วิธีแสวงหาริสกี เพื่อจะเพิ่มพูนริสกี (ปัจจัยยังชีพ)

1 ใน 99 พระนามของอัลลอฮฺ คือ อัลร็อซซาก – ผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพ (ริสกี)

พระองค์ทรงประทานเพื่อการประทังชีวิต โดยมีอาชีพเป็นสื่อกลาง

ริสกีมี 2 ประเภท คือ 1.ริสกีทางร่างกาย 2.ริสกีทางวิญญาณ

1.ริสกีทางร่างกาย ได้แก่ สุขภาพแข็งแรง รายได้

2.ริสกีทางวิญญาณ ได้แก่ ความรู้ ความเข้าใจ การดลใจ คุณธรรมทางจิตใจ หลักยึดมั่นอันเป็นสัจจะ

เราจึงควรทำหน้าที่หลัก (อิบาดะฮฺ) ขอต่อเจ้าของริสกีก่อน พึ่งพาและขอความช่วยเหลือจากพระองค์ก่อนสิ่งใด

วิธีแสวงหาริสกี เพื่อจะเพิ่มพูนริสกี  

หากเรามอบหมายต่ออัลลอฮฺ ความจนไม่มี วิธีที่จะแสวงหาริสกี เพื่อจะเพิ่มพูนริสกี ถ้าเราได้ทำเพื่ออัลลอฮฺจริงๆ ก็จะเป็นวิธีทำให้ริสกีเพิ่มพูนขึ้น ตามการประทานให้ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ระบุอยู่ในอัลกุรอานและหะดีษ ดังนี้

1. ทำให้อัลลอฮฺรักและพอพระทัย ทำอะไรที่เป็นการงานที่ดีๆ ที่นำไปสู่ความรักและความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.)

ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัย ฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “แท้จริงอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งได้ตรัสว่า ‘ผู้ใดที่เป็นศัตรูกับวลี (คนรัก) ของข้า แท้จริงข้าได้ประกาศสงครามกับเขาผู้นั้น ไม่มีบ่าวของข้าคนใดที่ (ปฏิบัติตน) เข้าใกล้กับข้าด้วยการงานหนึ่งที่ข้ารักยิ่งไปกว่าการปฏิบัติในสิ่งที่ข้า กำหนดเป็นฟัรฎูแก่เขา และบ่าวของข้านั้นก็ยังคง (ปฏิบัติตน) เข้าใกล้ข้าตลอดเวลาด้วยการปฏิบัติสิ่งที่เป็นซุนนะฮฺต่างๆ จนกระทั่งข้ารักเขา ครั้นเมื่อข้ารักเขาแล้ว ข้าก็จะเป็นดั่งผู้ระวังรักษาหูของเขาที่เขาใช้ฟัง เป็นผู้ระวังรักษาตาของเขาที่เขาใช้มอง เป็นผู้ระวังรักษามือของเขาที่เขาใช้ฟาดฟัน (ต่อสู้) และเป็นผู้ระวังรักษาเท้าของเขาที่เขาใช้เดิน แน่นอนหากเขาขอสิ่งใดจากข้า ข้าย่อมให้เขา และหากเขาขอความคุ้มครองจากข้า ข้าก็จะให้ความคุ้มครองเขาอย่างแน่นอน” (หะดีษ (กุดซีย์) เศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 6502)

“และเจ้าจงใช้ครอบครัวของเจ้า ให้ทำละหมาด และจงอดทนในการปฏิบัติ เรามิได้ขอเครื่องยังชีพจากเจ้า เราต่างหากเป็นผู้ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้า และบั้นปลายนั้นสำหรับผู้ที่มีความยำเกรง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺฏอฮา 132)

- - -

“ข้าพระองค์ได้กล่าวว่า พวกท่านจงขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกท่านเถิด เพราะแท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอภัยโทษอย่างแท้จริง พระองค์จะทรงหลั่งน้ำฝนอย่างมากมายแก่พวกท่าน และพระองค์จะทรงเพิ่มพูนทรัพย์สินและลูกหลานแก่พวกท่าน และจะทรงทำให้มีสวนมากหลายแก่พวกท่าน และจะทรงทำให้มีลำน้ำมากหลายแก่พวกท่าน” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺนูหฺ 10-12)

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “ผู้ใดที่วิงวอนขออภัยโทษเป็นประจำ อัลลอฮฺจะบันดาลให้เขาได้พบทางออก จากทุกๆ ทางที่อุดตัน ได้พ้นไปจากทุกๆ ความหม่นหมอง และพระองค์จะประทานปัจจัยแก่เขา อย่างคาดไม่ถึง” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอะบูดาวูด และนาซาอีย์)

จงกล่าวเถิด “แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงแผ่ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ จากปวงบ่าวของพระองค์ และทรงให้คับแคบแก่เขา และอันใดที่พวกเจ้าบริจาคจากสิ่งใดก็ดีพระองค์จะทรงทดแทนมัน และพระองค์นั้นทรงเป็นผู้ดีเลิศแห่งบรรดาผู้ประทานปัจจัยยังชีพ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺสะบะอฺ 39)

ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “อัลลอฮฺ ได้ตรัสว่า: “โอ้ ลูกหลานอาดัม พวกเจ้าจงใช้จ่าย (ในหนทางของอัลลอฮฺจากสิ่งที่พระองค์ทรงถูกประทานให้) แล้วฉันจะใช้จ่าย (ประทานเพิ่ม) ให้แก่พวกเจ้า” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยมุสลิม เลขที่ 993 และบุคอรี เลขที่ 4933)

- - -

จัดสรรเวลาทำอิบาดะฮฺ ขอบคุณอัลลอฮฺ 

ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “พระผู้อภิบาลผู้ทรงสูงส่งของพวกเจ้าได้ตรัสว่า: โอ้ ลูกหลานอาดัม เจ้าจงอุทิศเวลาเพื่อทำอิบาดะฮฺต่อฉัน แล้วฉันจะทำให้หัวใจของเจ้าเต็มอิ่มด้วยความร่ำรวย (รู้สึกพอ) และทำให้มือของสูเจ้าเต็มไปด้วยปัจจัยยังชีพ โอ้ ลูกหลานอาดัม จงอย่าได้ออกห่างจากฉัน มิเช่นนั้นฉันจะทำให้หัวใจของสูเจ้าเต็มไปด้วยความยากจน และมือของสูเจ้าเต็มไปด้วยการงาน” (หะดีษเศาะฮีหฺ รายงานโดย อัลหากิม เลขที่ 7926)

มีเวลาเพื่อการอิบาดะฮฺ มีตารางว่าฉันจะทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ฟัรฏูมีเวลาแน่นอน แต่สุนัตมีตารางเวลา เช่น ละหมาดตะฮัดญุดเดือนละ 2 คืน

6. ขอบคุณต่ออัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา

“และจงรำลึกขณะที่พระเจ้าของพวกเจ้าได้ประกาศว่า หากพวกเจ้าขอบคุณ ข้าก็จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้า และหากพวกเจ้าเนรคุณ แท้จริงการลงโทษของข้านั้นสาหัสยิ่ง” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอิบรอฮีม 7)

ขอบคุณอัลลอฮฺ (ซ.บ.) กล่าว อัลฮัมดุลิลลาฮฺ เมื่อเราได้ละหมาดครบ 5 เวลา มีโอกาสได้ซิรุลลอฮฺ เสร็จจากการซิกรุลลอฮฺแล้ว กล่าวอัลฮัมดุลิลลาฮฺ ขอบคุณต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) ที่พระองค์ได้โปรดเมตตาให้เราได้มีความสามารถที่จะซิรุลลอฮฺ อ่านอัลกุรอาน ถือศีลอด หรือได้รับริสกีเพิ่มพูน

- - -

“และผู้ใดมอบหมายแด่อัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงเป็นผู้พอเพียงแก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงบรรลุในกิจการของพระองค์โดยแน่นอนสำหรับทุกสิ่งอย่างนั้นอัลลอฮฺทรงกำหนดกฎสภาวะไว้แล้ว” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัฏเฏาะลาก 3)

ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ถ้าหากพวกท่านมอบหมายแด่อัลลอฮฺอย่างถูกต้องแล้ว แน่แท้พระองค์จะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกท่านเหมือนดังที่พระองค์ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่นก มันออกไปในยามเช้าตรู่ในสภาพที่หิวโหย และกลับมาในสภาพที่ท้องอิ่มแปร้” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัลติรมีซีย์ เลขที่ 2344 และอิบนุมาญะฮฺ เลขที่ 4164)

เมื่อเราเข้าใจและเชื่อมั่นว่า อัลลอฮฺทรงเพียงพอแล้วสำหรับเรา ริสกีที่พระองค์ให้ก็จะพอเพียงและมีบารอกะฮฺ

“ผู้ใดยำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงหาทางออกให้แก่เขา และจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาจากที่ที่เขามิได้คาดคิด” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัฏเฏาะลาก 2-3)

“และหากว่าชาวเมืองนั้นได้ศรัทธากันและมีความยำเกรงแล้วไซร้ แน่นอนเราก็เปิดให้แก่พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดาความเพิ่มพูนจากฟากฟ้า และแผ่นดินแต่ทว่าพวกเขาปฏิเสธ ดังนั้นเราจึงได้ลงโทษพวกเขา เนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อะอฺรอฟ 96)

อัลลอฮฺจะทรงเพิ่มพูนริสกีให้แก่คนที่มีความยำเกรงต่อพระองค์ (ตักวา) มี 2 ประการที่หัวใจของเราจะต้องรู้สึกอย่างนี้ คือ
1. รู้สึกอยากจะทำดีเพื่ออัลอลฮฺอยู่ตลอดเวลา เช่น เมื่อมีเวลาว่าง อยากจะทำดีเพื่ออัลลอฮฺ
2. หัวใจเกิดความรู้สึกว่า รังเกียจ เกลียดความชั่ว “อยากทำดีเพื่ออัลลอฮฺ เกลียดความชั่วเพราะกลัวอัลลอฮฺ”

9. ฮิจเราะฮฺ (อพยพ) ในที่นี้คือ การทิ้งจากความชั่ว หันมาทำแต่ความดี เช่น ไม่เคยละหมาดที่มัสญิดเลย ก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง วันนี้มาละหมาดที่มัสยิดเพิ่มขึ้น ไม่เคยจับอัลกุรอานเลย วันนี้อ่านอัลกุรอานเพิ่มขึ้น ไม่เคยให้อภัยคน วันนี้เปลี่ยนแปลง ให้อภัยคน

“และผู้ใดที่อพยพไปในทางของอัลลอฮฺเขาก็จะพบในผืนแผ่นดิน ซึ่งสถานที่อพยพไปอันมากมาย และความมั่งคั่งด้วย และผู้ที่ออกจากบ้านของเขาไป ในฐานะผู้อพยพไปยังอัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ แล้วความตายก็มาถึงเขา แน่นอนรางวัลของเขานั้นย่อมปรากฏอยู่แล้ว ณ อัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นเป็นทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัน-นิซาอฺ 100)

ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ผู้ใดพอใจที่จะให้ริสกีของเขาแผ่กว้างและเพิ่มพูน หรือพอใจที่จะให้ร่องรอย(แห่งผลจากความดี)ของเขาถูกบันทึกไว้เขาก็จงเชื่อมความสัมพันธ์กับเครือญาติของเขา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรี เลขที่ 2067 และมุสลิม เลขที่ 2557)

เชื่อมสัมพันธ์ที่ดีกับเครือญาติ บางทีไม่มีเวลา ฝากของฝากไปให้ ฝากฮาดียะฮฺ (ของขวัญ) ไปให้ ฝากสลามถึงเขา นี่ก็เป็นรูปแบบหนึ่งในการเชื่อมสัมพันธ์

11. แบ่งเวลามาเรียนศาสนา เรียนตัฟซีร หะดีษ อยู่กับคนดี

มีหะดีษรายงานจากท่าน อนัส บินมาลิก เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวว่า: “ได้มีพี่น้องสองคนในสมัยของท่านรอซูล ซึ่งคนหนึ่ง (ไม่ได้ทำงานแต่) จะไปหาท่านนบี (เพื่อศึกษาศาสนา) และอีกคนหนึ่งจะออกไปทำงาน ดังนั้นคนที่ออกไปทำงานจึงร้องเรียนต่อท่านบี เกี่ยวกับพี่น้องของเขา (ว่าเอาเปรียบเขา) ท่านนบีจึงได้กล่าวแก่เขาว่า “บางที ท่านอาจได้รับการประทานริสกีโดยผ่าน (กิจการของ) เขาก็ได้” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย อัตติรมีซีย์ เลขที่ 2345)

(น้องอยู่กับนบี เรียนอัลกุรอาน ซุนนะฮฺนบี ขอดุอาอฺ กลางคืนละหมาดตะฮัดญุด การปฏิบัติดีของน้องเขาต่างหาก เป็นสาเหตุริสกีของพี่เพิ่มขึ้น)

เช่น ดูแลเด็กกำพร้า ให้ทุนเรียนศาสนา ยิ่งบริจาคยิ่งเพิ่มขึ้น

หะดีษรายงานจากมุศอับ บิน สะอัด กล่าวว่า “สะอัดเห็นว่า ตนมีความประเสริฐกว่าเศาะหาบะฮฺท่านอื่นๆที่อ่อนแอกว่า (เพราะตนแข็งแรงกว่า เพราะฉะนั้น ตนจึงควรจะได้รับการแบ่งปันทรัพย์สินที่ได้จากการสงครามมากกว่าพวกเขา) ท่านนบี จึงกล่าวว่า “ไม่ใช่เพราะผู้ที่อ่อนแอจากหมู่พวกท่านดอกหรือ ! พวกท่านจึงได้รับความช่วยเหลือ (ชัยชนะ) และได้รับการประทานปัจจัยยังชีพ (ที่มากมาย)?” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดย บุคอรี เลขที่ 2896)

ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “แท้จริงพระองค์อัลลอฮฺทรงประทานความช่วยเหลือแก่ประชาชาตินี้ด้วยผู้ที่อ่อนแอในหมู่พวกเขา ด้วยคำวิงวอนของพวกเขา การละหมาดของพวกเขา และความบริสุทธิ์ใจของพวกเขา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอันนะซาอีย์ เลขที่ 3178)

ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ผู้ไม่มีเมตตาธรรมต่อมนุษย์ อัลลอฮฺจะไม่ทรงเมตตาธรรมต่อเขา” (หะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม)

สนับสนุนช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเท่าที่เรามีกำลังความสามารถ แล้วเราจะได้รับความเมตตาในอนาคตข้างหน้า ริสกีจะเพิ่มพูนขึ้น

มีในบทอัซการเช้า-เย็น มีดุอาอฺให้ปลอดภัยจากความยากจน

- - -

ที่มา อ้างอิง เนื้อหาจากการบรรยายในยูทูบ
1. เรื่อง วิธีแสวงหาริสกี เพื่อจะเพิ่มพูนริสกี สอนโดย อ.มุสตอฟา อยู่เป็นสุข

2. เรื่อง ใครต้องการริสกีให้เขารักษาสาเหตุ 4 ประการ สอนโดย อ.ดาวุด ธิยัน

3. เรื่อง ชีวิตผู้ศรัทธาคือชีวิตที่เปี่ยมสุข ตอน วิธีเพิ่มพูนริสกี สอนโดย อ.ซิดดิ๊ก มูฮัมหมัดสอี๊ด