยแท้ ๆ

   นั่นคือ “ล่าเมียว (La Meow)

   ร้านหมาล่าบาร์ที่สร้างขึ้นโดย “แอมป์ – รัตตรุจน์ ทองประดิษฐ์”อดีตวิศวกรเงินเดือนหลักแสน ที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เพราะอยากมีเวลาเลี้ยงลูกและอยากทำธุรกิจที่ “มีชีวิตของตัวเองอยู่ในนั้นจริง ๆ”

จากวิศวกร → เจ้าของร้านหมาล่าทั่ง 230 ล้าน
   หลังถูกส่งไปดูงานที่ประเทศจีน แอมป์ได้รู้จักกับอาหารจีนแท้ ๆ และได้พบภรรยาชาวหูหนาน พอกลับมาไทย เขาเริ่มมองเห็นช่องว่างในตลาด — คนไทยยังไม่คุ้นกับอาหารจีนหูหนานเลย ทั้งที่รสชาติจัดจ้านเข้ากับลิ้นคนไทยมาก แม้จะ “ทำอาหารไม่เป็น” และไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจร้านอาหาร
แต่เขาก็ลุยเลย ใช้เงินเก็บหลักแสนจ้างเชฟ เซ้งร้านเล็ก ๆ แถวแหล่งทัวร์จีน ผลปรากฏว่า…ลูกค้าจีนเข้ามาอุดหนุนแน่นร้าน

จากร้านจีนธรรมดา → หมาล่าบาร์เจ้าแรกในไทย
    พอร้านเริ่มไปได้ แอมป์อยากขยายเข้า “ห้าง” เพื่อเข้าถึงลูกค้าคนไทย เขาเลยเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ใหม่ทั้งหมด ตั้งชื่อ “ล่าเมียว” (แปลว่า “แมวเผ็ด”) ตกแต่งร้านให้น่ารักเหมือนคาเฟ่ และนำ ตู้หมาล่าบาร์ มาใช้เป็นร้านแรกของไทย นั่นคือจุดเริ่มต้นของเทรนด์ “หมาล่าบาร์” ที่กำลังมาแทนหมาล่าสายพานในตอนนี้ เพราะล่าเมียวมองเห็นเทรนด์ล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ 7 ปีก่อนใคร

ตอนนี้ล่าเมียวไม่ได้มีแค่แบรนด์เดียว!
    เขาขยายต่อจนกลายเป็น อาณาจักรอาหารจีนของคนไทย
       1. ล่าเมียว (La Meow) – หมาล่าทั่งระดับพรีเมียม (สิ้นปีนี้มี 11 สาขา)
       2. Moyu Meow – ปลาต้มผักกาดดอง เริ่มต้น 199 บาท เจาะสายโสด (3 สาขา)
       3. Mala.U – หมาล่าทั่งนอกห้าง (1 สาขา)
       4. Keep in Touch – บาร์บีคิวจีนเตาหมุน เตรียมเปิดที่ “สยามพารากอน” ปลายปีนี้

  - ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 230 ล้านบาท
  - และปีหน้าเล็งโตทะลุ 500 ล้านบาท
  - เป้าหมายใหญ่คือภายในปี 2571 จะเข้าตลาดหลักทรัพย์

ที่มา  กรุงเทพธุรกิจ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่